โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ผลกระทบจากภาษีตอบโต้สหรัฐฯ SME ไทยเสี่ยงสูญเสียความสามารถแข่งขัน คาดส่งออกหดตัว 25-30% หลัง ส.ค.นี้

สยามรัฐ

อัพเดต 15 ก.ค. เวลา 07.21 น. • เผยแพร่ 15 ก.ค. เวลา 07.21 น.

ผลกระทบจากภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ SME ไทยเสี่ยงสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน คาดส่งออกหดตัว 25-30% หลังจากสิงหาคมนี้

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เผยว่า จากกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกจดหมายเวียนแจ้งประเทศต่าง ๆ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 ถึงอัตราภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ที่มีการปรับ บางประเทศเจรจาจบแล้วได้รับอัตราที่ลดลง หลายประเทศยังคงได้รับอัตราเดิมที่ประกาศไว้เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 ทั้งที่เจรจาเสร็จสิ้นแล้วหรือยังอยู่ระหว่างการเจรจา มีบางประเทศได้รับอัตราเพิ่มขึ้นด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป แต่เราจะพิจารณาอัตราภาษีของไทยที่จะถูกบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ที่ 36%!!! ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา สินค้าทุกชนิดที่ส่งออกจากประเทศไทยไปยังสหรัฐอเมริกาถูกเก็บภาษีเพิ่ม 10% เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ จึงมีการเร่งนำเข้าสินค้าสู่สหรัฐอเมริกา เพื่อลดความเสี่ยงที่ราคาสินค้าจะสูงขึ้นจากภาษีที่ประกาศไว้ ทำให้ SME ไทยและผู้ประกอบการส่งออกได้รับอานิสสงค์ ในช่วงที่ผ่านมาการส่งออกรวมของประเทศไปยังสหรัฐอเมริกาช่วง ม.ค.-พ.ค. 2568 มีมูลค่า 27,098 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 27.2 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นตลาดอันดับ 1 ของประเทศ ส่วนสินค้าจาก SME ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกามีมูลค่า 3,049 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวถึง 29.8 % เป็นตลาดส่งออกอันดับสองของ SME โดยสินค้าส่งออก 5 ลำดับแรกของ SME ได้แก่ เครื่องจักรและอุปกรณ์ (เช่น อุปกรณ์เครื่องปรับอากาศเครื่องประมวลผล) อุปกรณ์ไฟฟ้า อัญมณีและเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์พลาสติก และเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคถึง 60% ส่วนการนำเข้าจากสหรัฐอเมริกาในภาพรวมมีมูลค่า 8,553.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6% เป็นแหล่งนำเข้าสำคัญลำดับที่ 4 ของไทย ขณะที่ SME มีการนำเข้า 1,044.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 12.2% ของมูลค่านำเข้ารวม ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 61.1% เป็นแหล่งนำเข้าสำคัญลำดับที่ 5 ของ SME ซึ่งสินค้านำเข้าสำคัญของ SME ได้แก่ แก๊ส LNG เครื่องจักร เหล็กกล้า อะลูมิเนียม และอุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นสินค้าขั้นกลางสำหรับใช้ในการผลิต ด้านดุลการค้าช่วง 5 เดือนแรกของปี ไทยเกินดุลการค้าสหรัฐไปแล้ว 18,545 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ SME ไทยเกินดุล 2,004.8 ล้านเหรียญสหรัฐ

หากผลการเจรจาประสบความสำเร็จทำให้ไทยได้รับภาษีตอบโต้ในอัตราเดียวกับประเทศคู่แข่งที่มีลักษณะสินค้าใกล้เคียงกับไทยจะไม่ได้สร้างผลกระทบด้านความสามารถในการแข่งขันในการส่งออกสินค้า และจะช่วยให้การส่งออกครึ่งปีหลังยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่หากไทยต้องรับภาษีตอบโต้ในอัตราที่สูงกว่า 25% ไทยจะได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม เสียเปรียบประเทศคู่แข่งที่มีสินค้าลักษณะใกล้เคียงกับสินค้าที่ประเทศไทยผลิตได้ เช่น เวียดนามที่ได้รับภาษีตอบโต้ที่อัตรา 20% มาเลเซีย 25% หรืออินโดนีเซีย 32% เป็นต้น ฝ่ายวิเคราะห์สถานการณ์และเตือนภัยทางเศรษฐกิจ สสว. ประเมินว่าไทยจะสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน จากต้นทุนการจำหน่ายสินค้าไทยในสหรัฐอเมริกาที่จะสูงกว่าประเทศคู่ค้าถึง 16% ซึ่งมากพอที่จะทำให้ผู้นำเข้าเปลี่ยนไปเลือกซื้อสินค้าจากประเทศอื่นแทน โดยในระยะสั้นไทยจะส่งออกสินค้าได้ลดลง ส่วนใหญ่การนำเข้าดำเนินการผ่านผู้นำเข้าในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก ดังนั้นการเลือกสินค้าที่จะนำเข้าไปจำหน่ายเป็นการตัดสินใจโดยผู้นำเข้า จึงเป็นความเสี่ยงของผู้ประกอบการไทยที่จะโดนสินค้าลักษณะเดียวกันที่สามารถผลิตได้โดยประเทศอื่นมาทดแทนได้ สสว. คาดว่าช่วง 5 เดือนหลังตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไปการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาจะหดตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 25-30% คาดว่าปี 2568 การส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาจะเติบโตเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 5.04% ด้วยมูลค่ารวม 6,428.79 ล้านเหรียญสหรัฐ จากที่ขยายตัวในช่วง 5 เดือนแรกของปีถึง 29.8%

ผลกระทบทางอ้อมจากภาษีดังกล่าวส่งผลต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยซึ่งคาดว่าจะลดลงถึง 15% และในระยะยาวจะมีการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่ได้รับภาษีต่ำกว่า การจ้างงานในประเทศจะลดลงโดยเฉพาะจากภาคการผลิต รายได้ของแรงงานในประเทศลดลง เกิดการว่างงานเพิ่มขึ้น การทะลักของสินค้าจากประเทศอื่น ๆ ที่ต้องการหาตลาดใหม่ทดแทนการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาจะเข้ามามายังประเทศไทย ส่งผลต่อรายได้ของธุรกิจไทยในระยะยาวหากยังไม่เตรียมการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง

สสว. คาดว่าผลกระทบดังกล่าวจะส่งผลให้ GDP SME ปี 2568 ลดลงจากเดิมที่เคยประมาณการไว้อีก 0.9% ส่งผลให้ประมาณการ GDP SME ปี 2568 ขยายตัวได้ที่ 1.7% จาก 2.6% ที่ประมาณการไว้เมื่อเดือน เมษายน 2568

ทั้งนี้ สสว. ได้วิเคราะห์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับกลุ่มผู้ส่งออก SME ในเบื้องต้นพบว่ายังเป็นกลุ่มผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับสินค้า 12 กลุ่มหลัก ซึ่งมี SME ประมาณ 3,700 ราย แต่ผลกระทบจะมีการขยายผลต่อไปยังกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ ภายในประเทศดังที่ได้กล่าวมา ดังนั้นเพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าว SME ไทยจำเป็นต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน โดยมุ่งเน้นการหาตลาดใหม่และคู่ค้าในภูมิภาคต่าง ๆ รวมทั้งใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) และพิจารณาการใช้ฐานการผลิตจากประเทศที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาษี นอกจากนี้ ประเทศไทยต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการลงทุน หรือการสร้างความร่วมมือระหว่างธุรกิจในประเทศกับนักธุรกิจจากต่างประเทศ การพัฒนาจุดแข็งทางเศรษฐกิจของประเทศให้เกิดผล เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การเป็นศูนย์กลาง Wellness and Medical Hub การเป็นศูนย์กลางการขนส่งในภูมิภาครองรับการเป็นศูนย์กระจายสินค้า รวมทั้งการหาแนวทางจัดการสินค้าที่จะทะลักเข้ามาในประเทศให้กระทบสินค้าไทยให้น้อยที่สุด สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นแนวทางที่จะช่วยผู้ประกอบการได้ประโยชน์ในระยะต่อไปจากการดำเนินการดังกล่าว และช่วยให้ผู้ประกอบการไทยหลุดพ้นจากการสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในครั้งนี้ได้

#SMEไทย #ภาษีตอบโต้ #ภาษีสูง #การส่งออก #เศรษฐกิจไทย #การค้าระหว่างประเทศ #การปรับตัว #FTA #กลยุทธ์การส่งออก #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...