ฑิฆัมพร สุรินทรทะ บทเรียนจากความพ่ายแพ้ที่ไม่สูญเปล่า เรียนรู้ เพื่อเป็นแชมป์ซีเกมส์ในปีที่ 8
บีม-ฑิฆัมพร สุรินทรทะ นักกีฬายิมนาสติกทีมชาติไทย หนึ่งในนักกีฬาจากซีรีส์ Player Profile ที่เรามีโอกาสได้สัมภาษณ์ก่อนกีฬาซีเกมส์ 2025 จะเริ่มต้นขึ้น หากใครได้อ่านเรื่องราวของเขามาก่อนหน้านี้ หรือติดตามข่าวในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา คงทราบกันดีว่า เจ้าบีมเพิ่งปลดล็อกความสำเร็จ คว้าเหรียญทองซีเกมส์ให้กับตัวเองเป็นครั้งแรก และยังเป็นเหรียญทองแรกในรอบ 10 ปี ของยิมนาสติกชายไทยในมหกรรมกีฬาซีเกมส์อีกด้วย
ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ซีเกมส์ครั้งแรกในปี 2017 บีมต้องเผชิญกับความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากผลงาน 4 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง ซึ่งทำให้เขาต้องยืนอยู่ในตำแหน่งรองแชมป์มาโดยตลอด
บีม เปิดใจกับ THE STANDARD SPORT อีกครั้งว่า ก่อนการแข่งขันซีเกมส์ทุกครั้ง ความกลัวต่อความผิดหวังมักจะเกิดขึ้นในใจเสมอ เพราะบาดแผลจากความพ่ายแพ้ในอดีตยังคงตามหลอกหลอนอยู่ไม่จางหาย
“ผมเคยคิดว่าตัวเองคงไม่เหมาะกับซีเกมส์ เพราะแข่งทีไรก็ได้อันดับ 2 ตลอด บางครั้งก็รู้สึกว่า เราก็ซ้อมหนักมาทั้งปีเหมือนกันนะ แต่ทำไมพอมาแข่งทุกครั้ง ผลลัพธ์ถึงออกมาเป็นแบบนี้”
“ผมกลัวตัวเองจะเป็นพระรองตลอด เพราะคู่แข่งของผม (คาร์ลอส ยูโล่) ดีกรีระดับแชมป์โลกและเหรียญทองโอลิมปิก เจอกันมาตั้งแต่เล็กจนโต ผมแทบไม่เคยชนะเขาได้เลย โดยเฉพาะในซีเกมส์ รู้สึกว่าต้องเจอกันอีกแล้วเหรอ ทำไมต้องมาเก่งท่าถนัดของผมด้วย”
แม้ความรู้สึกท้อแท้จะถาโถมเข้ามา แต่บีมเลือกจะไม่ยอมแพ้
“แต่ผมไม่อยากมานั่งเสียใจในภายหลัง” เขาอธิบายเหตุผลที่ยังเลือกเดินหน้าต่อ แทนที่จะถอดใจยอมแพ้
“ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบไหนก็ตาม ผมไม่อยากหันกลับมามองแล้วรู้สึกเสียดายเวลาที่ผ่านมา ผมมั่นใจว่าตัวเองยังทำได้ดีกว่านี้ เลยเก็บเอาความพ่ายแพ้แต่ละครั้งมาเป็นเชื้อเพลิงในการพัฒนาตัวเองต่อไป”
ซีเกมส์ 2025 บีม-ฑิฆัมพร โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขันยิมนาสติกศิลป์ ฟลอร์เอ็กเซอร์ไซส์ ทำได้ 14.000 คะแนน คว้าเหรียญทองและสร้างสถิติใหม่ของตัวเองอีกด้วย
วินาทีที่รู้ตัวว่าชนะ บีมยอมรับว่าในหัวนั้นโล่งอย่างบอกไม่ถูก
“ภาพจำเก่าๆ ในซีเกมส์ทุกครั้งที่เราแพ้ มันวิ่งเข้าในหัวหมดเลย รวมถึงภาพความพยายามที่ผมได้ทุ่มเทลงไปทั้งหมดในปีนี้มันฉายออกมา ดีใจมากๆ ที่รอบนี้ทำสำเร็จแล้ว”
“ผมสละร่างกาย สละเวลาชีวิต เพื่อทุ่มเทให้การฝึกซ้อมตลอดทั้งปี เพราะผมอยากทำให้สำเร็จ และวันนี้ทำได้แล้ว”
“ขอบคุณตัวเองมากๆ ที่วันนั้นไม่ยอมแพ้ ขอบคุณความพ่ายแพ้ตลอด 7-8 ปีที่ผ่านมา ได้มอบให้บทเรียนให้กับผมหลายอย่าง เก็บเอามาเรียนรู้ทั้งหมด และวันนี้มันไม่สูญเปล่าแล้ว”
บีมยังเผยถึงรายละเอียดเบื้องหลังความสำเร็จว่า การเตรียมตัวในครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมาอย่างชัดเจน
“ครั้งนี้ผมเตรียมตัวมาดีกว่าทุกครั้ง ทุ่มเทและใส่ใจรายละเอียดมากขึ้น ตั้งแต่การวอร์มอัป เสริมความแข็งแรงไปจนถึงการปรับเปลี่ยนมายด์เซต ผมทำงานร่วมกับโค้ช ทำเช็กลิสต์เป้าหมายเป็นข้อๆ แต่ละเดือนจะต้องพัฒนาอะไรไปถึงจุดไหน ซึ่งทั้งหมดส่งผลซีเกมส์ครั้งนี้คะแนนออกมาดีที่สุดตั้งแต่ผมเคยแข่งมา”
ความสำเร็จในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ปลดล็อกและลบรอยแผลในใจ แต่ยังจุดไฟแห่งความมุ่งมั่นให้ลุกโชนขึ้นมา หลังก้าวผ่านบันไดขั้นแรกมาแล้ว เจ้าบีมบอกว่าอยากจะปีนบันไดก้าวไปให้สูงขึ้นในระดับนานาชาติ
“ผมได้ความมุ่งมั่นจากการแข่งครั้งนี้เยอะมากครับ ปีหน้าผมอยากจะคว้าเหรียญในรายการต่างๆ ให้ได้มากขึ้น คว้าเหรียญรางวัลเอเชียนเกมส์ และจะพยายามไปให้ถึงโอลิมปิกเกมส์ 2028”
“ผมบอกกับโค้ชแล้วครับว่า จะให้ซ้อมหนักขนาดไหนก็ได้ ผมยอมทำทุกอย่าง ขอแค่พาผมไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ก็พอ”