สื่อนอกรายงาน ทหารกัมพูชาเจ็บทะลุ 400 ตาย 13 ที่พระวิหาร ขณะที่รัฐบาลสั่งปิดข่าว
สื่อนอกเผย ทหารเจ็บกว่า 400 นาย เสียชีวิต 13 ศพที่พระวิหาร รัฐบาลพนมเปญพยายามปิดข่าว ขณะที่กองทัพไทยรุกคืบยึดพื้นที่-ถล่มแหล่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์
สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชายังคงตึงเครียดต่อเนื่องเป็นเวลากว่าสองสัปดาห์ สื่อต่างประเทศได้รายงานเจาะลึกถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้น โดยระบุว่ากองทัพไทยมีความเหนือกว่าทั้งด้านขนาดและขีดความสามารถทางอากาศ ส่งผลให้ฝ่ายกัมพูชาได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดพระวิหาร
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่เปิดเผยข้อมูลลับว่า นับตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม มีทหารและตำรวจตระเวนชายแดนกัมพูชาได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบแล้วกว่า 400 นาย และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 นาย แต่รัฐบาลพนมเปญพยายามปิดข่าวความสูญเสียทางทหารนี้ไม่ให้สาธารณชนรับรู้ โดยรายงานเพียงตัวเลขพลเรือนเสียชีวิต 21 รายเท่านั้น
ยุทธวิธีการรบของฝ่ายไทยในครั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่ามีการมุ่งเป้าโจมตีทางยุทธศาสตร์ไปที่กระเป๋าเงิน ของกลุ่มชนชั้นนำกัมพูชา โดยเฉพาะการโจมตีทางอากาศใส่คาสิโนและอาคารที่ถูกระบุว่าเป็นศูนย์บัญชาการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ (Scam centers) ในเมืองชายแดน ซึ่งธุรกิจสีเทาเหล่านี้สร้างรายได้มหาศาลให้กับผู้มีอิทธิพล
กองทัพไทยระบุว่าปฏิบัติการทิ้งระเบิดดังกล่าวเป็นการทลายเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติและปกป้องประชาชนจากการถูกหลอกลวง แม้ว่ากลุ่มอาชญากรบางส่วนจะเริ่มย้ายฐานหนีไปยังพื้นที่ปลอดภัยกว่าแล้วก็ตาม
สถานการณ์ล่าสุดในพื้นที่พิพาท นายอนุทิน ชาญวีรกูล รักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย ประกาศว่าพื้นที่เกือบทั้งหมดที่เคยถูกกัมพูชารุกล้ำได้ถูกยึดคืนมาแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับรายงานภาคสนามที่ระบุว่าทหารไทยได้เข้าควบคุมพื้นที่สำคัญหลายจุด เช่น ปราสาทตาควาย ช่องอานม้า รวมถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษทมอดา ในจังหวัดโพธิสัตว์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของคาสิโนและแหล่งกบดานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยภาพความเสียหายจากการสู้รบปรากฏชัดเจน แม้ฝ่ายกัมพูชาจะปฏิเสธการเสียดินแดน แต่หลักฐานภาพถ่ายทหารไทยในพื้นที่กลับยืนยันสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี
ความขัดแย้งครั้งนี้กำลังสร้างแรงกดดันอย่างหนักต่อรัฐบาลฮุนเซน และพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) เนื่องจากประเทศกำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจรุมเร้า ทั้งหนี้ครัวเรือนที่สูงลิ่ว การถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ และปัญหาผู้อพยพตามแนวชายแดนกว่าครึ่งล้านคน นักวิเคราะห์เตือนว่า หากกัมพูชาต้องเสียดินแดนจริงๆ จะกลายเป็นต้นทุนทางการเมืองที่สูงลิ่ว และอาจจุดกระแสชาตินิยมที่ยากจะควบคุม ซึ่งเป็นจุดอ่อนสำคัญของรัฐบาลพนมเปญ
สำหรับการเจรจาทางการทูต แม้ทั้งสองฝ่ายจะตกลงหารือกันในที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ที่ผ่านมา เพื่อหาทางหยุดยิง แต่นักวิเคราะห์มองว่าสันติภาพที่ยั่งยืนยังคงห่างไกล และจำเป็นต้องมีคนกลางจากนานาชาติเข้ามาแทรกแซงอย่างจริงจัง ซึ่งจีนอาจมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ แต่จนถึงขณะนี้การนองเลือดยังคงเกิดขึ้นรายวัน และยอดผู้สูญเสียก็ยังคงพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
ที่มา: The Diplomat
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง