โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เหตุ!! กัมพูชา สู้กับทหารไทยในห้วงเวลานี้

TOJO NEWS

อัพเดต 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Admin Tojo

อ.ประพฤติ ชี้ เหตุใด กัมพูชาจึงตัดสินใจใช้ความรุนแรงหรือเผชิญหน้าทางทหารกับไทยในห้วงเวลานี้ ทั้งที่ทราบดีว่ามีศักยภาพทางทหารที่ด้อยกว่า?

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า อ.ประพฤติ ฉัตรประภาชัย (อ.อุ๋ย) ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศ วิเคราะห์ เหตุใด กัมพูชาจึงตัดสินใจใช้ความรุนแรงหรือเผชิญหน้าทางทหารกับไทยในห้วงเวลานี้ ทั้งที่ทราบดีว่ามีศักยภาพทางทหารที่ด้อยกว่า?

5 เหตุผลวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์ที่กัมพูชาเลือกเผชิญหน้ากับไทย

1. การกดดันเพื่อบังคับใช้และตีความ "MOU 2543" (MOU 2000)

ผมมองว่า การที่รัฐบาลไทยยังคงไว้ซึ่ง MOU ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 2000) ซึ่งได้ตกลงให้ใช้ แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 เป็นเอกสารอ้างอิงในการปักปันเขตแดนทางบก ทําให้กัมพูชามองว่าแผนที่นี้มีส่วนทำให้กัมพูชาได้เปรียบในพื้นที่พิพาทหลายแห่ง ตลอดแนวชายแดน เช่น บ้านหนองจาน หนองหญ้าแก้ว ปราสาทตาควาย ปราสาทคนา ฯลฯ

• แรงจูงใจ: ผมคิดว่ากัมพูชาใช้ความตึงเครียดทางทหารเพื่อ เร่งรัดและบังคับให้ไทยยอมรับและดำเนินการตามแผนที่ดังกล่าว โดยเฉพาะการอ้างสิทธิ์ในพื้นที่พิพาททางบก ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขยายอาณาเขตและยุติข้อพิพาทเพื่อให้เป็นประโยชน์กับ กพช เอง

2. การใช้ประเด็น "พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล" จาก "MOU 2544" (MOU 2001) เพื่อผลประโยชน์มหาศาล

• ประเด็น: ผมเห็นว่า MOU ว่าด้วยพื้นที่พัฒนาร่วมปิโตรเลียมในพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนทางทะเล พ.ศ. 2544 (MOU 2001) ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ที่มีมูลค่าทรัพยากรธรรมชาติ (ก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน) หลายล้านล้านบาท ซึ่งการที่ mou 44 ไปรับรองเส้นเขตแดนทางทะเลที่ กพช ขีดผ่านเกาะกูดโดยมิชอบนี้เอง ที่ทําให้เกิดพื้นที่พิพาท นี้เองทําให้เกิด"เส้นเขตแดน" ที่กัมพูชาใช้แนวเส้นนี่รุกล้ำเข้ามาในน่านน้ำไทย

ซึ่งทําให้ กพช เกิดแรงจูงใจที่จะสร้างความขัดแย้งทางทหารเพื่อใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อ กดดันให้ไทยยอมรับการบริหารจัดการพื้นที่พัฒนาร่วมภายใต้เงื่อนไขที่กัมพูชาได้เปรียบสูงสุด เพื่อเข้าถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากทรัพยากรทะเลก่อนที่ข้อพิพาทจะถูกยุติโดยสมบูรณ์

3. การใช้ยุทธศาสตร์ "การทูตด้วยปืน" (Coercive Diplomacy) เพื่อเร่งรัดการเจรจา

• การปะทะทางทหารในระดับจำกัดหรือการใช้ความตึงเครียดตามแนวชายแดน เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้าง "ต้นทุนความขัดแย้ง" ให้แก่ไทยและประชาคมโลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศจากโต๊ะเจรจาปกติให้เกิดการแทรกแซงจากภายนอก และบังคับให้ไทยต้องยอมรับเงื่อนไขในการตีความและการดำเนินการตาม MOU ทั้งสองฉบับ

4. การใช้ประเด็นความขัดแย้งเพื่อรวมชาติและเสริมอำนาจรัฐบาล

• รัฐบาลกัมพูชาสามารถใช้ความขัดแย้งที่เกี่ยวข้องกับอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ (MOU 43 และ 44) เพื่อ ปลุกกระแสชาตินิยมอย่างรุนแรง ซึ่งช่วย เสริมสร้างความชอบธรรม และ อำนาจให้กับผู้นำรัฐบาล รวมถึงเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาภายในประเทศ ซึ่งการอ้างว่าถูกไทยรุกรานในเรื่องเขตแดนเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการสร้างความเป็นเอกภาพ

5. การทดสอบจุดยืนและความอ่อนแอของรัฐบาลไทยเพื่อหาช่องทางเชิงรุก

• กัมพูชาอาจมองว่าช่วงเวลาปัจจุบัน รัฐบาลไทยมีความเปราะบางทางการเมือง ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการ "ลองกำลัง" และ "ทดสอบปฏิกิริยา" ของฝ่ายไทย หากพบว่าไทยไม่ต้องการยกระดับความขัดแย้ง อาจนำไปสู่การขยับขยายขอบเขตการอ้างสิทธิ์และการตีความ MOU ต่าง ๆ ให้เป็นประโยชน์ต่อกัมพูชามากยิ่งขึ้น

สรุป:

การตัดสินใจทำสงครามของกัมพูชาจึงเป็นไปตามหลักการ Realpolitik ซึ่งหมายถึง “การเมืองแบบนักปฏิบัติ" ที่มองโลกตามความเป็นจริงอันโหดร้าย และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อความอยู่รอดและผลประโยชน์ของชาติ โดยไม่แคร์เรื่องศีลธรรมหรืออุดมคติมากนัก

โดย กพช ประสงค์จะใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องมือเพื่อ สร้างอำนาจต่อรอง ในการบังคับใช้และตีความข้อตกลงสำคัญ โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือการได้มาซึ่ง อำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาล จากพื้นที่ทับซ้อนทางบกและทางทะเล นั่นเอง ด้วยความปราถนาดี

#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...