วีรบุรุษ‘พลีชีพ’อีก4นาย
ทหารกล้า วีรบุรุษของไทย พลีชีพเพื่อชาติเพิ่มอีก 4 นาย กองทัพภาคที่ 2 เผยยึดฐานทหารเขมรพื้นที่ซำแต-เนิน 677 พบโทรศัพท์ 8 เครื่อง สมุดบันทึกปฏิบัติงานทหารกัมพูชา 1 เล่ม มีข้อมูลวางทุ่นระเบิด-กับระเบิดแสวงเครื่อง พร้อมอาวุธอีกจำนวนมาก ประณามเขมรยิง BM-21 ใส่พลเรือน โดนสอยพังไปอีก 1 ระบบ ขณะที่ F-16 หย่อนไข่ระเบิดสะพาน "จัยจุมเนี้ยะ" ขาด 2 ท่อน ตัดขาดการลำเลียงกำลังพล-อาวุธของทหารกัมพูชา
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2568 การสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชาบริเวณแนวชายแดนยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ฝั่งไทยรุกคืบเข้ายึดพื้นที่พิพาทในหลายพื้นที่ ขณะเดียวกันมีความสูญเสียเพิ่มเติมเช่นกัน โดยเฉพาะที่สมรภูมิเนิน 677 ช่องอานม้า กำลังพลเสียชีวิต 4 นาย ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บ 3 นาย
สำหรับกำลังพลเสียชีวิตอีกจำนวน 4 นาย ประกอบด้วย 1.จ.ส.อ.ดำรงเกียรติ แก้วกระจ่าง 2.พลฯ มุสตากีม เจ๊ะมะ 3. จ.ส.อ.ทวีรัตน์ รัตนบุรี 4.พลฯ ทหารราบ ยังไม่ทราบชื่อ
ส่วนกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด 3 นาย ประกอบด้วย 1.พลฯ โชคชัย เนียมแสง เจ็บแขน 2 ข้าง ระดับสีแดง 2.จ.ส.ต.นพนันท์ จันดาแดง โดนที่ขา แขน ระดับสีเหลือง 3.พลฯ คอลิต หมุดกะเหล็ม โดนที่หลัง ระดับสีเหลือง
สรุปสถานการณ์การสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา วันที่ 13 ธันวาคม เวลา 11.00 น. ทหารไทยสามารถเข้ายึดพื้นที่้ เข้ายึดที่หมายซำแต, เนิน 677 พื้นที่ช่องอานม้าได้เรียบร้อย แต่ยังอยู่ในระหว่างการปฏิบัติการทางทหาร
พื้นที่คนา เข้ายึดได้แล้ว 3 ที่หมาย อยู่ระหว่างปฏิบัติการในส่วนที่เหลือ, พื้นที่ตาควาย ยังมีการรบปะทะอย่างหนัก ผลการปฏิบัติจะรายงานให้ทราบต่อไป สำหรับพื้นที่สำคัญอื่นๆ ตลอดแนวชายแดน ยังคงมีการสู้รบประปราย สถานการณ์อยู่ในระดับควบคุมได้ และการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากฝ่ายกัมพูชามีความพยายามในการใช้อาวุธปืนใหญ่และจรวดหลายลำกล้อง (BM-21) ยิงเข้ามายังฐานปฏิบัติการของฝ่ายเรา
รายการยุทโธปกรณ์และสิ่งอุปกรณ์ที่สำคัญจากการเข้ายึดที่หมายฐานปฏิบัติการของทหารกัมพูชา พื้นที่ซำแตและเนิน 677 ดังนี้ 1.โทรศัพท์ 8 เครื่อง 2.สมุดบันทึกการปฏิบัติงานของทหารกัมพูชา 1 เล่ม 3.ลูกระเบิด M203 7 ลูก 4.จรวด RPG พร้อมอุปกรณ์ 50 ชุด 5.กระสุนปืน 11,765 นัด 6.วิทยุสื่อสาร 15 เครื่อง
จากการตรวจสอบในสมุดบันทึกการปฏิบัติงานของทหารกัมพูชา พบข้อมูลแผนผังการวางทุ่นระเบิดและกับระเบิดแสวงเครื่องในวันที่ 12 ส.ค.68 จำนวน 11 จุด 30 ลูก และกับระเบิดแสวงเครื่องประกอบ TNT จำนวน 2 จุด 6 ลูก นอกจากนั้นยังพบแผนการเตรียมวางทุ่นระเบิดในวันที่ 21 ส.ค.68 จำนวน 6 จุด แต่ยังไม่ระบุจำนวนทุ่นระเบิดเอาไว้
สำหรับโทรศัพท์ทั้ง 8 เครื่อง และสมุดบันทึก 1 เล่ม ได้นำส่งให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบและขยายผล
ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 2 ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า จะดำเนินการทุกมาตรการอย่างเต็มขีดความสามารถ เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประชาชน และปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และศักดิ์ศรีของประเทศชาติ อย่างเด็ดขาดและถึงที่สุด
เขมรยิง BM-21 ใส่พลเรือน
ขณะที่กองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ว่าฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธจรวด BM-21 ยิงตกเข้ามาในพื้นที่พลเรือน บริเวณด้านหน้าบังเกอร์หลบภัย หมู่ที่ 1 ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนซึ่งได้ยินเสียงแจ้งเตือนและกำลังวิ่งเข้าหลบภัยในบังเกอร์หลบภัยได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด มีอาการสาหัส 2 ราย ได้แก่ 1.นายแก้ว กินนรา แขนขวาหัก 2.นายรำไพ สุวรรณศิลป์ ได้รับแรงกระแทกที่ศีรษะและมีเลือดออกในสมอง ซึ่งกองทัพบกได้บูรณาการร่วมกับฝ่ายปกครองและสาธารณสุขในพื้นที่ เร่งนำผู้บาดเจ็บทั้งหมดส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเบญจลักษ์ฯ จังหวัดศรีสะเกษ
ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย คือ นายคมสัน ศรีอ้วน โดนสะเก็ดระเบิดบริเวณหลังคอ และนายเสรี ปัถอินทรี มีอาการบวมที่ศีรษะเนื่องจากโดนสะเก็ดระเบิด ได้เร่งนำส่ง รพ.ศรีรัตนะ
กองทัพบกขอประณามการกระทำของกำลังทหารกัมพูชาอย่างรุนแรง ต่อเวทีประชาคมระหว่างประเทศ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นหลักฐานชัดเจนถึงการใช้อาวุธโจมตีใส่พื้นที่พลเรือน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหารของกัมพูชา ละเมิดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์
ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เวลา 10.00 น. นำโดย พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงสรุปสถานการณ์ภาพรวม เหตุการณ์ปะทะกันของทหารไทย สรุปไทม์ไลน์สถานการณ์ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีไทย ได้มีการหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับเรื่องของสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยระบุว่า เวลา 22.00 น. วันที่ 12 ธ.ค.68 ฝ่ายกัมพูชาโจมตีโดยใช้โดรนสังหาร BM-21 และปืนใหญ่ ระดมยิงบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว อุบลราชธานี สุรินทร์ และศรีสะเกษ
เวลา 23.00 น. ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงอาวุธหนักเข้าใกล้อธิปไตยไทยในพื้นที่ จ.ตราด ทำให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้องป้องกันตนเอง
เวลา 00.00 น. ฝ่ายกัมพูชายังคงระดมยิง BM-21 ในพื้นที่ชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ทำให้บ้านเรือนประชาชนทั้งสองฝ่ายได้รับความเสียหาย
เวลา 05.47 น. ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากโจมตีเข้ามายังอธิปไตยของไทยตลอดแนวชายแดน
เวลา 05.50 น. ฝ่ายไทยตอบโต้ไปยังเป้าหมายทางการทหารเพื่อป้องกันการรุกรานของฝ่ายกัมพูชา
ทำลาย BM-21 ได้ 1 ระบบ
ทั้งนี้ พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจงถึงความคืบหน้าการดำเนินการของกองทัพในการปฏิบัติการยึดพื้นที่ว่า เมื่อช่วงสายของวันนี้ ได้รับแจ้งจากหน่วยในพื้นที่ว่า กองทัพสามารถยึดพื้นที่ปราสาทคนา อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ได้ 100% แล้ว พร้อมประมาณการความสูญเสียของฝ่ายกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 7-12 ธ.ค.68 โดยคาดว่ามีทหารกัมพูชาเสียชีวิตแล้ว 165 นาย นอกจากนี้ เราสามารถทำลาย BM-21 ได้ 1 ระบบ, รถยานเกาะ-รถถัง 11 คัน, โดรน 68 ลำ, ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน 2 ระบบ, Anti-Drone 3 ระบบ, เสาสื่อสาร 3 จุด และจุดตรวจการณ์-ฐานทหาร 5 แห่ง
ในการทำลายที่หมายต่างๆ ต้องยอมรับว่าภูมิประเทศมีทั้งพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ที่เป็นป่าเขา มีการหลบหลีกและใช้ยุทธวิธีที่ต้องอาศัยเล่ห์เหลี่ยมชิงไหวชิงพริบกัน ในขณะพื้นที่กองกำลังบูรพา กองทัพภาคที่ 1 เป็นพื้นที่โล่ง แต่บริเวณนั้นมีสิ่งปลูกสร้าง ถือเป็นการรบในเมือง จึงทำให้ยุทธวิธีทางการทหารมีความแตกต่างกันไป และมีความยากลำบาก จึงให้ทุกคนช่วยเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ เพราะการทำลายยุทโธปกรณ์สำคัญโดยเฉพาะจรวด อาวุธระยะไกล หากมีการโจมตีเข้ามาพลเรือนจะได้รับผลกระทบ
ด้าน น.อ.นรา คุณโฑถม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงการปฏิบัติงานของกองทัพเรือเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า กองทัพเรือได้การปฏิบัติการใน 2 พื้นที่สำคัญคือ พื้นที่เกาะยอ ใน จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นที่ตั้งฐานปืนขนาด 130 มิลลิเมตร 2 ฐานยิง ซึ่งฐานยิงดังกล่าวนี้จะเป็นภัยคุกคามต่อกำลังทางเรือของไทยในพื้นที่ จึงเปิดปฏิบัติการโจมตีทำลายที่มั่นทางทหารบนเกาะยอ ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และวันนี้จะขึ้นไปทำการสำรวจความเสียหายต่อไป
ส่วนพื้นที่บ้าน 3 หลังนั้น กองทัพเรือถูกโจมตีด้วยอาวุธสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชา ทำให้ไทยไม่สามารถนำกำลังพลทหารราบของนาวิกโยธินเข้าไปยึดของพื้นที่ได้ จึงจำเป็นต้องลิดรอนทำลายอาวุธสนับสนุน ปืนใหญ่ ปืน ค. และ BM-21 จึงได้ร้องขอการโจมตีทางอากาศจากกองทัพอากาศต่อเป้าหมายสำคัญทางยุทธศาสตร์
ช่วงเช้าวันเสาร์ กองทัพอากาศได้โจมตี 2 สะพานคือ สะพานจัยจุมเนี้ยะ จ.โพธิสัตว์ ประเทศกัมพูชา ที่ถูกใช้ลำเลียงกำลังและยุทโธปกรณ์ของฝ่ายกัมพูชาเข้าสู่พื้นที่ ซึ่งจากผลการโจมตีก็สามารถทำลายทั้ง 2 สะพานได้เรียบร้อย
ทั้งนี้ ภายหลังกองทัพอากาศปฏิบัติการทางอากาศส่งเครื่องบินรบ F-16 ทิ้งระเบิดทำลายสะพานจัยจุมเนี้ยะเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จนได้รับความเสียหายหนัก ทั้งสะพานใหม่และสะพานเก่า แต่ยังไม่ขาด ต่อมาทัพอากาศส่งเครื่องบินรบ F-16 1 ลำ ทิ้งระเบิด 3 ลูก ‘จัยจุมเนี้ยะ' ซ้ำเที่ยวที่ 2 ทำลายสะพานอีกครั้งให้ขาดทั้งสะพานเหล็ก (เก่า) สะพานใหม่ (ปูน)
การต่อสู้ครั้งนี้เป็นศักดิ์ศรี
พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก และอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางไปยังศูนย์อพยพในพื้นที่อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุรินทร์ เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจชาวบ้านที่อพยพมาอยู่ที่ศูนย์ โดยบรรยากาศชาวบ้านต่างดีใจและขอถ่ายเซลฟีกับทางอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 หลายคนโผเข้ากอดและให้กำลังใจ
พล.ท.บุญสินได้พูดกับชาวบ้านตอนหนึ่งว่า การต่อสู้ครั้งนี้เป็นศักดิ์ศรีประเทศไทย เพราะถ้าไม่ต่อสู้ก็เป็นขี้ข้าอย่างนี้เขาไปตลอด สิ่งที่ทหารได้ทำในวันนี้จึงเป็นการรักษาศักดิ์ศรีของประเทศ และการที่พวกท่านมาอยู่ตรงนี้ อาจลำบาก แต่ก็ทำเพื่อให้ลูกหลานทหารไปต่อสู้เพื่อนำแผ่นดินคืนมา ถือเป็นการทำเพื่อคนไทยทั้งประเทศ อยากจะให้กำลังใจพ่อแม่พี่น้องทุกคน อย่าเพิ่งท้อแท้ เดี๋ยวทุกคนจะได้ย้ายกลับบ้านไปแบบมีศักดิ์ศรี เกียรติ ขอให้ทุกคนมีความรักความสามัคคี
พล.ท.บุญสินกล่าวกรณีที่เขมรอ้างถูกรุกราน แต่กลับโจมตีและยิงถล่มไทยไม่ยอมหยุดว่า ประเด็นดังกล่าวฝ่ายความมั่นคงคงทำหน้าที่ตามกรอบอยู่แล้ว วันนี้ตนมาให้กำลังกับพี่น้องชาวบ้าน เพราะหลายคนเองก็มีสามี ลูกหลานที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณแนวปะทะ ตนมาสร้างความมั่นใจ และให้เชื่อมั่นกับบุคคลเหล่านั้นว่าเขาคือตัวแทนที่เข้าไปทำหน้าที่ดีที่สุด
อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่าภูมิใจและดีใจ หลังจากที่ทราบว่าปฏิบัติการทางทหารสามารถยึดพื้นที่ในหลายจุดที่เป็นของประเทศไทยกลับคืนมา เชื่อว่านอกจากทหารแล้ว พี่น้องชาวไทยรวมไปถึงคนในพื้นที่ก็คงรู้สึกดีใจเช่นกัน.