คนทั่วไปอาจขำๆ แต่คนเคยโดนอาจไม่ตลก เมื่อ “เซ็ตหย่อ” / “หนมน้า” ภาษาคุกที่แฝงด้วยความรุนแรงทางเพศ ยังถูกใช้อย่างสนุกปาก แถมปรากฏในเพลงไวรัลที่เด็กๆ ก็ร้องกัน
“เธอโยกอยู่ในฟลอร์ ขวา ซ้าย ขวา เธอโยกอยู่ในฟลอร์ ซ้าย ขวา ซ้าย เธออยากโดน ‘เซ็ตหย่อ’ หันหลังมา สุดหล่อที่เธอเหลียว คงไม่เสียวเท่าผมหรอก” กลายเป็นท่อนไวรัลที่เต้นกันม่วนๆ รับสงกรานต์กันเต็ม TikTok ไปแล้ว กับเพลง ‘CHI MI’ จาก YOUNGGU ฟีเจอริ่งกับ GUNNER ที่ฟังผ่านๆ ก็ดูเป็นเพลงจังหวะสนุกสุดติดหูเพลงหนึ่ง แต่ปัญหาที่น่าพูดถึงไม่น้อยคือการที่มีคำศัพท์ในคุก หรือ ‘ภาษาคุก’ ปรากฏอยู่อย่างคำว่า ‘เซ็ตหย่อ’ ซึ่งความหมายของมันนั้นแฝงไปด้วยความรุนแรงทางเพศที่ LGBTQ+ รวมถึงผู้ชายในคุกต้องเผชิญ
นอกจากนี้ยังมีคำว่า‘หนมน้า’ ที่มีอยู่ในเพลงรับสงกรานต์อย่าง ‘สาละวันเดินเซ’ จาก F.HERO ฟีเจอริ่งกับ แอน อรดี และ M-PEE ซึ่งมีท่อนหนึ่งร้องว่า “แม่ดอกลั่นทมอะที่เคยเด็ดดมๆ อะ ที่เคยเด็ดเล่นๆ อะ ‘หนมน้า’ หนมน้า หนมน้า” โดยคำนี้ก็เป็นคำที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงทางเพศต่อคนในคุกเช่นกัน…นำไปสู่คำถามว่า ปี 2025 แล้ว คนนอกคุกยังควรเอาคำศัพท์ลักษณะนี้มาพูดกันอย่างปกติแบบนี้อยู่ไหม? ยิ่งพอมีเด็กๆ ที่ใช้แผ่นเสียงเหล่านี้อยู่ไม่น้อย และเริ่มใช้คำเหล่านี้พูดกันอย่างแพร่หลายในเชิง make fun (บางคนไม่รู้ความหมายจริงๆ ด้วยซ้ำ แต่เห็นเพื่อนพูด ก็พูดตาม) ก็ดูน่ากังวลไม่ใช่น้อย รวมถึงยังมีผู้ใหญ่หลายคนมากที่ใช้คำเหล่านี้ในโซเชียลมีเดียกันอย่างขำขันคิกคักในเชิงล้อเลียนทางเพศ แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าความหมายของมันไม่ได้ไปในเชิงบวกเสียเท่าไหร่
‘เซ็ตหย่อ’ เป็นคำที่คนในคุกใช้เพื่อสื่อถึงการมีเซ็กซ์ทางทวารหนัก โดยก่อนหน้านี้ ต๊ะ ยมทูต ได้เคยออกมาพูดถึงวลี “ขอเซ็ตหย่อ สู่ต่อ ซูดผ่อ ซีหม่อ สองห่อ ใส่ไข่” ที่เขาพูดในฐานะคนที่เคยเห็นเหตุการณ์ในคุกไว้ว่า ถ้าเป็นเด็กวัยรุ่นเข้าไปในคุก แล้วมีใบหน้าละอ่อนหรือหน้าสวยๆ จะมี ‘พ่อบ้านขาใหญ่’ หรือนักโทษรุ่นพี่ที่อยู่มานานแล้ว มาทำการ ‘รับน้อง’ เพื่อขอมีเพศสัมพันธ์ ขณะที่ ‘หนมน้า’ ก็เป็นแสลงที่เชื่อมโยงกับการขอมีเซ็กซ์เช่นกัน ตรงที่หนมน้า จะเป็นคำที่เกิดขึ้น เมื่อนักโทษยื่นขนมให้อีกฝ่าย ที่ไม่ได้แปลว่ามีน้ำใจหรือหวังดีเสมอไป แต่สื่อถึงการมีเซ็กซ์หรือต้องการให้อีกฝ่ายมาเป็นเมียนั่นเอง
ถ้ายินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่ายก็คงไม่ได้ดูเป็นคำที่มีปัญหาอะไร แต่ประเด็นอยู่ที่การขอมีเซ็กซ์ในคุกหลายๆ ครั้งก็มาพร้อมการถามเชิง ‘บังคับ’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความรุนแรงเชิงอำนาจ ที่คนที่มีอำนาจมากกว่าอย่างคนที่เป็นรุ่นพี่ผู้มีอิทธิพลที่มีกลุ่มก้อนลูกสมุนในนั้น ใช้ข่มเหงคนที่มาใหม่ที่ไม่ได้มีอำนาจอะไร ในการบีบรั้นให้อีกฝ่ายต้องทำตามทุกอย่าง หากอยากอยู่ในนั้นได้อย่างสงบที่สุด กลับกันหากไม่ยอมให้มีเซ็กซ์ด้วย บางครั้งก็ตามมาด้วยความรุนแรงทางเพศ และอาจโดนทำร้ายร่างกายอย่างหนักในคุกไปเลยก็ได้ ที่ก็สะท้อนปัญหาสังคมในเรื่องความปลอดภัยในคุกที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันมีการแบ่งชนชั้นกันในนั้นจริงๆ
นั่นหมายความว่าทั้ง LGBTQ+ และผู้ชายหลายคนอาจต้องสมยอมเพื่อเอาตัวรอดในคุกอย่างเจ็บปวด หรือหากบางคนยอมสู้เพื่อตัวเอง เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาต้องเจออะไรบ้าง หากระบบความปลอดภัยในคุกมันไม่ได้มีเท่าที่ควร เหมือนที่ในหนัง วัยหนุ่ม 2544 ตัวละคร ฟลุ๊ค ที่ เอม ภูมิภัทร แสดงเป็นนักโทษเข้าใหม่ที่มีใบหน้าสวย ก็ถูกรับน้องทันทีว่ามีคน ‘สนใจรับเลี้ยง’ ทั้งยังถูกบังคับเลยว่า “จะเอาเหล็ก หรือมึงจะเอาเอ็น” ซึ่งแม้คนที่เข้ามาเป็นนักโทษจะทำผิดกฎหมายบางอย่างนอกคุก แต่ไม่ได้หมายความว่า การถูกทำร้ายในคุกจะควรเกิดขึ้นซ้ำไปมา หรือถูกมองว่า “สมควรแล้ว” ที่โดนทำร้ายเพราะเป็นนักโทษ โดยเฉพาะกลุ่ม LGBTQ+ ที่ตกเป็นเป้าของความรุนแรงทางเพศอยู่ไม่น้อย
กลับมาที่ประเด็นของเพลงต่างๆ ที่มีการใช้ภาษาคุก ซึ่งเราคงไม่อาจสามารถตัดสินได้ว่า คนที่เต้นเพลงเหล่านี้ หรือฟังเพลงเหล่านี้ ‘ทุกคน’ จะหมายถึงว่า พวกเขากำลังล้อเลียนทางเพศหรือมองว่ามันไม่ได้เป็นปัญหาอะไร เพราะบางคนอาจจะไม่รู้ความหมายจริงๆ ก็ได้ มองแค่ว่ามันเป็นเพลงที่ดนตรีจังหวะมันๆ เฉยๆ แต่สำหรับคนที่รู้อยู่แล้ว หรือเพิ่งรู้ ว่ามันมีแง่มุมความรุนแรงทางเพศอยู่ คงต้องกลับไปสู่คำถามที่ว่า เราจะยังควรใช้มันอย่าง ‘ปกติ’ หรือควรใช้มันพูดกันขำๆ เพื่อล้อเลียนทางเพศอีกอยู่หรือไม่? เมื่อมีคนที่เจ็บปวดกับคำเหล่านี้อยู่จริงๆ ในคุก ที่คนนอกคุกอาจไม่ได้เข้าใจความเจ็บปวดเหล่านั้น
แน่นอนว่า เราไม่ได้บอกว่าเพลงสายฮิปฮอปมันๆ จะใช้คำหยาบคายในเพลงไม่ได้ หรือควรจะเซ็นเซอร์มันให้เหลือแต่ถ้อยคำเพราะๆ สุภาพๆ เพราะไม่งั้นคงน่าเสียดายที่ความหลากหลายทางดนตรีมันจะถูกกำหนดไว้แค่แบบใดแบบหนึ่ง แต่ในบางครั้ง หากเราไม่มีความตระหนักรู้ในการเลือกใช้คำให้ไม่สุ่มเสี่ยงว่ามันจะเกี่ยวเนื่องกับความรุนแรงบางอย่างที่มีคน ‘เจ็บปวด’ จากคำเหล่านั้นจริงๆ เราก็อาจเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อมุมมองแบบใดแบบหนึ่งต่อคนฟังเพลงไปด้วยอย่างปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน
แล้วทุกคนคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง? ควรหรือไม่ควร? สามารถถกเถียงเรื่องนี้กันอย่างสุภาพได้นะ
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
- คนทั่วไปอาจขำๆ แต่คนเคยโดนอาจไม่ตลก เมื่อ “เซ็ตหย่อ” / “หนมน้า” ภาษาคุกที่แฝงด้วยความรุนแรงทางเพศ ยังถูกใช้อย่างสนุกปาก แถมปรากฏในเพลงไวรัลที่เด็กๆ ก็ร้องกัน
- Lucky Girl Syndrome การสะกดจิตตัวเองว่า “ฉันคือผู้โชคดี” ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ความเชื่อนี้ควรอยู่บนหลักความเป็นจริง
- ทำไมคนถึงอยากสมน้ำหน้า “ผู้หญิงที่อยากได้คนรวย แต่ดันพลาด” ทั้งที่ทุกคนควรมีสิทธิเลือกทางในชีวิตตัวเอง
ตามบทความก่อนใครได้ที่
- Website : Mirror Thailand.com