โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

วท.กห.สวมบท PMU ใหม่ ตั้งเป้าพลิกบทบาทไทยจาก ผู้ซื้อ เป็น "ผู้ผลิต" ยุทโธปกรณ์

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 13 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

หน่วยบริหารและจัดการทุน หรือ “PMU ด้านความมั่นคง” โดยกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลาโหม (วท.กห.) เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจล่าสุดที่จะเปลี่ยนประเทศไทยจาก “ผู้ซื้อ” ยุทโธปกรณ์ เป็น “ผู้ผลิต” ใช้เองในประเทศ จากปัจจุบันนำเข้าสูงถึง 98%

เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา ในการประชุมสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สภานโยบายฯ) โดยมีศาสตราจารย์กิตติคุณบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

ได้อนุมัติการจัดตั้ง วท.กห. สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เป็น PMU (Program Management Unit) น้องใหม่ลำดับที่ 10 จะนำไปสู่การปฏิรูปอุตสาหกรรมป้องกันประเทศให้เข้มแข็งขึ้น

ปี 2570 คิกออฟทุนวิจัยเฟสแรก

พล.ท.คม วิริยเวชกุล เจ้ากรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลาโหม เปิดเผยว่า การยกระดับ วท.กห.หน่วยงานด้านการให้ทุน (PMU) มีเป้าหมายสำคัญเพื่อให้โจทย์วิจัยด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศตรงกับความต้องการของกองทัพในฐานะผู้ใช้งานจริง

โดยมุ่งเน้นการบูรณาการงานวิจัยด้านความมั่นคงให้มีทิศทางและเป็นเอกภาพ ลดความซ้ำซ้อน และมีการบริหารจัดการแบบครบวงจร รวมถึงวางเป้าหมายลดการพึ่งพาเทคโนโลยีและยุทโธปกรณ์จากต่างประเทศ

เบื้องต้นในปี 2569 จะดำเนินการขอความร่วมมือและข้อเสนอแนะจากทุกหน่วยในกระทรวงกลาโหมให้ปรับโครงสร้าง กฎระเบียบและระบบต่าง ๆ เพื่อให้การบริหารและจัดการทุนสอดคล้องกับแผนการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนแผนการให้ทุนวิจัยจะเริ่มตั้งแต่ปี 2570 ในเฟสแรกจะจำกัดผู้รับทุนเป็นหน่วยงานราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหม จากนั้นจึงจะขยายไปยังหน่วยงานภายนอกทั้งหน่วยงานวิจัย สถาบันการศึกษาและภาคเอกชน

โดยเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ภัยคุกคามสมัยใหม่และภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภายใต้การบริหารจัดการข้อมูลที่แบ่งระดับความลับอย่างเหมาะสมเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด

นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการรักษา บุคลากรวิจัย ที่มีความเชี่ยวชาญผ่านการสนับสนุนงบประมาณและเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพที่ชัดเจน

เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน ขณะที่กระทรวงกลาโหมมีความพร้อมครบทุกด้านทั้งด้านบุคลากร สถานที่ทดสอบและหน่วยงานวิจัย

กรอบภารกิจของ PMU ด้านความมั่นคง จะครอบคลุมการดำเนินงานตั้งแต่ต้นน้ำ (การวิจัยพื้นฐาน) ไปจนถึงปลายน้ำ (การนำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์และสังคม)

โดยรับผิดชอบโครงการวิจัยระดับชั้นที่ไม่มีความลับ ตัวอย่างเช่น ปืนเล็กยาว หรือลูกกระสุนที่ใช้กันทั่วไป และงานวิจัยที่เป็น Dual Use เช่น อากาศยานไร้คนขับ หรือระบบตรวจการณ์ ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ทั้งในภารกิจทางทหารและภารกิจทางพลเรือน โดยกลุ่มนี้จะนำเข้าสู่ระบบ PMU เพื่อให้เกิดการวิจัยและพัฒนาที่กว้างขวางขึ้น

ส่วนงานวิจัยที่เป็นข้อมูลความลับสุดยอดก็จะใช้งบประมาณกระทรวงกลาโหมโดยตรง และไม่นำเข้าสู่ระบบ PMU เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล

ทั้งนี้ การจำแนกประเภทงบประมาณวิจัยและข้อมูลตามระดับชั้นความลับเช่นนี้ ช่วยให้ วท.กห. สามารถบริหารจัดการทุนวิจัยผ่านระบบ PMU ได้อย่างเหมาะสม โดยยังคงรักษาความลับในส่วนของอาวุธร้ายแรงหรือข้อมูลยุทธวิธีที่สำคัญไว้ได้

ผลกระทบเชิงบวกทางเศรษฐกิจ

พล.ท.คม กล่าวอีกว่า การที่ วท.กห. ก้าวเข้ามามีบทบาทเป็น PMU จะส่งผลกระทบเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยในหลายมิติ ดังนี้

1.การเพิ่มขีดความสามารถทางการเงินและการกำหนดทิศทางที่ชัดเจน ในอดีตแม้ไทยจะมีนักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญสูง แต่การสนับสนุนหรือทิศทางนโยบายอาจยังไม่ชัดเจนนัก

การเป็น PMU จะทำให้ วท.กห. สามารถบริหารจัดการงบประมาณสำหรับการวิจัยได้เพิ่มมากขึ้น และให้ทุนวิจัยได้อย่างเหมาะสมและตรงจุด ซึ่งจะนำไปสู่กระบวนการรับรองมาตรฐานและการพัฒนาสู่อุตสาหกรรมในระดับที่กว้างขึ้น

2.การขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามนโยบาย S-Curve 11 (อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ) ให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ไม่ว่าจะเป็น การจ้างงานและการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง

3.การสร้างความมั่นคงแบบพึ่งพาตนเอง (Self-Reliance) เมื่อเราสามารถผลิตยุทโธปกรณ์ได้เอง จะช่วย ลดการพึ่งพาต่างชาติ โดยเฉพาะในสถานการณ์วิกฤติที่อาจเกิดการขาดแคลนอาวุธหรือประเทศผู้ขายหยุดการส่งมอบ

ตัวอย่างความสำเร็จที่ผ่านมา เช่น การพัฒนาจรวดหลายลำกล้องระยะยิง 150 กม. กระสุนปืนใหญ่และอากาศยานไร้คนขับ ซึ่งได้นำไปทดลองใช้จริงในสถานการณ์ชายแดนเพื่อต่อยอดสู่การผลิตจริง

“ความมั่นคงของประเทศเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญ หากประเทศขาดความมั่นคง การขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจ สาธารณสุข หรือการศึกษาก็จะทำได้ยากลำบาก

ดังนั้น การลงทุนในเทคโนโลยีป้องกันประเทศจึงเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว” เจ้ากรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลาโหม กล่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...