สร้างคนสไตล์ "Wurkon" ตอบโจทย์ฟังก์ชั่นการทำงาน
บริษัท เวอร์ค่อน (ประเทศไทย) จำกัด (Wurkon) ผู้ให้บริการจัดหาเฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่เน้นดีไซน์และตอบโจทย์กับฟังก์ชั่นการทำงาน มีแผนขยายคน 30% เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ พร้อมเตรียมแผนการร่วมลงทุนกับพาร์ตเนอร์ชาวสเปน ด้วยการเปิดแวร์เฮาส์ในประเทศไทย
Wurkon ชี้เทรนด์เฟอร์นิเจอร์ยุคใหม่ต้องออกแบบตามฟังก์ชั่นการใช้งาน
“สิริมาดา ศุภองค์ประภา”กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวอร์ค่อน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เริ่มต้นเส้นทางธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ด้วยการทำโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์เหล็กที่ใช้ในสำนักงานมาตั้งแต่ปี 2546 ซึ่งเป็นตลาดที่แข่งกันเรื่องราคาเยอะมาก หลังจากนั้น 2-3 ปี จึงเริ่มมองหาช่องทางใหม่ ๆ ทั้งยังมองหาคอนเซ็ปต์ของบริษัท เราจึงจ้างทีมวิจัยมาค้นหาคำตอบว่าดีไซเนอร์มองหาเฟอร์นิเจอร์แบบไหนให้ลูกค้า จนได้รู้ว่าเทรนด์ที่ทำงานยุคใหม่คือการใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ได้เป็นแค่โต๊ะและเก้าอี้ธรรมดา แต่จะต้องเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบตามฟังก์ชั่นการใช้งาน
“เมื่อได้คำตอบจากการวิจัย เราจึงแบ่งเฟอร์นิเจอร์ออกเป็น 5 โหมด ได้แก่ โหมดโฟกัส, โหมดเรียนรู้, โหมดทำงานเป็นทีม, โหมดพักผ่อน และโหมด stremulate และจากประสบการณ์ที่ได้ไปดูงานแสดงสินค้าเฟอร์นิเจอร์ในหลายประเทศ ทำให้มองเห็นเฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์สวยงามมากมาย จึงตัดสินใจผันตัวจากการเป็นผู้ผลิตมาเป็นตัวแทนจำหน่าย ทำหน้าที่หาสินค้าที่มีคุณภาพจากต่างประเทศ และราคาสามารถแข่งขันในตลาดบ้านเราได้”
ลงตัวจนมาคลิกกับแบรนด์ ACTIU ประเทศสเปน
“เราศึกษางานกับหลายแบรนด์มากในทวีปยุโรป จนมาคลิกกับ ACTIU ประเทศสเปน ซึ่งเป็นบริษัทที่เน้นเรื่องดีไซน์ และคุณภาพ ทุกปีเขาต้องออกแบบสินค้าใหม่ 1-2 ตัว เพื่อชิงรางวัลระดับนานาชาติ เช่น Reddot Design Award, IF Design Award และ The FX International Interior Design Awards ซึ่งเราร่วมมือกับ ACTIU ในลักษณะพาร์ตเนอร์ที่ทำงานด้วยกันในเชิงลึก มากกว่าการเป็นแค่ตัวแทนจำหน่าย เพราะเราพุดคุยกับลูกค้า และประสานงานกับ ACTIU ในการปรับเฟอร์นิเจอร์ตามความต้องการของลูกค้าได้”
“ACTIU ขยายตลาดมาที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่ปี 2557 และมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ปีนี้เริ่มคิดจะสร้างแวร์เฮาส์ในประเทศแถบภูมิภาคนี้ ซึ่งเราเองได้พูดคุยกับเขาถึงการเป็นหุ้นส่วนในโครงการดังกล่าว และทาง ACTIU ค่อนข้างไว้ใจเรา เพราะจากที่เราเป็นพาร์ตเนอร์กับเขามาตั้งแต่ปี 2558 เราสามารถทำยอดขายได้ดีมาตลอด ซึ่งหากมีการจัดอันดับเราน่าจะติดอยู่ในท็อป 25 จากพาร์ตเนอร์ทั่วโลกของ ACTIU และน่าจะเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
อย่างไรก็ตาม ACTIU กำลังตัดสินใจเลือกประเทศที่ต้องการ เพราะกำลังมองหาประเทศที่เอื้ออำนวยในเรื่องของภาษี และเรื่องของคนที่มาช่วยทำงาน โดยเราแนะนำเขาว่า ให้พิจารณาเรื่องคน ทั้งยังมองว่าคนไทยเป็นคนที่ทำงานกับคนต่างชาติง่าย มีความซื่อตรงสูง หาก ACTIU ตัดสินใจเลือกประเทศไทย จะต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องคน เพราะเป็นกลไกขับเคลื่อนงานต่าง ๆ
ขณะเดียวกัน “สิริมาดา” กล่าวเพิ่มเติมว่า Wurkon มีมาสเตอร์แพลนในปีหน้า จากเดิมที่ขายสินค้ากลุ่มออฟฟิศ และ 2-3 ปีที่ผ่านมามีการขยายไปกลุ่มโรงเรียน โรงพยาบาล พื้นที่สาธารณะ และร้านอาหาร แต่ปีหน้าเราจะขยายกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ เพราะมองเห็นเทรนด์ว่าเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ในคอนโดมิเนียมเริ่มมีดีไซน์เหมือนกับเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน
“ดังนั้นมาสเตอร์แพลนของเราจึงเป็นเรื่องของคน จากปัจจุบันที่มีพนักงานประมาณ 100 คน เราจะเพิ่มพนักงานบางส่วนอีก 20-30% โดยเราจะสร้าง2 ทีมใหม่คือทีม design turnkey service (dts) ซึ่งเป็นทีมดีไซเนอร์ ซึ่งตอนนี้มีอยู่ 3 คน แต่จะเพิ่มอีกเท่าตัว เพราะปัจจุบันโครงการคอนโดมิเนียมที่เกิดขึ้นครอบคลุมหลายพื้นที่ และดีไซเนอร์ของ Wurkon ไม่ใช่เพียงออกแบบสินค้า แต่ต้องพูดคุย รับโจทย์ของลูกค้า พร้อมให้คำแนะนำด้วย”
“เพราะดีไซเนอร์เป็นคนที่มีความรู้เรื่องการออกแบบมากที่สุด หากรับโจทย์ผ่านเซลส์อาจจะเพิ่มเวลาในการทำงาน โดยทีม dts จะเน้นบริการเจ้าของห้องชุด และจัดกลุ่มเฟอร์นิเจอร์สำหรับ 3 ห้อง คือ ห้องทานอาหาร, ห้องนอน และห้องรับแขก จากนั้นจึงค่อยมาต่อยอดไปที่กลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปีถัดไป”
“ส่วนอีกทีมที่สร้างใหม่คือทีมกลุ่มลูกค้าโรงงาน (focus group – fg) เป็นการให้บริการด้านสินค้าที่เรามีทักษะมาก่อน โดยจะเป็นสินค้าประเภทเฟอร์นิเจอร์เหล็กเพื่อใช้ในโรงงาน โดยทั้ง 2 ทีมจะเปิดตัว 1 ม.ค. 2562”
“สิริมาดา” อธิบายต่อว่า การหาพนักงานมาร่วมงานนั้นไม่ยาก แต่การรักษาให้เขาอยู่กับเรายากกว่า ในปีแรกของการทำธุรกิจจึงมี turn over ค่อนข้างสูง เพราะเราไม่รู้ว่าคนที่เหมาะกับองค์กรของเราต้องเป็นคนแบบไหน แต่ตอนนี้เริ่มชัดแล้วว่าคนที่ทำงานกับเราต้องมีใจบริการ, มีความอดทน, รู้ลึกเข้าใจสินค้า และพร้อมจะเรียนรู้
“สิ่งที่เราทำเพื่อรักษาคนไว้คือการส่งเสริมโอกาสที่ทำให้เขารู้สึกอินไปกับงาน ให้ทุกตำแหน่งได้พบลูกค้า เพราะจะยิ่งทำให้พวกเขาเข้าใจลูกค้า และทำงานออกมาได้ดี นอกจากนั้น ต้องกระตุ้นให้เขามี passion ในตัวเอง เช่น ที่ผ่านมาเราพาดีไซเนอร์ไปเดินดูงานแสดงสินค้าเฟอร์นิเจอร์ที่ประเทศเยอรมนีพร้อมกับฝ่ายขาย เพราะอยากให้เขาเห็นอะไรมากขึ้น อยากให้เขารู้สึกว่าอยู่กับเราแล้วโตขึ้น เรียนรู้เพิ่มขึ้น เปิดหูเปิดตา เมื่อได้ทำเช่นนั้นพวกเขาจะรู้สึกว่าการที่ทำงานผ่านไปแต่ละปีไม่เสียเปล่า”