กองทัพภาคที่ 2 สรุปชายแดน เขมรเสริมที่มั่น-ส่งกำลังบำรุง ต่อเนื่องหลังหยุดยิง
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 31 ธ.ค. 2568 กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา วันที่ 30 ธ.ค. 68 โดยภาพรวมตลอดทั้งวันยังไม่พบการปะทะด้วยอาวุธหนักหรือการเผชิญหน้าโดยตรง แม้จะพ้นกรอบเวลาหยุดยิง 72 ชั่วโมงแล้วก็ตาม โดยสถานการณ์ยังอยู่ในระดับที่ไทยสามารถควบคุมได้ ในพื้นที่ชายแดน จังหวัดอุบลราชธานี ทั้งบริเวณช่องบกและช่องอานม้า ไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญทางยุทธการ
ขณะที่พื้นที่ชายแดน จังหวัดศรีสะเกษ ตรวจพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชาในหลายจุด โดยเฉพาะพื้นที่แนวช่องซำแต–โดนตวล–ภูผี–สัตตะโสม–พนมประสิทธิโส–ช่องตาเฒ่า พบการส่งกำลังบำรุงด้วยรถบรรทุกเป็นระยะ และยังคงมีการดัดแปลงเสริมความแข็งแรงของที่มั่นอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเพิ่มการเฝ้าตรวจฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด โดยเน้นพื้นที่ตรงข้ามเขาพระวิหารและแนวตาเฒ่า–เขาสัตตะโสม
ส่วนพื้นที่ ผามออีแดง–ห้วยตามาเรีย ฝ่ายกัมพูชามุ่งเน้นการติดตามและเฝ้าตรวจการปรับปรุงพื้นที่ รวมถึงการเคลื่อนย้ายกำลังของฝ่ายไทย โดยยังไม่พบการเคลื่อนกำลังเชิงรุกหรือการใช้อาวุธหนัก ด้านชายแดน จังหวัดสุรินทร์ ในพื้นที่ปราสาทตาควาย ตรวจพบอากาศยานไร้คนขับบินตรวจสอบแนววางกำลังของฝ่ายไทย รวมถึงการใช้รถจักรยานยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็ก ซึ่งคาดว่าเป็นการส่งกำลังบำรุง ขณะที่พื้นที่ปราสาทตาเมือนธมและช่องกร่าง ยังไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวทางยุทธการที่สำคัญ
สำหรับพื้นที่ชายแดน จังหวัดบุรีรัมย์ พื้นที่ช่องสายตะกู ยังคงสงบ ไม่มีรายงานความเคลื่อนไหวผิดปกติ นอกจากนี้ ยังมีรายงานเหตุการณ์ในพื้นที่ส่วนหลังของฝ่ายกัมพูชา โดยมีการเน้นย้ำคำสั่งภายในหน่วย ห้ามเคลื่อนย้ายรถถังออกนอกที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต และห้ามถ่ายภาพหรือเผยแพร่ข้อมูลการปฏิบัติการผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อรักษาความลับทางทหาร
โดยฝ่ายกัมพูชายังคงวางกำลังในลักษณะเตรียมพร้อมเชิงป้องกัน มุ่งเสริมความแข็งแรงของที่มั่น การขุดหลุม บรรจุดินใส่กระสอบ รวมถึงการปรับปรุงระบบสนับสนุน เช่น ถนนและท่อส่งน้ำ โดยการเคลื่อนกำลังยังจำกัดอยู่ในกรอบการส่งกำลังบำรุงและการเฝ้าตรวจ
ทั้งนี้ฝ่ายกัมพูชายังคงยึดแนวทางหยุดยิงในมิติทางการเมือง ควบคู่กับการคงระดับการเตรียมพร้อมทางทหาร โดยหลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจถูกมองว่าเป็นการยั่วยุหรือเสริมกำลังเชิงรุกอย่างเปิดเผย ไทยเรายังจำเป็นต้องรักษาระดับความพร้อมสูงสุด มีความชัดเจนในการวางกำลัง และเพิ่มความระมัดระวัง ต่อการตีความสถานการณ์ ที่อาจนำไปสู่ความเข้าใจคลาดเคลื่อน และการปะทะโดยไม่ตั้งใจ
อ่านข่าวเพิ่มเติม