โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

กิน ‘น้ำมะเขือเทศ’ ทุกวัน ช่วยให้ผิวสวย อ่อนกว่าวัย จริงเหรอ?

BRIGHTTV.CO.TH

อัพเดต 08 ก.พ. 2565 เวลา 18.22 น. • เผยแพร่ 08 ก.พ. 2565 เวลา 11.21 น. • Bright Today

เชื่อว่า สาว ๆ หลาย ๆ คนคงเคยกิน ‘น้ำมะเขือเทศ‘ อย่างแน่นอน แอดเองก็เคย แต่ก็นะ รสชาติของมันเกินจะบรรยาย แอดเลยขอบายดีกว่า แต่ด้วยสรรพคุณของมะเขือเทศ เพื่อน ๆ ก็คงรู้กันอยู่แล้วว่ามีสารอาหารสำคัญ ๆ มากมาย แต่การกินน้ำมะเขือเทศทุก ๆ วัน ช่วยให้ผิวสวย อ่อนกว่าวัยได้ จริง ๆ เหรอ?

วันนี้ ไบรท์ทูเดย์ ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการดื่มน้ำมะเขือเทศ มาฝากทุกคนกัน เพราะไม่ใช่ทุกคนที่สามารถดื่มน้ำมะเขือเทศได้ ส่วนข้อมูลที่อ้างว่า ดื่มน้ำมะเขือเทศแล้วทำให้ผิวสวยได้นั้น จะเป็นความจริงหรือไม่ ก็ต้องมาหาคำตอบกันวันนี้เลย

มะเขือเทศมีประโยชน์อย่างไร?

ประโยชน์ของมะเขือเทศยังมีอยู่มากมาย เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุอยู่หลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเช่น วิตามินซี วิตามิเอ วิตามินเค วิตามินพี วิตามินบี1 วิตามินบี2 ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส และ ธาตุเหล็ก โดยมะเขือเทศขนาดปานกลางนั้นจะมีปริมาณของวิตามินซีครึ่งหนึ่งของส้มโอทั้งลูก และมะเขือเทศหนึ่งผลมีปริมาณวิตามินเอที่ร่างกายต้องการจำนวน 1 ใน 3 ของวิตามินเอทีร่างกายต้องการต่อวันเลยทีเดียว

โดยในมะเขือเทศ จะมี ‘ไลโคปีน (Lycopene)‘ ซึ่งเป็นสารสำคัญในผลมะเขือเทศ ทำหน้าที่เป็นเนื้อเยื่อสำคัญในการห่อหุ้มและป้องกันเมล็ดของมะเขือเทศต่อความเข้มข้นของรังสีอัลตราไวโอเลตที่รุนแรง เพื่อให้ต้นอ่อนได้เจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ สารตัวนี้จัดเป็นสารประกอบในกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่พบได้ในพืชหลายชนิด เช่น แตงโม เกรพฟรุตสีชมพู ฝรั่งสีชมพู มะละกอ รวมถึงมะเขือเทศที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้ ซึ่งผลวิจัยชี้ให้เห็นว่าสารสำคัญตัวนี้มีของดีซ่อนอยู่มากมายเลยทีเดียว

ไลโคปีนเป็นสารประกอบที่มีรายงานว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพได้หลายทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือประโยชน์ด้านการลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับอ่อน มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งคอหอย มะเร็งช่องปาก มะเร็งเต้านม และที่ชัดเจนที่สุดก็คือ ‘มะเร็งต่อมลูกหมาก’ ภัยร้ายที่ลูกผู้ชายหวาดกลัวนั่นเอง

แล้วมะเขือเทศสด กับน้ำมะเขือเทศ ชนิดใดให้ไลโคปีนสูงกว่ากัน?

โดยทั่วไป ปริมาณไลโคปีนในผลไม้และมะเขือเทศสดจะไม่แตกต่างกันมาก แต่เมื่อนำมะเขือเทศสดไปผ่านกระบวนการผลิตให้อยู่ในรูปของผลิตภัณฑ์มะเขือเทศชนิดต่างๆ พบว่าปริมาณไลโคปีนสูงขึ้นมาก เนื่องจากมีการผ่านกระบวนการทำให้เข้มข้นขึ้น ดังนั้น อาหารอิตาเลียน พวกพิซซ่า สปาเก็ตตี้ ที่มีการแต่งรสด้วยซอส หรือผลิตภัณฑ์มะเขือเทศเข้มข้น (Tomato paste) ที่ผลิตจากมะเขือเทศ จึงเป็นแหล่งให้ไลโคปีนที่ดี

จากงานวิจัยในปี พ.ศ. 2554 ของประเทศอังกฤษ พบว่า ผู้หญิงจำนวน 20 คน ที่บริโภคซอสมะเขือเทศเข้มข้นที่มีสาร “ไลโคปีน” เพียงอย่างเดียว ติดต่อกันยาวนาน 12 สัปดาห์ สามารถควบคุมการเพิ่มขึ้นของโปรตีน (เอนไซม์) “MMP-1″ ที่เป็นต้นเหตุให้คอลลาเจนในชั้นผิวแตกตัวและเสื่อมสภาพได้ พร้อมทั้งยืนยันว่า สารไลโคปีนมีส่วนช่วยเสริมโปรคอลลาเจน (Procollagen) ที่เป็นสารตั้งต้นในการสร้างคอลลาเจนของผิวหนังให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นได้

จากงานวิจัยข้างต้น สามารถยืนยันได้ว่าการที่ร่างกายได้รับไลโคปีนที่เข้มข้นมากเท่าไร ยิ่งมีผลดีต่อสุขภาพผิวและสุขภาพกายมากยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าอยากจะให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นมากกว่าเดิมอีก แนะนำให้รับประทานมะเขือเทศควบคู่กับผักและผลไม้ที่ให้วิตามินซี เช่น ฝรั่ง ส้ม มะนาว มะขามเทศ เป็นต้น

เพราะ “วิตามินซี” จะช่วยเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในน้ำ ทำหน้าที่ป้องกันสารอนุมูลอิสระบริเวณ ‘ด้านนอก’ ของเซลล์ผิวหนัง ในขณะที่ ไลโคปีน จะเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในไขมัน ทำหน้าที่ป้องกันสารอนุมูลอิสระในระดับ ‘เยื่อหุ้มเซลล์’ ทำให้เซลล์ผิวแข็งแรงจากภายในได้เป็นอย่างดี

เห็นถึงประโยชน์กันขนาดนี้แล้ว ลองหันมาดื่มหรือรับประทานผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศกันดูนะคะ การรับประทานอย่างต่อเนื่องและรับประทานในรูปแบบที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณมีสุขภาพผิวที่ดีและมีสุขภาพกายที่แข็งแรงปลอดภัยจากโรคมะเร็งร้ายแน่นอน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...