ทูลเกล้าฯสัปดาห์หน้า ไล่เช็กคุณสมบัติ‘ครม.อิ๊งค์2’/ภท.ลุยซักฟอกนายกฯขายชาติ

"อิ๊งค์" เจอ "ลุงตู่" ขณะเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชฯ แค่สวัสดีทักทายกัน ยันพร้อมแจงศาล รธน. ทุกเหตุการณ์ปมคลิปเสียง ลั่นไม่ได้ทำประเทศเสียหาย "นครินทร์" รับหนักใจอุบวันที่ 1 ก.ค.มีมติคดีเลยหรือไม่ ชี้ไม่จำเป็นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ นายกฯ เผยปรับ ครม.ลงตัว รอตรวจคุณสมบัติ ไม่ควบกลาโหมแน่ สั่ง รมต.ทุกคนกรอกข้อมูลอัปเดตป้องปัญหา "ภูมิธรรม" แย้มจบต้นสัปดาห์หน้า ได้คุมมหาดไทยเพิ่ม หึ่งจ่อล้างบางเด็ก "อนุทิน" "ชทพ." ได้เพิ่ม 1 รมช. "เอกนัฏ" อ้างปัญหาชาติรุมเร้าต้องอยู่ต่อ โต้ถอนตัวแล้วประเทศได้อะไร "เสี่ยหนู" สยบกระแสดูด 69 สส.ภท.ยังอยู่ครบ รับกับทักษิณไม่เหมือนเดิม ลุยยื่นซักฟอก "นายกฯ-ครม."

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน เวลา 09.00 น. ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 26 มิถุนายน 2568 ณ พระตำหนักอรุณ โอกาสนี้ สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงประพรมน้ำมนต์แก่นายกรัฐมนตรีเพื่อความเป็นสิริมงคล

ขณะที่เวลา 09.08 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี เดินทางมาเข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะสมเด็จพระสังฆราชฯ ด้วยเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายกฯ ว่าได้พบกับ พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ได้เจอและสวัสดีทักทายกันแล้ว เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ให้คำแนะนำหรือแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์บ้านเมืองหรือไม่ นายกฯ ยิ้มแต่ไม่ได้ตอบคำถาม ก่อนจะเดินทางขึ้นรถกลับเข้าทำเนียบรัฐบาล

จากนั้นเวลา 10.00 น. นายกฯ เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทั้งนี้ มีนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ลาการประชุม ครม. 3 สัปดาห์ติดต่อกัน

ต่อมาเวลา 12.10 น. น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญเตรียมนัดพิจารณาคำร้องที่นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ส่งให้ศาลวินิจฉัยสถานะความเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร สิ้นสุดลงเป็นการเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีปรากฏคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาว่า "ค่ะ เราก็ประเมินเรื่องนี้นะคะ หากต้องสนับสนุนในเรื่องข้อมูลหรืออะไรก็พร้อมในการให้ข้อมูลและชี้แจง เพราะคลิปเสียงที่หลุดออกมาก็ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องที่ผู้นำแต่ละประเทศใช้เจรจากันอยู่แล้ว จะเห็นได้ชัดว่าในคลิปเสียงตัวดิฉันเองก็ไม่ได้อะไร และดิฉันเองก็ไม่ได้ทำให้ประเทศไทยเสียหายอะไร ดิฉันก็พร้อมยืนยันและพร้อมอธิบายเล่าทุกเหตุการณ์อยู่แล้ว"

ทางด้านนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า วันที่ 1 ก.ค. มีการนัดประชุมไว้ล่วงหน้า ซึ่งจะมีการตัดสินคดีเกี่ยวกับกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ส่วนกรณีเรื่องร้องคลิปเสียงตนยังไม่ได้ดู ตอนนี้อยู่ในกระบวนการรับเรื่อง ขอให้กลับไปที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อดูหนังสือทั้งหมดว่าเป็นตามขั้นตอนถูกต้องหรือไม่

เมื่อถามว่า วันที่ 1 ก.ค. จะมีการพิจารณาเรื่องคลิปเสียงได้หรือไม่ นายนครินทร์กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ แต่ตอนนี้ต้องให้คณะตุลาการตรวจเอกสารครบถ้วนก่อน ซึ่งหากมีการพิจารณาจะออกได้ 2 ทาง คือรับหรือไม่รับเรื่อง ส่วนจะมีคำสั่งได้เลยหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ ต้องรอตรวจเอกสารก่อนและเข้าองค์คณะ ทุกครั้งที่เราประชุมจะต้องมีองค์คณะครบ 9 คน

หนักใจพิจารณาคลิปเสียง

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากวันที่ 1 ก.ค. ศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณาคดีคลิปเสียง นายกฯ จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่นั้น ประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ไม่จำเป็นจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เสมอไป ซึ่งจะดูว่ามีข้อเท็จจริงว่าการหยุดปฏิบัติหน้าที่จะทำให้เกิดความเสียหายหรือไม่ โดยที่ผ่านมามีที่ศาลรับคดี แต่ไม่ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สำหรับคดีที่อยู่ในความสนใจ เราก็ไม่ได้มีกรอบที่จะต้องเร่งรัดการพิจารณา แต่คดีของศาลรัฐธรรมนูญในช่วงหลังไม่มีความล่าช้า แทบไม่มีคดีตกค้าง

เมื่อถามว่า หนักใจหรือไม่ว่าผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องคลิปเสียงจะส่งผลกระทบในหลายๆ เรื่อง นายนครินทร์กล่าวว่า แน่นอนว่าหนักใจ แต่ในเมื่อเราอยู่ตรงนี้ก็ต้องทำตามหน้าที่

ส่วนความเคลื่อนไหวในการปรับ ครม.นั้น น.ส.แพทองธารเปิดเผยว่า “ลงตัวค่ะ ลงตัวดีค่ะ ไม่มีอะไร ได้พูดคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกคนแล้ว เดี๋ยวต่อไปจะเป็นเรื่องของการส่งชื่อเข้าตรวจสอบคุณสมบัติ เมื่อเรียบร้อยแล้วจะเข้าสู่ขั้นตอนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป"

เมื่อถามย้ำว่า คาดว่าจะนำรายชื่อ ครม.ชุดใหม่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายได้เมื่อใด นายกฯ กล่าวว่า ไม่แน่ใจ เพราะต้องรอในเรื่องของการส่งชื่อไปตรวจคุณสมบัติจะได้กลับมาเมื่อไหร่

ส่วนของกระทรวงกลาโหมมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งหรือไม่นั้น น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เดี๋ยวได้ไฟนอลแล้วบอกอีกที ขออนุญาตยังไม่เปิดเผยชื่อใดๆ ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามตนเองไม่ควบแน่นอน

เมื่อถามถึงปัญหาของพรรค รทสช.จบหรือยังนั้น น.ส.แพทองธารกล่าวว่า จบแล้วไม่มีอะไรแล้ว ส่วนที่มีกระแสข่าวว่านายพีระพันธุ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคกดดันให้นายกฯ ลาออกนั้น นายกกล่าวว่า "โอ้ไม่จริงค่ะ ไม่จริงเลยค่ะ ไม่มีการกดดันใดๆ เกิดขึ้นเลย และวันนั้นก็ได้คุยกันปกติ ที่มีรูปออกไปที่โรงแรมโรสวูดได้คุยกันเรียบร้อย และพรรคร่วมรัฐบาลความจริงแล้วให้การสนับสนุนอย่างมาก และให้กำลังใจด้วย เพราะฉะนั้นผ่านไปได้ด้วยดี"

เมื่อถามว่า นอกจากเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลแล้วยังจะมีเสียง สส.มาเติมให้รัฐบาลเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลโอเคอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในที่ประชุม ครม. ได้มีการแจกใบกรอกประวัติให้กับรัฐมนตรีทุกคน เพื่อยืนยันและอัปเดตข้อมูลของแต่ละคน ซึ่งต่างจากเดิมผู้ที่กรอกประวัติคือ รัฐมนตรีใหม่หรือบุคคลที่ได้รับการสลับตำแหน่ง ซึ่งสาเหตุที่นายกฯ ให้รัฐมนตรีทุกคนยืนยันข้อมูลตัวเอง เนื่องจากต้องการอัปเดตข้อมูล ป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาภายหลัง เช่น ระหว่างดำรงตำแหน่งบางคนถูกร้องเรียนหรือถูกตรวจสอบจากองค์กรอิสระ เช่นกรณีนายพีระพันธุ์ ที่มีกรณีถูกร้องเรียนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบเรื่องการถือหุ้นในบริษัท

ทั้งนี้ นายกฯ ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบประวัติรัฐมนตรีให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ซึ่งขณะนี้มีบางคนทยอยส่งประวัติเข้ามาให้ตรวจสอบแล้ว และคาดว่าสัปดาห์นี้จะทยอยส่งให้กับสำนักเลขาธิการคณะมนตรี (สลค.) และเมื่อ สลค.ได้รับประวัติแล้วจะมีการสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และในรายที่มีข้อร้องเรียนหรืออยู่ระหว่างการไต่สวน ป.ป.ช.จะมีการสอบถามไปยัง ป.ป.ช.ด้วย ทั้งนี้ คาดว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้นอย่างช้าภายในสัปดาห์หน้า

ว่าที่ รมต.ใหม่ไม่ต้องโชว์ตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะทำงานเลขาธิการนายกฯ ได้โทรศัพท์แจ้งเป็นรายบุคคลที่จะได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่วนการยื่นคุณสมบัติของรัฐมนตรีใหม่ครั้งนี้ ทาง สลค.ได้ส่งแบบฟอร์มทางออนไลน์ให้กับผู้มีรายชื่อ และให้กรอกประวัติ พร้อมประสานด้วยว่าไม่ให้เข้ามายื่นด้วยตัวเอง แต่ให้ตัวแทนเข้ามายื่นที่ สลค.แทน เนื่องจากไม่ต้องการให้เป็นข่าว ลดโอกาสที่จะทำให้เกิดการกระเพื่อม เพราะแต่ละพรรคยังมีส่วนที่ไม่ลงตัวอยู่ และแบบฟอร์มที่ส่งไปนั้นมีจำนวนมากกว่าจำนวนผู้ได้ตำแหน่งจริง เพื่อความรอบคอบ หากรายชื่อใดมีปัญหาจะได้เสนอชื่อที่เหลือไป

นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบคำถามถึงการตรวจสอบรัฐมนตรีใหม่ โดยระบุเพียงว่า วันนี้ (24 มิ.ย.) ยุ่งมากเลย ขั้นตอนตรงนี้ขออนุญาตยังไม่บอก เพราะเป็นความลับอยู่ นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงการตรวจสอบประวัติ ครม.ชุดใหม่ว่า ยังไม่มี และยังไม่รู้รายละเอียดอะไรเลย

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ครม.ได้รับทราบรายงานในการลงนามและคำสั่ง นร ที่ 184 /68 เรื่องการแก้ไขคำสั่งเพิ่มเติม ลงวันที่ 24 มิ.ย.2568 โดยมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ดูแลกระทรวงมหาดไทยเพิ่ม ส่วนนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม รับผิดชอบเพิ่มในส่วนกระทรวงแรงงาน ขณะที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ดูแลเพิ่มในส่วนของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กระทรวงศึกษาธิการ และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน), นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รักษาราชการแทน รมว.กระทรวงศึกษาธิการ, น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รักษาราชการ รมว.อว.

นายภูมิธรรมกล่าวถึงกรณี สส.ภาคอีสานพรรคเพื่อไทยไม่พอใจโผ ครม.ที่ออกมาว่า ยังไม่มีใครทราบว่าโผที่ออกมาเป็นของจริงหรือไม่ เป็นประเด็นปกติที่จะมีความเห็นเหมือนหรือเห็นต่างกัน ชอบใครเชียร์ใครเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วต้องดูว่าเหมาะสมหรือไม่ เชื่อว่าจัดการได้ ส่วนการปรับ ครม. กระบวนการจัดสรรจัดตั้งทั้งหมดน่าจะจบช่วงต้นสัปดาห์หน้า หลังจากนั้นจะเป็นกระบวนการนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขณะนี้ยังคงดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหมอยู่ ส่วนจะมีการปรับเปลี่ยนอย่างไรหรือไม่ ขึ้นอยู่กับนายกฯ ส่วนที่มีข่าวว่ามีการเสนอชื่อ พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ อดีตผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จากพรรคเพื่อไทย และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม จากพรรค รทสช. ให้ดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหมนั้น ผู้บังคับบัญชาในทุกระดับมีศักยภาพอยู่แล้ว มีความเพียบพร้อม มีความจงรักภักดี รวมถึงในการเติบโตมาในเส้นทางของทหาร มีหน้าที่ในการรักษาอธิปไตยของประเทศ ใครมามีลักษณะที่ได้รับการฝึกฝนมา มีความพร้อมที่จะทำหน้าที่อยู่แล้ว

จ่อล้างบางเด็กอนุทิน

รายงานข่าวจากกระทรวงมหาดไทย (มท.) แจ้งว่า การเข้ามอบนโยบายของนายภูมิธรรม เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ข้าราชการ มท.ฟันธงแล้วว่านายภูมิธรรมจะมาเป็น รมว.มหาดไทย และจะมีการออกคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงแบบล้างบางครั้งใหญ่ ซึ่งคนที่ถูกจับตาดูมากที่สุดคือ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รวมถึงตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ สายตรงของนายเนวิน ชิดชอบ อีกคนหนึ่งที่มีความเสี่ยงก็คือ นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น

นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ ปลัดจังหวัด และนายอำเภอหลายคน ที่ถูกสงสัยว่าเป็นคนของพรรคภูมิใจไทย จะต้องล้างบางออกจากพื้นที่ทั้งหมด โดยเฉพาะประเด็นที่นายภูมิธรรมพูดชัด คือถ้าผู้ว่าฯ คนไหนคุมม็อบไม่ได้ ปล่อยให้มวลชนเข้ามารวมพลังขับไล่รัฐบาล กับพื้นที่ไหนปล่อยให้มียาเสพติด มีการคาดโทษกันไว้แล้ว

นายประเสริฐกล่าวว่า นายกฯ ให้นั่งทำงานที่ไหนทำงานได้หมด เพราะนายกฯ พิจารณาความเหมาะสมแล้ว ส่วนงานของกระทรวงดีอีเชื่อว่าจะมีความต่อเนื่องแม้ว่าจะเปลี่ยนผู้ดูแล

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวยอมรับว่า ขณะนี้รายชื่อรัฐมนตรีใหม่อยู่ในมือนายกฯ แล้ว ส่วนที่มีกระแสข่าว สส.อีสานไม่เอานายภูมิธรรมดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทยนั้น ไม่มี สำหรับตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ที่ว่างลงนั้น มีการเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมมา 2 คน แต่ไม่ทราบว่าเป็นใครบ้าง และจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคต่อไป

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม (กธ.) กล่าวถึงกรณีที่พรรคมี สส.เพิ่มขึ้น จะมีการขอโควตารัฐมนตรีเพิ่มหรือไม่ รวมถึงกรณีมีชื่อจะไปนั่งเป็น รมว.อว.ว่า อยู่ที่นายกฯ พิจารณา เราไม่เคยขออะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงหรือไม่หากโดนโยกจากกระทรวงเกษตรฯ ไปกระทรวงอื่น นางนฤมลกล่าวว่า ไม่มีอะไรห่วง ทั้งนี้พรรคนิ่งมาตลอด อยู่กันเป็นครอบครัว ไม่มีปัญหาอะไร สำหรับกรณีมีข่าวว่า น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานยุทธศาสตร์พรรค มีชื่อเป็นรัฐมนตรีด้วย ทำให้ สส.ไม่พอใจนั้น เห็นจากข่าว แต่ไม่แน่ใจ ตนตอบไม่ได้ เดี๋ยวบ่ายวันนี้คุยกัน แต่คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม กล่าวว่า เป็นไปตามที่นางนฤมลให้สัมภาษณ์ ส่วนจะได้ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่นั้น เป็นอำนาจของนายกฯ ส่วน น.อ.อนุดิษฐ์มีชื่ออยู่ในโผการปรับ ครม.นั้น หากจะได้ก็ได้ในโควตาของพรรคอื่น แต่หากไม่ได้จะมีการเลือกคนอื่นแทนเป็นเรื่องของพรรคเขา ส่วนเสียงของกล้าธรรมตอนนี้มีไม่ต่ำกว่า 37 เสียง แต่ตัวเลขอย่างเป็นทางการคือ 26 เสียง

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า ทราบว่าได้เพิ่มมา 1 รมช. แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าอยู่กระทรวงใด ต้องหาบุคคลที่เหมาะสม แต่ในส่วนของตำแหน่ง รมว.นั้น ตนยังอยู่ที่ รมว.พม.เหมือนเดิม

ขณะที่ความเคลื่อนไหวกลุ่ม 18 ของนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค รทสช. ภายหลังการนัดรับประทานอาหารค่ำเมื่อคืนวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมาที่ภัตตาคารโรงแรมแชงกรี-ลา โดยมีรายงานข่าวว่า จะมีการเสนอขอเก้าอี้รัฐมนตรี 1 เก้าอี้ เนื่องจากโควตาที่แบ่งให้นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นั่ง รมว.พาณิชย์นั้น เป็นโควตาคนนอก ไม่ใช่โควตาของกลุ่ม 18

นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคได้เพิ่มรัฐมนตรีช่วย ส่วนมีกระแสข่าวจะสลับไปนั่ง รมช.มหาดไทยนั้น ตนได้ข่าวอยู่ แต่ยังไม่ชัดเจน ทั้่งนี้ยอมรับมีชื่อนายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะมาเป็นรัฐมนตรีช่วย

เมื่อถามย้ำว่า มีชื่อนายเดชอิศม์เป็น รมช.มหาดไทย และนายชัยชนะเป็น รมช.สาธารณสุข ใช่หรือไม่ นายเดชอิศม์กล่าวว่า ตนอยากได้ แต่ไม่แน่ใจจะได้หรือเปล่า

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค รทสช. ปฏิเสธที่จะให้ความชัดเจนเกี่ยวกับมติของพรรคที่ยื่นเงื่อนไขให้ น.ส.แพทองธารลาออกเพื่อเปลี่ยนตัวนายกฯ โดยระบุสั้นๆ ว่า “มติของพรรคให้ไปพูดคุยกับนายกฯ ไม่ได้ให้มาบอกนักข่าว”

ผู้สื่อข่าวซักต่อถึงมติพรรคที่กลับไป-กลับมา ได้สร้างความเสียหายให้กับพรรคนั้น นายพีระพันธุ์ไม่ได้ตอบคำถาม แต่พยายามที่จะกดประตูรถตู้ปิดทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมภาษณ์

รทสช.จำเป็นต้องอยู่ต่อ

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรค รทสช. กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค รทสช. วันที่ 19 มิ.ย. มติออกมาว่าอย่างไร ว่าถือเป็นประสบการณ์การเมืองสำหรับตนที่แย่ที่สุด จะตัดสินใจทำอะไรก็ไม่ง่าย ตอนนี้ รทสช.มีทั้งศึกนอกศึกใน เราต้องคุยกันเพื่อรับฟังสถานการณ์ว่าเป็นยังไง ยอมรับว่าอยู่จุดที่เราตัดสินใจยาก เราต้องเลือกทางที่ดีที่สุด

ส่วนกระแสข่าวเสนอให้นายกฯ ลาออก ไม่เช่นนั้น รทสช.จะถอนตัวจากรัฐบาลนั้น นายเอกนัฏตอบว่า ในสถานการณ์แบบนี้ต้องยอมรับว่าที่ประเทศอยู่ในจุดสั่นคลอน โดยเฉพาะปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาที่กำลังจะสู้รบกันอยู่ รวมถึงปัญหาอื่นๆ เช่นภาษีทรัมป์ และสถานการณ์สู้รบในอิหร่าน สิ่งที่เราอยากทำกับสิ่งที่เราต้องทำตัดสินใจไม่ง่ายเลย ให้ผ่านสถานการณ์แบบนี้ไปได้ก่อน ทั้งนี้ในหัวไม่มีเรื่องโควตารัฐมนตรีเลย

เมื่อถามว่า จะรับมือกับผู้สนับสนุน รทสช. ที่รับไม่ได้กับการตัดสินใจแบบนี้และโบกมือลาอย่างไร นายเอกนัฏกล่าวว่า "เราต้องรับผิดชอบต่อการตัดสินใจ มันเป็นอย่างนั้นแหละ แต่เป็นเรื่องตัดสินใจยาก หากผมเป็นแค่สมาชิกพรรค หรือผู้สนับสนุน ผมก็คงตัดสินใจเช่นนั้น แต่วันนี้ผมเป็นกัปตัน เรือกำลังล่องผ่านมรสุม ให้ผมทิ้งตอนนี้คนบนเรือก็ตายกันหมด ผมพยายามทำให้ดีที่สุด เราก็อยู่ประคับประคองให้ผ่านสถานการณ์วิกฤตไปก่อน ซึ่งตอนนี้ไม่มีอะไรแน่นอน เพราะมีเรื่องศาลรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณาเกี่ยวกับตัวนายกฯ อีกในสัปดาห์หน้า ฉะนั้นเหตุการณ์อะไรก็เกิดขึ้นได้"

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมนายเอกนัฏไม่ลาออก แล้วไปทำในสิ่งที่ใจต้องการ นายเอกนัฏย้อนถามว่า "แล้วประเทศได้อะไร ผมเข้าใจ แต่ถ้าวันนี้ไม่มีรัฐบาล ในการแก้ปัญหาต่างๆ แล้วมันใช่หรือ สำหรับผมเราต้องมีความรับผิดชอบตรงนี้อยู่"

ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวมี สส.ของพรรคถูกดูดหลังออกมาทำหน้าที่ฝ่ายค้านว่า สส.ของพรรคยังอยู่ครบทั้ง 69 คน แต่ที่ทราบมาก็มีแรงดูด แต่ดูดไม่ได้ โดย สส.ที่ได้รับการติดต่อมาก็เล่าให้ฟัง ทุกคนยืนยันว่าไม่ได้ไปไหน อย่างไรก็ตามเรื่องคลิปเสียงนายกฯ ไม่ได้สอบถามชาวบ้าน แต่เวลาพรรคลงพื้นที่ จะมีแต่เสียงชาวบ้านชื่นชม ขอบคุณ และคิดว่าเราตัดสินใจถูกต้อง ไม่ได้รู้สึกทำอะไรผิดพลาด
"ตอนนี้รู้สึกว่ามีความพยายามที่จะพูด อะไรๆ ก็โยนมาที่พรรคภูมิใจไทย ม็อบก็บอกภูมิใจไทยจัด ถามว่าจะไปจัดทำไม ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะวันนี้เราไม่ได้สูญเสียสถานะอะไร 69 สส.ของพรรคภูมิใจไทยก็ยังเป็น สส.อยู่ นี่ยังออกมาไม่ถึงอาทิตย์เลย กลับมีข่าว น.หนู จัดม็อบ น.หนูรับจ้างประเทศเพื่อนบ้านมาให้มาเผยแพร่คลิป บ้าหรือเปล่า จะไปทำงั้นได้อย่างไร ผมคิดว่าไม่ควรเล่นเกมสกปรกแบบนี้" นายอนุทินระบุ
ส่วนกรณีที่นายภูมิธรรมระบุว่ามหาดไทยในยุคพรรคเพื่อไทยดีกว่าเดิมนั้น นายอนุทินหัวเราะก่อนจะระบุว่า “ไม่เชื่อ ดูสาธารณสุขดิ” ผู้สื่อข่าวถามไปยิ้มไปก็รู้อยู่แล้ว ใครดีใครไม่ดี
นายอนุทินกล่าวถึงความสัมพันธ์กับนายทักษิณ ชินวัตร ว่า "จะไปเหมือนเดิมได้อย่างไร เราก็ไม่ได้โทร.ไม่ได้คุยกันตั้งนาน ถ้าท่านรักผมเหมือนเดิม ท่านคงไม่เอากระทรวงมหาดไทยไป"

ภท.ลุยยื่นซักฟอกนายกฯ
น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย โฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงภายหลังการประชุมพรรคครั้งแรก หลังจากประกาศถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลว่า หลังจากการเปิดสมัยประชุมสภาฯ ปีที่ 3 ที่จะเปิดในวันที่ 3 ก.ค.นี้ พรรคมีมติว่าต้องการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และ ครม.ทั้งคณะ ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเราขอเชิญชวนพรรคประชาชน พรรคพลังประชารัฐ พรรคเป็นธรรม และพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งอยู่ในสัดส่วนของพรรคฝ่ายค้านให้ร่วมกันลงชื่อยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ สส.พรรคภูมิใจไทยทั้ง 69 เสียงในนามสมาชิกพรรค พร้อมที่จะเซ็นยื่นญัตติเรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะคลิปเสียงชัดเจนมากที่สุดแล้วว่าเราไม่สามารถไว้วางใจนายกฯ ได้ ซึ่งคาดว่าไม่เกินสัปดาห์หน้าจะได้พูดคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านในประเด็นนี้
นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการเป็นฝ่ายค้านสร้างสรรค์ว่า น่าตื่นเต้นดี สำหรับตนเป็นประสบการณ์ใหม่ ซึ่งมีเพื่อนสมาชิกที่มีประสบการณ์เยอะ ขอให้รอชมว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งไหน เจตนาพวกตนก็เหมือนเดิม ทำเต็มที่เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ แกนนำภาคใต้พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาปรากฏข่าวว่าจะนำ สส.ภาคใต้ไปร่วมงานกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่น โดยมีผู้ใหญ่จากพรรคการเมืองหนึ่งโทรศัพท์ติดต่อมาให้ถอยจากพรรคภูมิใจไทยว่า ขอยืนยันว่ายังไม่เคยมีใครโทร.มาหาตนเลยแม้แต่คนเดียว ขอพูดอย่างตรงไปตรงมาว่าตนรังเกียจการที่มีบุคคลใดบุคคลหนึ่งปั่นกระแส เพื่อให้พรรคแตกแยกกัน ตนชัดเจนว่าเราไม่ใช่มาพร้อมเพื่อนแล้วสละเรือเสร็จแล้วจะไปแทงหลังเพื่อน ตนอายุมากแล้ว ปัจจุบันอายุ 70 ปีแล้ว คงจะโลดแล่นทางการเมืองอีกไม่นาน จึงเลือกที่จะรักษาชื่อเสียงของตนเองไว้ในจุดยืนตรงนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลไปเป็นฝ่ายค้าน สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีการจัดกลุ่มพรรคการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 26 จำนวน 16 พรรคการเมือง อัปเดตวันที่ 24 มิ.ย.68 ดังนี้ ฝ่ายรัฐบาลประกอบด้วย 11 พรรค 256 เสียง ประกอบด้วย 1.เพื่อไทย 142 เสียง 2.รวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง 3.กล้าธรรม 26 เสียง 4.ประชาธิปัตย์ 25 เสียง 5.ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง 6.ประชาชาติ 9 เสียง 7.ชาติพัฒนา 3 เสียง 8.ไทรวมพลัง 2 เสียง 9.เสรีรวมไทย 1 เสียง 10.ประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง 11.ไทยก้าวหน้า 1 เสียง ขณะที่พรรคการเมืองฝ่ายค้าน 5 พรรค มี 239 เสียง ประกอบด้วย 1.ประชาชน 143 เสียง 2.ภูมิใจไทย 69 เสียง 3.พลังพลังประชารัฐ 20 เสียง 4.ไทยสร้างไทย 6 เสียง 5.เป็นธรรม 1 เสียง

ส่วนกรณีที่พรรคภูมิใจไทยจะยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 จะต้องใช้เสียง 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ 495 เสียง หรือหมายถึงจำนวน 99 เสียง ซึ่งขณะนี้พรรคภูมิใจไทยมีอยู่แล้ว 69 เสียง ต้องหาเพิ่มอีก 30 เสียง.