โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

วีรบุรุษ‘พลีชีพ’อีก4นาย

ไทยโพสต์

อัพเดต 14 ธันวาคม 2568 เวลา 4.05 น. • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ทหารกล้า วีรบุรุษของไทย พลีชีพเพื่อชาติเพิ่มอีก 4 นาย กองทัพภาคที่ 2 เผยยึดฐานทหารเขมรพื้นที่ซำแต-เนิน 677 พบโทรศัพท์ 8 เครื่อง สมุดบันทึกปฏิบัติงานทหารกัมพูชา 1 เล่ม มีข้อมูลวางทุ่นระเบิด-กับระเบิดแสวงเครื่อง พร้อมอาวุธอีกจำนวนมาก ประณามเขมรยิง BM-21 ใส่พลเรือน โดนสอยพังไปอีก 1 ระบบ ขณะที่ F-16 หย่อนไข่ระเบิดสะพาน "จัยจุมเนี้ยะ" ขาด 2 ท่อน ตัดขาดการลำเลียงกำลังพล-อาวุธของทหารกัมพูชา

เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2568 การสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชาบริเวณแนวชายแดนยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ฝั่งไทยรุกคืบเข้ายึดพื้นที่พิพาทในหลายพื้นที่ ขณะเดียวกันมีความสูญเสียเพิ่มเติมเช่นกัน โดยเฉพาะที่สมรภูมิเนิน 677 ช่องอานม้า กำลังพลเสียชีวิต 4 นาย ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บ 3 นาย

สำหรับกำลังพลเสียชีวิตอีกจำนวน 4 นาย ประกอบด้วย 1.จ.ส.อ.ดำรงเกียรติ แก้วกระจ่าง 2.พลฯ มุสตากีม เจ๊ะมะ 3. จ.ส.อ.ทวีรัตน์ รัตนบุรี 4.พลฯ ทหารราบ ยังไม่ทราบชื่อ

ส่วนกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด 3 นาย ประกอบด้วย 1.พลฯ โชคชัย เนียมแสง เจ็บแขน 2 ข้าง ระดับสีแดง 2.จ.ส.ต.นพนันท์ จันดาแดง โดนที่ขา แขน ระดับสีเหลือง 3.พลฯ คอลิต หมุดกะเหล็ม โดนที่หลัง ระดับสีเหลือง

สรุปสถานการณ์การสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา วันที่ 13 ธันวาคม เวลา 11.00 น. ทหารไทยสามารถเข้ายึดพื้นที่้ เข้ายึดที่หมายซำแต, เนิน 677 พื้นที่ช่องอานม้าได้เรียบร้อย แต่ยังอยู่ในระหว่างการปฏิบัติการทางทหาร

พื้นที่คนา เข้ายึดได้แล้ว 3 ที่หมาย อยู่ระหว่างปฏิบัติการในส่วนที่เหลือ, พื้นที่ตาควาย ยังมีการรบปะทะอย่างหนัก ผลการปฏิบัติจะรายงานให้ทราบต่อไป สำหรับพื้นที่สำคัญอื่นๆ ตลอดแนวชายแดน ยังคงมีการสู้รบประปราย สถานการณ์อยู่ในระดับควบคุมได้ และการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากฝ่ายกัมพูชามีความพยายามในการใช้อาวุธปืนใหญ่และจรวดหลายลำกล้อง (BM-21) ยิงเข้ามายังฐานปฏิบัติการของฝ่ายเรา

รายการยุทโธปกรณ์และสิ่งอุปกรณ์ที่สำคัญจากการเข้ายึดที่หมายฐานปฏิบัติการของทหารกัมพูชา พื้นที่ซำแตและเนิน 677 ดังนี้ 1.โทรศัพท์ 8 เครื่อง 2.สมุดบันทึกการปฏิบัติงานของทหารกัมพูชา 1 เล่ม 3.ลูกระเบิด M203 7 ลูก 4.จรวด RPG พร้อมอุปกรณ์ 50 ชุด 5.กระสุนปืน 11,765 นัด 6.วิทยุสื่อสาร 15 เครื่อง

จากการตรวจสอบในสมุดบันทึกการปฏิบัติงานของทหารกัมพูชา พบข้อมูลแผนผังการวางทุ่นระเบิดและกับระเบิดแสวงเครื่องในวันที่ 12 ส.ค.68 จำนวน 11 จุด 30 ลูก และกับระเบิดแสวงเครื่องประกอบ TNT จำนวน 2 จุด 6 ลูก นอกจากนั้นยังพบแผนการเตรียมวางทุ่นระเบิดในวันที่ 21 ส.ค.68 จำนวน 6 จุด แต่ยังไม่ระบุจำนวนทุ่นระเบิดเอาไว้

สำหรับโทรศัพท์ทั้ง 8 เครื่อง และสมุดบันทึก 1 เล่ม ได้นำส่งให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบและขยายผล

ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 2 ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า จะดำเนินการทุกมาตรการอย่างเต็มขีดความสามารถ เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประชาชน และปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และศักดิ์ศรีของประเทศชาติ อย่างเด็ดขาดและถึงที่สุด

เขมรยิง BM-21 ใส่พลเรือน

ขณะที่กองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ว่าฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธจรวด BM-21 ยิงตกเข้ามาในพื้นที่พลเรือน บริเวณด้านหน้าบังเกอร์หลบภัย หมู่ที่ 1 ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ

เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนซึ่งได้ยินเสียงแจ้งเตือนและกำลังวิ่งเข้าหลบภัยในบังเกอร์หลบภัยได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด มีอาการสาหัส 2 ราย ได้แก่ 1.นายแก้ว กินนรา แขนขวาหัก 2.นายรำไพ สุวรรณศิลป์ ได้รับแรงกระแทกที่ศีรษะและมีเลือดออกในสมอง ซึ่งกองทัพบกได้บูรณาการร่วมกับฝ่ายปกครองและสาธารณสุขในพื้นที่ เร่งนำผู้บาดเจ็บทั้งหมดส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเบญจลักษ์ฯ จังหวัดศรีสะเกษ

ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย คือ นายคมสัน ศรีอ้วน โดนสะเก็ดระเบิดบริเวณหลังคอ และนายเสรี ปัถอินทรี มีอาการบวมที่ศีรษะเนื่องจากโดนสะเก็ดระเบิด ได้เร่งนำส่ง รพ.ศรีรัตนะ

กองทัพบกขอประณามการกระทำของกำลังทหารกัมพูชาอย่างรุนแรง ต่อเวทีประชาคมระหว่างประเทศ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นหลักฐานชัดเจนถึงการใช้อาวุธโจมตีใส่พื้นที่พลเรือน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหารของกัมพูชา ละเมิดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์

ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เวลา 10.00 น. นำโดย พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงสรุปสถานการณ์ภาพรวม เหตุการณ์ปะทะกันของทหารไทย สรุปไทม์ไลน์สถานการณ์ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีไทย ได้มีการหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับเรื่องของสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยระบุว่า เวลา 22.00 น. วันที่ 12 ธ.ค.68 ฝ่ายกัมพูชาโจมตีโดยใช้โดรนสังหาร BM-21 และปืนใหญ่ ระดมยิงบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว อุบลราชธานี สุรินทร์ และศรีสะเกษ

เวลา 23.00 น. ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงอาวุธหนักเข้าใกล้อธิปไตยไทยในพื้นที่ จ.ตราด ทำให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้องป้องกันตนเอง

เวลา 00.00 น. ฝ่ายกัมพูชายังคงระดมยิง BM-21 ในพื้นที่ชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ทำให้บ้านเรือนประชาชนทั้งสองฝ่ายได้รับความเสียหาย

เวลา 05.47 น. ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากโจมตีเข้ามายังอธิปไตยของไทยตลอดแนวชายแดน

เวลา 05.50 น. ฝ่ายไทยตอบโต้ไปยังเป้าหมายทางการทหารเพื่อป้องกันการรุกรานของฝ่ายกัมพูชา

ทำลาย BM-21 ได้ 1 ระบบ

ทั้งนี้ พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจงถึงความคืบหน้าการดำเนินการของกองทัพในการปฏิบัติการยึดพื้นที่ว่า เมื่อช่วงสายของวันนี้ ได้รับแจ้งจากหน่วยในพื้นที่ว่า กองทัพสามารถยึดพื้นที่ปราสาทคนา อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ได้ 100% แล้ว พร้อมประมาณการความสูญเสียของฝ่ายกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 7-12 ธ.ค.68 โดยคาดว่ามีทหารกัมพูชาเสียชีวิตแล้ว 165 นาย นอกจากนี้ เราสามารถทำลาย BM-21 ได้ 1 ระบบ, รถยานเกาะ-รถถัง 11 คัน, โดรน 68 ลำ, ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน 2 ระบบ, Anti-Drone 3 ระบบ, เสาสื่อสาร 3 จุด และจุดตรวจการณ์-ฐานทหาร 5 แห่ง

ในการทำลายที่หมายต่างๆ ต้องยอมรับว่าภูมิประเทศมีทั้งพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ที่เป็นป่าเขา มีการหลบหลีกและใช้ยุทธวิธีที่ต้องอาศัยเล่ห์เหลี่ยมชิงไหวชิงพริบกัน ในขณะพื้นที่กองกำลังบูรพา กองทัพภาคที่ 1 เป็นพื้นที่โล่ง แต่บริเวณนั้นมีสิ่งปลูกสร้าง ถือเป็นการรบในเมือง จึงทำให้ยุทธวิธีทางการทหารมีความแตกต่างกันไป และมีความยากลำบาก จึงให้ทุกคนช่วยเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ เพราะการทำลายยุทโธปกรณ์สำคัญโดยเฉพาะจรวด อาวุธระยะไกล หากมีการโจมตีเข้ามาพลเรือนจะได้รับผลกระทบ

ด้าน น.อ.นรา คุณโฑถม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงการปฏิบัติงานของกองทัพเรือเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า กองทัพเรือได้การปฏิบัติการใน 2 พื้นที่สำคัญคือ พื้นที่เกาะยอ ใน จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นที่ตั้งฐานปืนขนาด 130 มิลลิเมตร 2 ฐานยิง ซึ่งฐานยิงดังกล่าวนี้จะเป็นภัยคุกคามต่อกำลังทางเรือของไทยในพื้นที่ จึงเปิดปฏิบัติการโจมตีทำลายที่มั่นทางทหารบนเกาะยอ ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และวันนี้จะขึ้นไปทำการสำรวจความเสียหายต่อไป

ส่วนพื้นที่บ้าน 3 หลังนั้น กองทัพเรือถูกโจมตีด้วยอาวุธสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชา ทำให้ไทยไม่สามารถนำกำลังพลทหารราบของนาวิกโยธินเข้าไปยึดของพื้นที่ได้ จึงจำเป็นต้องลิดรอนทำลายอาวุธสนับสนุน ปืนใหญ่ ปืน ค. และ BM-21 จึงได้ร้องขอการโจมตีทางอากาศจากกองทัพอากาศต่อเป้าหมายสำคัญทางยุทธศาสตร์

ช่วงเช้าวันเสาร์ กองทัพอากาศได้โจมตี 2 สะพานคือ สะพานจัยจุมเนี้ยะ จ.โพธิสัตว์ ประเทศกัมพูชา ที่ถูกใช้ลำเลียงกำลังและยุทโธปกรณ์ของฝ่ายกัมพูชาเข้าสู่พื้นที่ ซึ่งจากผลการโจมตีก็สามารถทำลายทั้ง 2 สะพานได้เรียบร้อย

ทั้งนี้ ภายหลังกองทัพอากาศปฏิบัติการทางอากาศส่งเครื่องบินรบ F-16 ทิ้งระเบิดทำลายสะพานจัยจุมเนี้ยะเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จนได้รับความเสียหายหนัก ทั้งสะพานใหม่และสะพานเก่า แต่ยังไม่ขาด ต่อมาทัพอากาศส่งเครื่องบินรบ F-16 1 ลำ ทิ้งระเบิด 3 ลูก ‘จัยจุมเนี้ยะ' ซ้ำเที่ยวที่ 2 ทำลายสะพานอีกครั้งให้ขาดทั้งสะพานเหล็ก (เก่า) สะพานใหม่ (ปูน)

การต่อสู้ครั้งนี้เป็นศักดิ์ศรี

พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก และอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางไปยังศูนย์อพยพในพื้นที่อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุรินทร์ เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจชาวบ้านที่อพยพมาอยู่ที่ศูนย์ โดยบรรยากาศชาวบ้านต่างดีใจและขอถ่ายเซลฟีกับทางอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 หลายคนโผเข้ากอดและให้กำลังใจ

พล.ท.บุญสินได้พูดกับชาวบ้านตอนหนึ่งว่า การต่อสู้ครั้งนี้เป็นศักดิ์ศรีประเทศไทย เพราะถ้าไม่ต่อสู้ก็เป็นขี้ข้าอย่างนี้เขาไปตลอด สิ่งที่ทหารได้ทำในวันนี้จึงเป็นการรักษาศักดิ์ศรีของประเทศ และการที่พวกท่านมาอยู่ตรงนี้ อาจลำบาก แต่ก็ทำเพื่อให้ลูกหลานทหารไปต่อสู้เพื่อนำแผ่นดินคืนมา ถือเป็นการทำเพื่อคนไทยทั้งประเทศ อยากจะให้กำลังใจพ่อแม่พี่น้องทุกคน อย่าเพิ่งท้อแท้ เดี๋ยวทุกคนจะได้ย้ายกลับบ้านไปแบบมีศักดิ์ศรี เกียรติ ขอให้ทุกคนมีความรักความสามัคคี

พล.ท.บุญสินกล่าวกรณีที่เขมรอ้างถูกรุกราน แต่กลับโจมตีและยิงถล่มไทยไม่ยอมหยุดว่า ประเด็นดังกล่าวฝ่ายความมั่นคงคงทำหน้าที่ตามกรอบอยู่แล้ว วันนี้ตนมาให้กำลังกับพี่น้องชาวบ้าน เพราะหลายคนเองก็มีสามี ลูกหลานที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณแนวปะทะ ตนมาสร้างความมั่นใจ และให้เชื่อมั่นกับบุคคลเหล่านั้นว่าเขาคือตัวแทนที่เข้าไปทำหน้าที่ดีที่สุด

อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่าภูมิใจและดีใจ หลังจากที่ทราบว่าปฏิบัติการทางทหารสามารถยึดพื้นที่ในหลายจุดที่เป็นของประเทศไทยกลับคืนมา เชื่อว่านอกจากทหารแล้ว พี่น้องชาวไทยรวมไปถึงคนในพื้นที่ก็คงรู้สึกดีใจเช่นกัน.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...