โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

“ปิยบุตร” เสนอ 3 หลักการ 7 ข้อเสนอ หากนายกฯ ไม่ยุบสภา

ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

อัพเดต 23 มิ.ย. เวลา 07.49 น. • เผยแพร่ 23 มิ.ย. เวลา 07.49 น. • ข่าวเวิร์คพอยท์

(23 มิ.ย. 68) รศ.ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล ถึงกรณีที่ข้อเสนอลาออก-ยุบสภา ที่มีหลายฝ่ายเรียกร้องต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่สัมฤทธิ์ผล ว่าควรที่จะทำเช่นไรต่อ โดยระบุว่า

“3 หลักการ 7 ข้อเสนอ เมื่อนายกรัฐมนตรีไม่ยุบสภา ไม่ลาออก

ณ เวลานี้ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า นายกรัฐมนตรีตัดสินใจไม่ยุบสภา ไม่ลาออก แต่ปรับคณะรัฐมนตรี ให้นักการเมือง “รักชาติจนน้ำลายไหล” ได้มีโอกาสแย่งและต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี และอาจมีการ “ขโมย” ส.ส.จากพรรคฝ่ายค้านอื่นๆเข้ามา (ไม่ว่า “ถาวร” แบบทำให้พรรคอื่นต้องแตกแยก หรือ ไม่ว่า “ชั่วคราว” แบบยั่วยวนแลกเปลี่ยนกับคะแนนเป็นรายคนและเป็นครั้งคราว)

อำนาจยุบสภาผู้แทนราษฎร หรือการลาออก เป็นอำนาจการตัดสินใจโดยแท้ของนายกรัฐมนตรี ในเมื่อนายกรัฐมนตรียืนยันว่าไม่ยุบสภา ไม่ลาออก เราควรทำอย่างไร ภายใต้สถานการณ์การเมืองเช่นนี้?

ผมเสนอว่า ต้องยึดหลักการพื้นฐาน เป็นเบื้องต้นไว้ก่อน ดังต่อไปนี้

1. รักษากติกาประชาธิปไตย

2. ต่อต้านรัฐประหารทุกรูปแบบ ทั้งแบบดั้งเดิมที่ใช้กองทัพยึดอำนาจ ทั้งแบบร่วมสมัยที่ใช้ศาลหรือองค์กรอิสระเข้าจัดการผ่านกลไกทางรัฐธรรมนูญ

3. รักษาสันติภาพ ใช้มาตรการเจรจา ไม่ตกอยู่ภายใต้ความคิดแบบคลั่งชาติสุดโต่ง

หากยึดหลักการพื้นฐานดังกล่าวไว้ ก็สรุปเป็นข้อเสนอได้ ดังนี้

1. ยึดหลักการรัฐบาลพลเรือนจากการเลือกตั้งต้องอยู่เหนือกองทัพ การแก้ไขปัญหาชายแดนและปัญหาความมั่นคงของประเทศ ต้องให้รัฐบาลพลเรือนรับผิดชอบ มีอำนาจตัดสินใจ มีอำนาจสั่งการกองทัพ ห้ามมิให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพหรือผู้บัญชาการภาค ริเริ่มตัดสินใจใช้อำนาจใดๆได้เอง ตามลำพัง โดยที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไม่รับรู้รับทราบ

2. นายกรัฐมนตรีต้องแสดงภาวะผู้นำและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนคนไทยว่า สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชาได้ โดยไม่ต้องโอนอำนาจเบ็ดเสร็จให้กองทัพ พร้อมกับทำให้ประชาชนมั่นใจว่า การดำเนินการต่างๆเป็นไปโดยยึดประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชน มิใช่เรื่องความสัมพันธ์ส่วนบุคคล และยึดมั่นแนวทางสันติภาพ ผ่านการเจรจาระดับทวิภาคี

3. ใช้กลไกตามระบบรัฐสภาในการตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี ได้แก่ การตั้งกระทู้ถาม การตรวจสอบผ่านคณะกรรมาธิการ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ การอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ โดยนายกรัฐมนตรีต้องให้ความร่วมมือกับกลไกดังกล่าว

4. คัดค้านการใช้กระบวนการนิติสงครามที่มีเป้าประสงค์ให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง หรือสร้างสุญญากาศทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็น การตีความขยายความคำว่า “ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์“ ออกไปอย่างกว้างขวาง เพื่อสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวหรือให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง หรือไม่ว่าจะเป็น การใช้ช่องทางตามมาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญ เพื่อหวังให้รัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งไปพร้อมกันหลายคน

5. คัดค้านความพยายามสร้างสุญญากาศทางการเมืองของคนบางกลุ่มบางพวก ที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง หรือให้คณะรัฐมนตรีสิ้นสภาพ เพื่อเปิดทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือเพื่อเปิดทางพิสดาร บิดผันรัฐธรรมนูญ นำ “นายกรัฐมนตรี” แบบพิเศษ มาตามมาตรา 5 วรรคสอง

6. คุ้มครองเสรีภาพในการชุมนุม เสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพสื่อมวลชน

7. เพื่อฟื้นฟูความชอบธรรมทางการเมือง เพื่อผ่อนคลายสถานการณ์การเมืองในประเทศ (โดยเฉพาะกับกลุ่มที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีลาออกหรือยุบสภา) และเพื่อป้องกันมิให้ “นักสร้างสุญญากาศ” ทำสำเร็จ นายกรัฐมนตรีควรแถลง “เส้นทางเวลา” ไปสู่การยุบสภาภายในสิ้นปีนี้ เช่น ประกาศว่า ภายหลัง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีประกาศใช้ และแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเรื่องชายแดนกับกัมพูชาได้เข้าที่เข้าทางระดับหนึ่งแล้ว จะยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน ภายในสิ้นปี 2568”

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...