โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

มัดรวม 11 สถิติ Thailand Digital Spending 2024 เผยข้อมูลน่าสนใจแห่งโลกแห่งการตลาดดิจิทัล

Ad Addict

อัพเดต 13 เม.ย. 2567 เวลา 00.50 น. • เผยแพร่ 13 เม.ย. 2567 เวลา 00.50 น. • Ad Addict TH

วนกลับมาอีกครั้งกับงาน DAAT DAY 2024 ที่จัดโดยสมาคมสโฆษณาดิจิทัล หรือ The Digital Advertising Association of Thailand (DAAT) และคันทาร์ (ประเทศไทย) ซึ่งภายในงานมีการเปิดเผยผลการสำรวจมูลค่างบโฆษณาดิจิทัลของประเทศไทยในปี 2566 ที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด 14% รวมถึงคาดการณ์มูลค่าอุตสาหกรรมในปี 2567 ที่จะเติบโตต่อเนื่องกว่า 8% เลยทีเดียว

แน่นอนว่านี่คือส่วนหนึ่งของ Session “Thailand Digital Ads Spending” เพราะภายในงานยังมีการเปิดเผยข้อมูลเด็ดที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งวันนี้ AD ADDICT ก็เป็นตัวแทนมาสรุปสถิติที่น่าสนใจให้ทุกคนแบบเรียลไทม์เช่นเคย

ขอบคุณข้อมูลจากทางสมาคมโฆษณาดิจิทัลแห่งประเทศไทย, Kantar และอีก 37 เอเจนซีที่มีส่วนร่วมในการจัดทำข้อมูลในครั้งนี้ด้วยฮะ

1. Thailand Digital Spending 2024 คาดโตขึ้นถึง 8%

ผลสำรวจ Thailand Digital Spending 2024 คาดว่าจะมีการลงทุนในสื่อโฆษณาดิจิทัลอยู่ที่ 31,558 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 8% จากปีที่แล้ว

โดยสาเหตุมาจากปัจจัยภายนอกอย่างเทคโนโลยีที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถใช้ Digital Advertising ง่ายขึ้น นอกจากนั้นอีกหนึ่งปัจจัยคือ หลาย ๆ แบรนด์กลับมาโฟกัสที่ Awareness Campaign กันมากขึ้น ซึ่งต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมากในการ Reach คน

2. สกินแคร์ครองอันดับ 1 อุตสาหกรรมที่ใช้เม็ดเงินในดิจิทัลเยอะที่สุด

.สาเหตุที่วงการสกินแคร์มียอดการใช้เงินที่เยอะมากในปีนี้ เป็นผลมาจากการคลี่คลายของสถานการณ์โรคระบาดที่คนออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน ทำให้พวกเขาต้องหันกลับมาดูแลตัวเอง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีก่อนออกจากบ้าน

นอกจากนั้นปัจจัยภายนอกอย่างการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะฝั่งเอเชียอย่างจีน และเกาหลีเข้ามา ซึ่งพวกเขาคือลูกค้าหลักที่เข้ามาจับจ่ายสกินแคร์และเครื่องสำอางในไทย

ที่สำคัญคือการใช้จ่ายเม็ดเงินในวันเลขเบิ้ลที่แบรนด์หันมาใช้เงินในการ Drive ยอดขาย เพื่อต่อยอดไปในฝั่งของ E-Commerce

3. วงการยานยนต์ครองอันดับ 2 เป็นผลมาจากการเข้ามาของรถยนต์ EV จากจีน

ถัดมาที่อันดับ 2 ก็คือวงการยานยนต์ที่อยู่ในอันดับเดิมทั้งปีที่แล้วและปีนี้ ซึ่งในปีที่แล้วมีการเติบโตกว่า 24% และในปี 2024 แม้จะลดลง 1% แต่ก็มองว่าเป็นการคงที่มากกว่า

โดยสาเหตุของการเพิ่มขึ้นนี้ เป็นผลมาจากรถยนต์ EV ที่มาจากประเทศจีน ที่เข้ามาเปิดแบรนด์ใหม่ ๆ พร้อมแก้ปัญหา Pain Point เรื่องการชาร์จแบตที่แบรนด์เดิม ๆ ทำไม่ได้ ทำให้แบรนด์ EV เจ้าเก่า ต้องมีการลงเม็ดเงินโฆษณาเพื่อแข่งกับคู่แข่งใหม่ ๆ

4. ในปี 24 คาดการณ์ว่าเครื่องดื่ม Non Alcoholic มีการเติบโตขึ้นกว่า 6%

เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์อยู่ในอันดับ 3 ทั้งในปี 2023 และปี 2024 โดยคาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 6 % ในปีนี้ ด้วยยอดกว่า 2,548 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มที่มีการใช้เงินเพิ่มขึ้น คือแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Coca-Cola และ Pepsi ที่มีการเปิดตัวพรีเซนเตอร์รับหน้าร้อน ซึ่งกลุ่มอุปโภคบริโภค คืออีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วย Drive เม็ดเงินโฆษณาให้เติบโตทั้งในปีที่แล้ว และปีนี้

5. กลุ่มธนาคารมีการใช้เม็ดเงินโฆษณาลดลง แต่เน้นลงทุนในเทคโนโลยี

ที่น่าสนใจคือวงการธนาคารที่มีการใช้เม็ดเงินในฝั่งของโฆษณาที่น้อยลง ทั้งในปีที่แล้ว ที่ลดลง 8% และในปี 2024 ที่คาดการณ์ว่าจะลดลงอีก 4%

เป็นผลมาจากการหันไปลงทุนในฝั่งของเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มในการเก็บ Data ของลูกค้า และเลือกที่จะสื่อสารภายในกลุ่มของลูกค้าที่มีฐานข้อมูลอยู่แล้วเท่านั้น

6. Meta ยังคงครองอันดับ 1 แชมป์ช่องทางโฆษณา ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่แล้ว

เป็นอีกครั้งที่แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่อย่าง Meta ครองแชมป์สื่อที่มีการใช้ยอดเงินโฆษณามากที่สุด และในปี 2024 ก็มีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 3% ด้วยกัน

ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Facebook ยังคงเป็นโซเชียลมีเดียหลักที่นักการตลาดและแบรนด์ให้ความสนใจ เนื่องจากสามารถเจาะกลุ่มผู้ใช้ได้หลากหลายทุกเพศทุกวัยมากที่สุดนั่นเอง

7. ยูทูบมียอดการใช้เม็ดเงินโฆษณาที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มของสกินแคร์

อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ คือการเติบโตของการใช้เงินบนช่องทางยูทูบ ที่อุตสาหกรรมต่าง ๆ หันมาให้ความสนใจ และลงเงินในช่องทางนี้มากขึ้น

โดยเฉพาะในกลุ่มสกินแคร์ ที่ต้องการแตะ Mass Target รวมไปถึงเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ที่อยากเจาะกลุ่มวัยรุ่นที่ชื่นชอบในเรื่องของดนตรีและคอนเสิร์ต และ Daily Product เกี่ยวกับแม่และเด็ก

8. TikTok เติบโตพุ่งขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ในปี 2024

สิ่งที่น่าสนใจคือแพลตฟอร์มยอดฮิตอย่าง TikTok มีการเติบโตที่เพิ่มขึ้น ทั้งในแง่ของยอดผู้ใช้ รวมไปถึงเม็ดเงินโฆษณาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2024 มีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ด้วยยอดการใช้จ่ายที่แตะ 3 พันล้านเลยทีเดียว

9. เม็ดเงินโฆษณาไหลไปการ Live มากขึ้น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อสินค้า

อีกหนึ่งสื่อที่น่าสนใจในปีนี้ก็คือ Live Commerce ที่หลายแบรนด์หันมาให้ความสำคัญ และโฟกัสกับมันมากขึ้น โดยเฉพาะฝั่งสกินแคร์ ที่มีการไลฟ์ขายของ แจกโปรโมชั่นลดกระหน่ำในช่วงดับเบิ้ลเดย์ รวมไปถึงฝั่ง Market Place ที่มีการไลฟ์ขายของในแพลตฟอร์มของตัวเอง ทำให้แบรนด์ใหญ่ ๆ หันมาทำไลฟ์ขายของ ติดตะกร้ากันมากขึ้น

ดังนั้นแบรนด์ต้องพยายามใช้ KOL และ อินฟลูฯ เพื่อเพิ่มความบันเทิงและวาไรตี้ ให้คนมีความสนใจอยากซื้อสินค้ามากขึ้น

10. LINE คือแพลตฟอร์มที่ช่วยในการเก็บ 1st Party Data

นอกจากโซเชียลอื่น ๆ ที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของ LINE เอง ก็เป็นแพลตฟอร์มที่แบรนด์หันมาให้ความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะในยุค Cookieless World ที่การหา Data เป็นเรื่องที่ยาก

LINE เข้ามาช่วยให้แบรนด์เก็บ 1st Party Data ของลูกค้าได้ ทำให้มันกลายเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่คาดการณ์ว่าจะมียอดการใช้เงินที่เพิ่มมากขึ้น ยังไม่รวมถึงการพัฒนาช่องทาง Smart Channel ที่สามารถโฆษณาใน LINE ได้อีกด้วย

11. E-Commerce Tools และ AI คือเครื่องมือที่สำคัญในยุคนี้

ในส่วนของ Media Tools ที่นักการตลาดและชาวเอเจนซีควรจับตามองและใช้ประโยชน์มากที่สุด 2 อันดับแรกคือ E-Commerce Tools และ AI

โดย E-Commerce Tools มีประโยชน์อย่างมากในวันดับเบิลเดย์ ที่ช่วยให้เรามองเห็นภาพกว้างและสามารถเปรียบเทียบเรากับคู่แข่ง ได้โดยที่ไม่ต้องใช้คนจำนวนมาก

ส่วน AI จะเข้ามาส่วนร่วมใน Media Tools เป็นผู้ช่วยสำคัญในทุก ๆ กระบวนการ ทั้งขายแคมเปญ, ทำคอนเทนต์, ลงโฆษณา และแทบจะทุก ๆ ขั้นตอนของการทำแคมเปญ

แต่เราจะปล่อยให้ E-Commerce Tools และ AI ทำงานอย่างเดียวไม่ได้ เพราะเรายังต้องการ Talents มามอนิเตอร์ Real-Time Dashborad อยู่ดี

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...