โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

“อย่าแตกตื่นเลื่อนเลือกตั้ง”

เดลินิวส์

อัพเดต 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
“กกต.” ติดเบรกอย่าเพิ่งตื่นเต้นเลื่อนเลือกตั้งยาว ขอให้ประกาศวันเลือกตั้งก่อน แล้วจึงพิจารณาเหตุจำเป็นต้องเลื่อนหรือไม่ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 104

จากกระแสข่าวว่า จะไม่สามารถจัดเลือกตั้งได้ในเดือน ก.พ. คือหลังยุบสภา 45-60 วัน เพราะมีเหตุชายแดนไทย-เขมร ทำให้ระยะเวลาเลือกตั้งถูกลากยาวออกไป รัฐบาลรักษาการยาว การจะรู้ว่า ต้องเลื่อนเลือกตั้งหรือไม่ ดูที่หน้างาน เบื้องต้น กกต. จะหารือกับรัฐบาลกำหนดวันเลือกตั้งก่อน จากนั้นจะเลื่อนหรือไม่ดูสถานการณ์ใกล้ๆ วัน

นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ว่า หากจัดให้มีเลือกตั้งไม่พร้อมกันทั่วราชอาณาจักร ส่งผลให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ กรณีมีเหตุจำเป็นจะมีแนวทางในการทำให้เลือกตั้งเป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักรได้โดย แนวทางแรก เลือกตั้งตามวันเลือกตั้งวันเดิม ที่ กกต. กำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 103 ใช้วิธีนำผู้มีสิทธิไปหน่วยเลือกตั้งไปหาหน่วย เป็นการบริหารในสถานการณ์พิเศษ หรือพื้นที่พิเศษ แนวทางที่สอง คือเลือกตั้งตามวันที่กำหนดขึ้นใหม่ ตามมาตรา 104 กรณีมีเหตุจำเป็น แต่ต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 30 วันนับแต่เหตุจำเป็นนั้นสิ้นสุดลง

“ไม่ใช่ทุกกฎอัยการศึกจะเป็นเหตุจำเป็นตามมาตรา 104 เมื่อพิจารณาว่าเป็นเหตุตามมาตรา 104 จึงมาพิจารณาตามแนวทางตามข้อ 2 ข้างต้น อย่างไรก็ตาม เมื่ออายุสภาสิ้นสุดลง กกต. ต้องประกาศกำหนดวันเลือกตั้งก่อน ตามมาตรา 102 หรือมาตรา 103 จึงจะไปใช้มาตรา 104 ได้”

อาจารย์ชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่ กกต. ไปพูดว่าสามารถขยายเวลาเลือกตั้ง ออกไปได้ จาก 45-60 วันหลังยุบสภา ทำให้เกิดความสับสน ขั้นตอนคือ ภายใน 5 วันหลังโปรดเกล้าฯ พ.ร.ฎ.ยุบสภา กกต. ต้องประกาศวันเลือกตั้งก่อนว่าจะเลือกตั้งตอนไหนในช่วง 45-60 วันนับจากวันยุบสภา

“เท่าที่ฟังเข้าใจว่า อยากเลือกกันวันที่ 8 ก.พ. 69 หากวันนั้นยังมีการปะทะกันที่ชายแดน อาจทำให้การเลือกตั้งไม่สามารถดำเนินการได้พร้อมกันทั่วราชอาณาจักร กฎหมายให้อำนาจ กกต. ประชุมกันแล้วมีมติ 2 ใน 3 ขอเลื่อนเลือกตั้งทั่วประเทศได้ ต้องไปดูใกล้วันเลือกตั้งว่ามีเหตุการณ์หรือไม่ ไม่ใช่มาดูกันตอนนี้ ใกล้วันเลือกตั้งก่อนค่อยมาพูดถึง”

ความคืบหน้าอะไรในการเตรียมตัวเลือกตั้ง จะเห็นชัดขึ้นหลัง กกต. กำหนดวันแล้ว “หัวหน้าหนิม” จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมสู้เลือกตั้งนานแล้ว ยืนยันว่า เราส่งผู้สมัครครบ 400 เขตแน่นอน ตอนนี้ได้คัดเลือกผู้สมัครเกิน 300 เขตแล้ว เราเคยเห็นกลไกการใช้อำนาจรัฐในการเลือกตั้งมาหลายครั้ง พรรคเพื่อไทยอยู่ฝ่ายตรงข้ามมาตลอด เราไม่ห่วงในเรื่องนี้ เรายังเชื่อมั่นในประชาชนจะเป็นหลังพิงให้กับเรา

ที่ร้านเจี่ยท้งเฮง สาขาฟ้าฮ่าม อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายก อบจ.เชียงใหม่ แถลงข่าวการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทย จังหวัดเชียงใหม่ ว่าที่ผู้สมัครทั้งหมด 10 เขต ประกอบด้วย เขต 1 นพ.ธีรพัฒน์ ตันพิริยะกุล (หมอโจ้) เขต 2 นพ.เพทาย เตโชฬาร (หมอตง) เขต 3 นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม (ทอป) เขต 4 นายภานุ เจริญสุข (โน๊ต) เขต 5 นางสาวอัจฉรารัตน์ นันทะเสน (ไปรท์)

เขต 6 นายบัณจงศักดิ์ วงศ์รัตนวรรณ (หนุ่ย) เขต 7 นายนิธิกร วุฒินันชัย (เอก) เขต 8 นายณัฐพัฒน์ รัฐผไท (เอก) เขต 9 นายยงยุทธ์ ยาวิชัย (นุ) และเขต 10 นางสาวศรีโสภา โกฏคำลือ (ออม) นายพิชัย กล่าวว่า ในการเลือกตั้งปี 66 ที่ผ่านมา ทางพรรคเพื่อไทยได้พลาดและได้ สส. มาเพียง 2 เขต ไม่เต็ม 10 เขต แต่วันนี้มีความพร้อมทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นทางผู้สมัคร สส. และทางพรรค เชียงใหม่ถือเป็นเมืองหลวงของพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากชาวเชียงใหม่

“สส.แทน” ชัยชนะ เดชเดโช อดีต สส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลพื้นที่ภาคใต้ กล่าวถึงความพร้อมในการลงสู่สนามเลือกตั้งว่า มีผู้แสดงความจำนงจะลง สส.เขตในภาคใต้ มากเกิน 1 คนทุกเขตการเลือกตั้ง ก่อนวันที่ 24 ธ.ค. นี้ กระบวนการคัดเลือกผู้สมัครทุกอย่างคงจบ และมีการเปิดตัวผู้สมัคร สส.

“ภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์ส่งผู้สมัคร สส. ครบทั้ง 59 เขต ซึ่งมีความมั่นใจมากขึ้น เพราะกระแสของหัวหน้ามาร์ค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีความนิยมเพิ่ม สส.ใต้ของเรา สส.เดิมยังอยู่ 7 คน คือ ที่ จ.นครศรีธรรมราช 3 คน, จ.สงขลา 3 คน และ จ.ตรัง 1 คน ทั้งนี้ตนมั่นใจว่าจะได้ สส. มากกว่าการเลือกตั้งปี 2566 แน่นอน

จังหวัดไหนที่มีการประกาศเปลี่ยนแปลงจำนวน สส. และรูปแบบการเลือกตั้ง กกต. ก็ต้องเร่งประกาศเขตการเลือกตั้งที่มีความชอบธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จ.นครศรีธรรมราช แม้จะลดลง 1 เขต เราไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ต้องรอรูปแบบการแบ่งเขตการเลือกตั้งจะออกมาเป็นรูปแบบไหน ใน จ.นครศรีธรรมราช พรรคส่งอดีต สส. เดิม 3 คนลง

จากที่มีกระแสข่าวพรรคประชาชน (ปชน.) จะเปลี่ยนผู้สมัคร สส.เขต โดยเขตที่เคยชนะในปี 2566 รวม 112 เขต จะเปลี่ยนถึง 41 เขตนั้น สส.บางคนที่ได้ลงสมัคร สส.เขตต่อ ก็โพสต์ว่าได้ไปต่อในสื่อโซเชียลฯ อาทิ “สส.แบงค์” ศุภณัฐ มีนชัยนันทน์ อดีต สส.กทม. ทวีตใน X ว่า "ขอเป็นตัวแทนของพวกท่าน เข้าไปสานต่อเจตนารมณ์และความมุ่งหวังที่อยากเห็นคนไทยทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม ในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ครับ"

“สส.ก๊อป” ณัฐพล โตวิจักษ์ชัยกุล อดีต สส.เชียงใหม่ โพสต์ว่า จะได้ไปต่อ อีกคนที่น่าสนใจ คือ อนุสรณ์ ธรรมใจ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเคยอยู่กลุ่มแคร์ กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองของสมาชิกพรรคเพื่อไทยในสมัยรัฐบาลประยุทธ์ ได้โพสต์ข้อความแนะนำตัวในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า จะมาเป็นว่าที่ผู้สมัคร สส.เขตตลิ่งชัน-ทวีวัฒนา พรรค ปชน.

หรือบางคนก็โพสต์ว่าเขตเดิมของตัวเองจะเปลี่ยนแปลงตัว เช่น น.ส.สิริลภัส กองตระการ อดีต สส.กทม. โพสต์ว่า ในเขตเดิมของตน จะส่งนายก่อเกียรติ ก่อสุภากุล หรือฮา ลงสมัคร สส.แทน น.ส.ธิษะณา ชุณหวัณ สส.กทม. (ปทุมวัน สาทร ราชเทวี) โพสต์แจ้งว่าไม่ได้ไปต่อ

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ อดีต สส.กทม. แจ้งว่า นายนฤพล เลิศปัญญาโรจน์ หรือเบนซ์ เป็นว่าที่ผู้สมัคร สส.เขตเลือกตั้งที่ 27 (บางขุนเทียน-บางบอน) แทนนายณัฐชา ที่น่าจะถูกดันขึ้นไปเป็นผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ส่วนนายพงษ์สรณัฐ ทองลี หรือทนายคิว เป็นว่าที่ผู้สมัคร สส.เขตเลือกตั้งที่ 26 (บางขุนเทียน-จอมทอง) จะลงชิงชัยในสนามเเทนนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ หรือปูอัด อดีต สส.กทม.พรรคก้าวไกล ที่ออกจากพรรคไปก่อนหน้านี้

ศูนย์สำรวจความคิดเห็นสถาบันพระปกเกล้า (KPI Poll) เปิดเผยผลสำรวจความเห็นประชาชนเรื่อง“เสียงประชาชนต่อการเมืองและการเลือกตั้งใหม่” สำรวจระหว่างวันที่ 30 พ.ย.-10 ธ.ค. 2568 กลุ่มตัวอย่าง 2,016 คน พบว่าประชาชน 45.7% มองว่าภาพรวมการเมืองไทยกำลังแย่ลง 41.5% ระบุว่าเหมือน ๆ เดิม 9.3% ระบุว่า กำลังดีขึ้น และ 3.5% ไม่มีความคิดเห็น เมื่อถามถึงคุณสมบัติสำคัญที่สุดของนายกรัฐมนตรีคนต่อไป กลุ่มตัวอย่าง 36.2% ระบุว่า แก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องได้จริง 17.8% ระบุ มีความซื่อตรง 9.2% ระบุต้องรับฟังเสียงประชาชน 9% ระบุต้องมีวิสัยทัศน์ 8.5% ระบุ ยึดมั่นหลักประชาธิปไตย 7.6% ระบุ แก้ปัญหาระดับประเทศได้ดี 5.9% ระบุ คิดไว ตัดสินใจรวดเร็ว 4.2% ระบุ มีประสบการณ์บริหารราชการแผ่นดิน และ 1.6% ระบุต้องสื่อสารชัดเจน

เมื่อถามว่าอยากฟังการอภิปราย/ปราศรัย ของหัวหน้าพรรคคนใดมากที่สุด พบว่า 16.2% ระบุ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ พรรค ปชน. 15.7% ระบุ นายอนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย 14.2% ระบุ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พรรคประชาธิปัตย์ 10.9% ระบุว่า ไม่มีความคิดเห็น 10.8% ระบุว่า นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ พรรคเพื่อไทย 6.9% ระบุ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคไทยสร้างไทย 6.1% ระบุ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ พรรคไทยก้าวใหม่ 6% ระบุ พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ พรรคเศรษฐกิจ 5.5% ระบุ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค พรรครวมไทยสร้างชาติ ( รทสช.)

เมื่อถามถึงการประกาศชื่อแคนดิเดตนายกฯ ล่วงหน้า มีผลต่อการตัดสินใจลงคะแนนหรือไม่ 38.9% ระบุ ค่อนข้างมีผล 29.8% ระบุ มีผลอย่างมาก 20.4% ระบุ ไม่มีอิทธิพลต่อความคิด 7.6% ระบุ ไม่มีผลเลย 3.3% ระบุ ไม่มีความคิดเห็น เมื่อถามต่อว่า หากพรรคที่ชอบเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ที่ท่านไม่ชอบ จะเปลี่ยนใจเลือกพรรคอื่นหรือไม่ พบว่า 41.6% ระบุ อาจจะเปลี่ยน 25.2% ระบุไม่น่าจะเปลี่ยนใจ 17.6% ระบุ เปลี่ยนแน่นอน 8.7% ระบุ ไม่เปลี่ยนแน่นอน

นโยบายเร่งด่วนอันดับแรกที่อยากให้นายกฯ คนใหม่ดำเนินการ 19.4% ระบุ ปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน 16.7% ระบุ แก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน 16.4% ระบุ ลดค่าครองชีพ 13.1% ระบุ แก้ไขปัญหาชายแดน ภาคใต้-กัมพูชา 11.7% ระบุ ปฏิรูปการเมืองทุกระดับ 9.9% ระบุ ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์/อาชญากรรมออนไลน์ 5.7% ระบุ แก้ไขปัญหายาเสพติด/ความปลอดภัยในสังคม 2.5% ระบุ ปฏิรูประบบสุขภาพ 1.9% ระบุ แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...