ผกก. 'เกมล้มโต๊ะ' เล่าอันซีนฉากไอดอล90's ทำไมยัง 'ว่อนติ๊กต๊อก' โบTK เปิดคำพูดเจ็บจี๊ด
จะจบยังไง ? ‘ให้มันตาย’ โบ TK เปิดเหตุผลเจ็บจี๊ด ผกก.เล่าอันซีน ‘เกมล้มโต๊ะ’ ฉากไอดอลยุค มิลเลนเนียล ทำไมยังว่อนติ๊กต๊อก
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร ไทย-ญี่ปุ่น (ดินแดง) กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย, หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) และสมาคมหนังกลางแปลงแห่งประเทศไทย จัดงานเทศกาล “กรุงเทพกลางแปลง” ระหว่างวันที่ 7 ตุลาคม-12 พฤศจิกายนนี้ โดยมีโปรแกรมฉายภาพยนตร์ 22 เรื่อง ต่อเนื่อง 6 สัปดาห์ 7 สถานที่ สำหรับวันที่ 20-22 ตุลาคม จัดที่ศูนย์เยาวชนฯ ไทย-ญี่ปุ่น มีรายการพากย์สด ควบกับการฉาย ภาพยนตร์ 3 มิติ ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป
บรรยากาศเวลา 19.00 น. มีวงพูดคุยกับผู้กำกับและนักแสดงภาพยนตร์เรื่อง Goal Club เกมล้มโต๊ะ โดย กิตติกร เลียวศิริกุล หรือ เรียว ผู้กำกับฯ และ สุรัตนาวี สุวิพร หรือ โบ นักแสดงนำ ไอดอลยุคมิลเลนเนียล ร่วมพูดคุยก่อนฉายภาพยนตร์เรื่อง “Goal Club” อินทิรา เจริญปุระ หรือ ทราย นักแสดง เป็นผู้ดำเนินรายการ
สำหรับภาพยนตร์เรื่อง “Goal Club เกมล้มโต๊ะ” แนวแอ็คชั่น-ดราม่า ได้รับเลือกให้ขึ้นทะเบียนมรดกภาพยนตร์ของชาติ ครั้งที่ 11 ประจำปี 2564 โดยหอภาพยนตร์ เนื้อหาเกี่ยวข้องกับการพนันฟุตบอล
สร้างในปี พ.ศ. 2543 และออกฉายครั้งแรกในปีถัดมา 27 เมษายน 2544 โดย /บริษัทสร้าง ฟิล์มบางกอก, ผู้อำนวยการสร้าง อดิเรก วัฏลีลา, กำกับโดย กิตติกร เลียวศิริกุล มีนักแสดงได้แก่ ธีรดนัย สุวรรณหอม, บริวัตร อยู่โต, สุรัตนาวี สุวิพร, วงศ์วรุตม์ ตันตระกูล, เคนทร์สมุทร ฮัมเมอร์ลิงค์, ปริญญา งามวงศ์วาน, กติกา ธีรกิจ, โกวิท วัฒนกุล, จีระศักดิ์ ปิ่นสุวรรณ ซึ่งความพิเศษคือ เป็นฟิล์มต้นฉบับ ขนาด 35 มม. / พร้อมสี-เสียง ความยาว 98 นาที นำมาฉายซ้ำในวันนี้
น.ส.อินทิรากล่าวว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้คือ งานที่เป็นตำนานจนถึงทุกวันนี้ ในด้านเทนนิคการนำเสนอ ความแปลกใหม่เกี่ยวกับแง่มุมชีวิตวัยรุ่น เกี่ยวข้องกับการพนันโต๊ะบอล ซึ่งได้รับรางวัลไปหลายเวที
“ยุคนั้นไม่ได้หาดูบอลได้ง่ายๆ ต้องใช้การอ่าน ซึ่งถือว่าเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ย่อๆ เพราะนักแสดงรับเชิญ (Cameo) หลายคนในเรื่อง ตอนนี้เป็นโค้ชไปแล้ว หรือบ้างก็มีบุตรชายทีมชาติกันไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวรวุธ ศรีมะฆะ
อนุรักษ์ ศรีเกิด ชัยยงค์ ขำเปี่ยม ในตอนนั้นเป็น 3 ฮีโร่นักฟุตบอลทีมชาติไทยเอเชี่ยนเกมส์ 1998 ตอนนี้เป็นโค้ชหมดแล้ว” น.ส.อินทิรากล่าว
โบ สุรัตนาวี เผยว่า ไม่ดูฟุตบอล ไม่รู้จักนักฟุตบอล ภาพลักษณ์ตัวจริงไม่ใช่อย่างภาพยนตร์ ตนเป็นผู้หญิงที่ชอบเที่ยวเล่น สบายๆ มากกว่า
“แต่มีไปดูผู้ชายเตะบอลเหมือนกัน ไปแอ๊ว ไปนั่งเฝ้าก็มี แต่ไม่ได้อิน” โบ สุรัตนาวี กล่าว
ติดต่อมาแล้ว ทำไมถึงตอบรับเล่นให้ ? โบ สุรัตนาวี กล่าวว่า ตอนนั้นติดต่อมา ก็คิดว่าโอ้โห เรามั่นใจว่าเราคือนางเอง
“โจ๊กเขาเป็นดาราใหม่ เราออกเทปมาแล้ว รู้สึกว่าถ้ามีงานแสดงน่าสนใจดี แต่ตอนนั้นยอมรับว่าไม่มีความสามารถด้านการแสดงเลย”
ไม่รู้เรื่องบอลเลย แต่มาเป็นผู้หญิงหนึ่งเดียวในกลุ่มชอบบอล ?
โบ สุรัตนาวี เผยว่า ตัวละครในเรื่อง ไม่ได้อินบอล ก็แค่ผู้หญิงที่มีความฝันจะได้ไปต่างประเทศ
“คิดว่าคนเป็นแฟนกัน อย่างน้อย รักกันจริงไม่จริง ต้องได้ผลประโยชน์จากเขาบ้าง”
คำว่า “ง่ายดีเนอะ มีปากก็ขอโทษ ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย” อันนี้ด้น หรือเขียนไดอาล็อกมาเลย?
โบ สุรัตนาวี เผยว่า พี่เรียวจะ “เอาแบบที่เข้าปากมึงอ่ะ ปกติเราพูดแบบไหน”
ในตอนหนึ่งโบเปิดใจถึงเหตุผลที่ผู้กำกับเลือกมาแสดงนำว่าเป็นเหตุผลที่ เจ็บมาก เกือบจะถอนตัว โดยเหตุของผู้กำกับคือต้องการหลีกจากกรอบบิวตี้สแตนดาร์ด และมีความเป็นคนธรรมดา
“เพราะมันไม่สวย แล้วคนดูจะได้ไม่เกลียดมัน เจ็บมาก” โบ สุรัตนาวี กล่าว
ด้าน นายกิตติกร หรือ เรียว ผู้กำกับฯ เผยถึงแรงบันดาลใจในการทำภาพยนตร์นี้ ความที่เป็นคนชอบบอล พ่อซื้อสตาร์ซอคเกอร์ให้เล่มแรก ตอนอายุสัก 10 ขวบ” นายกิตติกรกล่าว
เมื่อถามว่าตอนนั้น มีวิธีไปขายภาพยนตร์อย่างไร ?
นายกิตติกรกล่าวว่า บ้านเราไม่มีหนังฟุตบอล สื่อส่วนใหญ่เป็นทีวี ถ้าใครต้องการดูฟุตบอลจริงๆ ต้องไปสนามศุภชลาศัย
“เอาจริงๆ ฟุตบอลเป็นที่นิยมของเรา ตั้งแต่คิงส์คัพ เพียงแต่ว่าคนดูเฉพาะกลุ่ม คือต้องรอรัฐบาลถ่ายทอดถึงจะได้ดู เวลาไปคุยกับฟุตบอล เขาก็รู้สึกว่าจะได้เผยแพร่ สื่อสารว่ามีเราฟุตบอล ทุกคนจะได้การสนับสนุน” นายกิตติกรเผย
นายกิตติกรกล่าวอีกว่า ส่วนตัวมองว่า การที่มีถ่ายทอดฟุตบอลจานเทียม เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทำให้เราได้รู้ฟุตบอลที่หลากหลาย
บางคนเคยเห็นไดอาล็อกเรื่องนี้ ผ่านตาเยอะมากในติ๊กต็อก เห็นบ้างไหม ?
นายกิตติกรกล่าวว่า ในติ๊กต็อก มีมีมเยอะ เป็นตัวละครสองคน
“ส่วนใหญ่เป็นซีนมีที่สยามสแควร์ แล้วเป็นเสียงในใจของสองคน ตรรกะความคิดของยุคนึง แต่ก่อนวัยรุ่นจะใช้คิดเอา ปัจจุบันเขาพูดเอา” นายกิตติกรกล่าว
ผู้กำกับเปิดเผยด้วยว่า ใช้วิธีทำงานร่วมกันเป็นส่วนใหญ่ มนุษย์ทุกคนพูดไม่เหมือนกัน การเขียนบทด้วยคนคนเดียว ไม่เป็นธรรมชาติ จึงให้นักแสดงร่วมด้วย
มีวิธีในการแคสติ้งนักแสดงอย่างไร เพราะแต่ละเรื่องโดดเด่นมาก หามาจากไหน?
นายกิตติกรเผยว่า ยุคที่ทำเกมส์ล้มโต๊ะ เขาจะเรียกว่าเป็นหนังอินดี้ เพราะไม่ใช้ดารา
“คือทำให้สมจริงเท่าที่เป็นได้ ต่อสู้กับนายทุนเล็กน้อย ในการเลือกตัวแสดงที่ไม่ใช่ดารา มาเล่นหนัง”
คำถามแรกที่คนให้ตังค์เขาถาม จะจบมันยังไง ? ตอบคำแรก ให้มันตาย ‘ สุดท้าย ถ้าตอบโจทย์การพนันว่าผิด ต้องมีบทลงโทษ เขาถึงตอบรับให้สตางค์มาทำงาน” นายกิตติกรกล่าว