"อนุทิน" ลั่น ไทยพร้อมหารือ "กัมพูชา" หากมีความจริงใจ หลัง "กัมพูชา" ขอประชุม JBC ฝั่งตัวเอง
"อนุทิน" ลั่น ไทยพร้อมหารือ "กัมพูชา" หากมีความจริงใจ หลัง "กัมพูชา" ขอประชุม JBC ฝั่งตัวเอง ฟาก "สีหศักดิ์" รับข้อตกลงหยุดยิงยังเปราะบาง วอน "กัมพูชา" เลี่ยงการยั่วยุ สร้างความเข้าใจผิด
วันที่ 30 ธันวาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาณ์ถึงกรอบระยะเวลาหยุดยิงที่จะครบ 72 ชั่วโมง เวลาเที่ยงวันนี้ ว่า ทางกองทัพและทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ก็น่าจะมีการดำเนินการตามที่ได้ระบุไว้ในถ้อยแถลง
ส่วนที่ทางกัมพูชาต้องการให้ไทยไปประชุม JBC ที่ฝั่งกัมพูชาในต้นเดือนมกราคมนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เราประเมินสถานการณ์ทุกอย่างทุกอย่างต้องเกิดจากความจริงใจและความตั้งใจก่อน ที่จะทำให้สถานการณ์และสันติภาพเกิดขึ้น ในภูมิภาคนี้ ถ้าเป็นแบบนั้นอะไรที่เป็นเหตุเป็นผล ประเทศไทยเราก็พร้อมที่จะหารือ และหาทางออกด้วยกันอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงความช่วยเหลือจากประเทศจีนที่จะให้ 20 ล้านหยวน มีการพูดคุยอย่างไรบ้าง นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นข้อเสนอที่พูดขึ้นมาใน การประชุมระหว่าง 3 ประเทศที่มีรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยกัมพูชาและจีน เรายังไม่ได้ลงลึกในรายละเอียด นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็เพิ่งกลับมาเมื่อคืน
"อนุทิน" ขออย่ากังวล ตร.จับเครือข่ายยาเสพติด เชื่อมโยงใคร ย้ำชัดให้ยึดหลัก ‘ปิดชื่อถือพฤติกรรม’ - ชี้ ไม่รู้จักคำว่าขิง แต่ขอทุกพรรคทำงานของตนเองเหมือนภูมิใจไทย ไม่ชกใต้เข็มขัด
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเครือข่ายยาเสพติดเชื่อมโยงนักการเมือง ว่า อย่าไปกังวลว่ามันไปเชื่อมโยงใคร เชื่อมโยงนักการเมือง ข้าราชการ พ่อค้า นักธุรกิจ นักเลงที่ไหนก็แล้วแต่ ตอนนี้ตนกับทาง ผบ. ตร. และ เลขา ปปง. , เลขา ป.ป.ส. ให้ใช้หลักที่ตนได้มอบไว้ เพื่อให้ทุกฝ่ายทำงานด้วยความสบายใจและเต็มที่ คือ ปิดชื่อถือพฤติกรรม ไม่รู้ว่าใครเป็นใครก็ให้ดูตามสำนวนและพฤติกรรมดูตามเส้นเงินและหลักฐานทางการเงิน รวมถึงหลักฐานที่กระทำความผิด พอผิดเปิดมาโดนใครให้จัดเต็มได้เลย
เมื่อถามว่าในทางการเมืองทุกพรรคดูเหมือนจะมีเรื่องเชื่อมโยงลักษณะนี้กันหมด เพราะฉะนั้นจะมาอวดกันเรื่องนี้ไม่ได้ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนคิดว่าทางที่ดีที่สุดทุกพรรคการเมืองก็ให้ทำเหมือนพรรคภูมิใจไทย คือทำงานของตัวเอง ไม่ต้องไปว่า ไม่ต้องไปขิงใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ไปด้อยค่าหรือใช้วาทกรรมในการทำให้อีกฝ่ายเกิดความเสียหาย ใช้เหตุผลว่ากัน การเลือกตั้งก็จะเป็นไปด้วยความเข้มแข็ง ไม่มีชกใต้เข็มขัด
เมื่อถามว่าโลกออนไลน์ออกมาพูดถึงสโลแกนหาเสียงของพรรคประชาชน "มีเราไม่มีเทา" แต่ตอนนี้ดำไปแล้ว นายอนุทิน กล่าวว่า "อย่ามาขิงกับผม ไม่เอา แล้วแต่โซเชียลตัดสินใจ "
เมื่อถามว่าปีหน้าปีม้านายอนุทินจะขี่ม้าขาวมาเป็นนายกอีกสมัยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อยู่ที่พี่น้องประชาชน
เมืีอถามว่ามองบรรยากาศการเริ่มหาเสียงอย่างไรบ้างนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เหลืออีกแค่ 38 วัน ก็ขอให้ทุกฝ่ายหาเสียงเน้นในเรื่องของนโยบาย แล้วสิ่งที่ประชาชนควรได้รับรู้รับทราบและสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน
เมื่อถามว่ามีโอกาสขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ในกรุงเทพฯหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราไม่ได้เน้นว่าจะต้องมีการจัดปราศรัยใหญ่เพราะผู้สมัครทุกคนในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ก็มีความคุ้นเคยในพื้นที่อยู่แล้ว และมีการกำหนด ตารางเวลาอยู่แล้วว่าใครให้ไปไหน หากว่างไปก็ไป
"สีหศักดิ์" รับข้อตกลงหยุดยิงยังเปราะบาง วอน "กัมพูชา" เลี่ยงการยั่วยุ สร้างความเข้าใจผิด - ปัดตอบไทม์ไลน์ JBC เหตุผูกพันรัฐบาลใหม่
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงผลการหารือ 3 ฝ่ายกับนายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน และนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ที่เมืองยวี่ซี มณฑลยูนนานของจีน ว่า เป็นการประชุมระหว่างไทยและกัมพูชา โดยมีจีนเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ซึ่งผลการประชุมก็ออกมาตามที่มีการแถลงข่าว ตนอยากจะย้ำว่าการประชุมครั้งนี้ เรามุ่งที่จะให้การหยุดยิงที่ตกลงกัน เป็นการหยุดยิงที่ยั่งยืน และนำไปสู่การสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน หลังจากนั้นก็จะดูว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร ซึ่งช่วงนี้ก็ยังถือว่ามีความเปราะบางอยู่ เพราะฉะนั้นก็ควรจะหลีกเลี่ยงอะไรก็ตามที่จะเป็นการยั่วยุ ทำให้เกิดความเข้าใจผิด หรือบั่นทอนการหยุดยิง เช่น การปล่อยโดรน ก็ต้องมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และในส่วนของถ้อยแถลงจากระดับผู้นำก็ต้องระมัดระวัง อย่างที่นายกรัฐมนตรี ฮุนมาเนตออกมาพูดว่า การหยุดยิง ไม่ใช่หมายความว่าฝ่ายกัมพูชาแพ้ นี่ก็อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันได้ เพราะก็ต้องถามกลับว่าใครเป็นฝ่ายขอหยุดยิง แต่ตนก็คิดว่าถ้าจะให้ดี คือเราควรจะก้าวข้ามไปแล้ว มาทำให้การหยุดยิงมีความยั่งยืน สร้างความไว้เนื้อเชื่อเชื่อใจระหว่างกันดีกว่า
เมื่อถามว่าการที่มีโดรนเข้ามาฝั่งไทยและการที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด จะกระทบต่อข้อตกลงหรือไม่ นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ต้องดูว่าทุ่นระเบิดเก่าหรือใหม่ ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งหนึ่งในประเด็นที่หารือกันใน GBC คือการมีฮอตไลน์ที่สามารถตรวจสอบได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด ส่วนประเด็นหนึ่งเป็นเรื่องที่ฝ่ายกัมพูชาเหมือนอยากจะเร่งรัดการประชุม JBC ที่เกี่ยวกับการปักปันเขตแดนก็ต้องรอให้ผลประชุม GBC เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีก่อน และในช่วงรัฐบาลรักษาการก็ต้องขออานัติจากครม. เพราะข้อตกลงจะต้องผูกพันไปถึงรัฐบาลใหม่ จึงต้องมาดูข้อกฎหมายว่าการประชุม JBC จะประชุมได้ช่วงไหนอย่างไร ทำให้ไม่สามารถจัดประชุมได้ทันที ไม่ได้เป็นการประวิงเวลา แต่มันมีขั้นตอนอยู่
เมื่อถามถึงความชัดเจนของการปล่อยตัวทหารกัมพูชา ก็ตามที่พูดกันไว้ ก็อาจจะปล่อยหากภายในช่วง 72 ชั่วโมงมีการหยุดยิงได้จริง นายสีหศักดิ์ ย้ำว่า อยากให้เดินหน้า สิ่งที่เราพูดกันไว้ ก็ต้องรักษาคำพูด เพราะยังมีความเปราะบางอยู่ ส่วนทางการทูต ก็ถือว่าคุยกันได้อยู่แล้ว ยิ่งขณะนี้ถ้ามีเหตุการณ์อะไร ก็ต้องพูดคุยกันรวมถึงฝ่ายทหารเองก็ต้องคุยกัน เพื่อให้เป็นการหยุดยิงอย่างยั่งยืน
สำหรับการประเมินฉากทัศน์หลังจากนี้ คือเมื่อผ่านช่วง 72 ชั่วโมง โดยไม่มีเหตุการณ์อะไร ขั้นต่อไปก็เดินหน้าในการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ เช่น ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ยั่วยุตามชายแดน และเรื่องสำคัญเรื่องที่สอง คือการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เพราะการประชุม JBC จะเกิดขึ้นได้ ในพื้นที่ต้องมีความปลอดภัยด้วยเพราะต้องมีการสำรวจหลักเขต เพราะฉะนั้นส่วนหนึ่งในการสร้างบรรยากาศที่ดี ก็คือการเก็บกู้ทุ่นระเบิด
ส่วนกรณีที่ทางสมเด็จฮุนเซน เหมือนจะไม่ยอมรับในการที่ไทยสามารถครองดินแดนและปักธงชาติได้ นายสีหศักดิ์ ระบุว่า บริบทตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว การประชุม JBC จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ต้องพิจารณาสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงท่าทีของรัฐบาลใหม่จะเป็นอย่างไร จะทบทวนMOU 43 หรือไม่
สำหรับชาวบ้านที่ชายแดนสระแก้ว ที่ยังไม่ค่อยเชื่อมั่น ว่าทางกัมพูชาจะไว้ใจได้หรือไม่ นายสีหศักดิ์ ฝากไปถึงชาวบ้านตามแนวชายแดนสระแก้วว่า การหยุดยิงเพื่อให้เกิดความปลอดภัย และความมั่นคงชายแดน ตนอยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายเคารพการหยุดยิง ฝ่ายกัมพูชาก็สูญเสียพอสมควร ประชาชนของเขาก็อยากจะกลับสู่พื้นที่ เพราะฉะนั้นมันมีผลประโยชน์ร่วมกันที่จะทำให้เกิดการหยุดยิงได้อย่างถาวร ส่วนประเด็นปัญหาอื่นก็ควรสามารถพูดคุยกันได้ในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน