โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

‘วุ้นในตาเสื่อม’ ภัยเงียบที่มาพร้อมอายุ… อาการแบบไหนต้องรีบพบแพทย์?

เดลินิวส์

อัพเดต 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
ทำความรู้จักกับวุ้นในตาเสื่อมตั้งแต่สาเหตุ อาการ สัญญาณเตือนที่ต้องรีบพบจักษุแพทย์ก่อนสายเกินไป

วันนี้“เดลินิวส์” นำบทความจากโรงพยาบาลพญาไท 2 โดย นพ. ชัยรัตน์ เสาวพฤทธิ์ จักษุแพทย์เฉพาะทางด้านจอประสาทตา ศูนย์ตา เขียนถึง วุ้นในตาเสื่อม (Vitreous Degeneration) ว่า เป็นภาวะที่หลายคนอาจเคยได้ยิน แต่อาจไม่รู้ว่ามัน คือ อะไรกันแน่ และอาการแบบไหนที่ถือว่าอันตราย? ภาวะนี้เป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับดวงตาเมื่ออายุมากขึ้น แต่หากละเลยหรือประมาท อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เรามาทำความรู้จักกับวุ้นในตาเสื่อมอย่างละเอียด ตั้งแต่สาเหตุ อาการ ไปจนถึงสัญญาณเตือนที่ต้องรีบพบจักษุแพทย์ทันที

วุ้นในตาเสื่อม คืออะไร?

ลูกตาของเรานั้นมีส่วนประกอบสำคัญคือ วุ้นในตา” ซึ่งเป็นเจลใสคล้ายไข่ขาวที่บรรจุอยู่เต็มลูกตา ทำหน้าที่คงรูปดวงตาและเป็นตัวกลางให้แสงส่องผ่านไปยัง จอประสาทตา เพื่อให้เกิดการมองเห็น

เมื่อเวลาผ่านไปตามอายุ วุ้นในตาซึ่งส่วนใหญ่เป็นน้ำและมีเส้นใยคอลลาเจนปะปนอยู่ จะเริ่มเสื่อมสภาพ จากลักษณะที่เป็นเจลใสจะกลายเป็นของเหลวมากขึ้นทำให้เส้นใยคอลลาเจนที่จับตัวกันอยู่หดตัวและรวมกันเป็นก้อนเล็ก ๆ หรือเป็นเส้นขุ่น ๆ ลอยอยู่ในน้ำวุ้นตา

เมื่อก้อนหรือเส้นขุ่นเหล่านี้มาบดบังทางเดินของแสงที่ตกกระทบจอประสาทตา เราจึงมองเห็นเป็น เงาดำ จุดเล็ก ๆ หรือเส้นคล้ายหยากไย่ลอยไปมา ตามการกลอกตา ซึ่งเป็นที่มาของอาการที่เรียกว่า วุ้นในตาเสื่อม”

อาการของวุ้นในตาเสื่อมที่พบบ่อย และควรสังเกตตัวเองมีดังนี้

  • มองเห็นจุดลอย (Eye Floaters) ลักษณะเห็นเป็น จุดดำ เล็ก ๆ คล้ายลูกน้ำ ยุง หรือ เส้นใยคล้ายหยากไย่/ใยแมงมุม ลอยไปมาในลานสายตา การสังเกตมักเห็นชัดเจนขึ้นเมื่อมองไปยังพื้นหลังสีขาวหรือสีสว่าง เช่น ท้องฟ้า ผนังห้องสีขาว หรือหน้าจอคอมพิวเตอร์
  • เห็นแสงวาบในตา (Flashes of Light) ลักษณะเห็นแสงคล้ายฟ้าแลบ แสงแฟลช หรือไฟวาบขึ้นในตา โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในที่มืดหรือตอนกลางคืน เป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกว่าวุ้นในตากำลังดึงรั้งจอประสาทตา ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะจอประสาทตาฉีกขาดได้

สาเหตุหลักของวุ้นในตาเสื่อม ภาวะวุ้นในตาเสื่อมเกิดได้จากหลายปัจจัยหลัก ๆ ดังนี้

  • อายุที่เพิ่มขึ้นเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป วุ้นตาจะเสื่อมสภาพตามกาลเวลา
  • ภาวะสายตาสั้นผู้ที่มี สายตาสั้นมาก (ประมาณ 400 ขึ้นไป) มีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป เนื่องจากโครงสร้างตาที่ยาวกว่าทำให้วุ้นตาและจอประสาทตาเปราะบางกว่า
  • อุบัติเหตุที่ดวงตาการถูกกระทบกระแทกอย่างรุนแรงที่ดวงตาหรือศีรษะ
  • โรคประจำตัวและภาวะอื่น ๆ เช่น โรคเบาหวานขึ้นจอตา หรือการอักเสบภายในลูกตา

วุ้นในตาเสื่อม… อันตรายหรือไม่? และรักษาได้อย่างไร?

โดยทั่วไปวุ้นในตาเสื่อมที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนมักไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่อาจสร้างความรำคาญในการใช้ชีวิตประจำวัน ตะกอนที่ลอยอยู่มักจะจมลงไปด้านล่างของลูกตาและหายไปได้เองตามธรรมชาติโดยไม่ต้องรักษา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จักษุแพทย์กังวลที่สุดคือ ภาวะแทรกซ้อน ที่อาจตามมา ซึ่งก็คือ

สัญญาณอันตราย! ที่ต้องรีบพบจักษุแพทย์ทันที

อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของ จอประสาทตาฉีกขาด หรือ จอประสาทตาหลุดลอก ซึ่งเป็นภาวะที่นำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นถาวรได้หากรักษาไม่ทัน

  • เห็นจุดลอยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและจำนวนมากผิดปกติ (เหมือนมีฝนตก หรือพายุลูกน้ำในตา)
  • เห็นแสงวาบถี่ขึ้นหรือเห็นต่อเนื่อง แม้ไม่ได้กลอกตา
  • มองเห็นเหมือนมีม่านสีเทาหรือเงาดำมาบดบัง การมองเห็นบางส่วน
  • การมองเห็นลดลงอย่างฉับพลัน หรือสูญเสียการมองเห็นด้านข้าง

แนวทางการรักษา

  • ไม่มีภาวะแทรกซ้อน หากตรวจแล้วพบว่าเป็นเพียงวุ้นในตาเสื่อมปกติและไม่มีภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะแนะนำให้สังเกตอาการและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องรักษา
  • มีจอประสาทตาฉีกขาด หากตรวจพบรอยฉีกขาดของจอประสาทตา แพทย์จะทำการรักษาด้วย เลเซอร์ (Laser Photocoagulation) เพื่อยิงปิดรอยฉีกขาดนั้น ป้องกันไม่ให้ลุกลามเป็นจอประสาทตาหลุดลอก
  • จอประสาทตาหลุดลอก ในกรณีที่รุนแรงถึงขั้นจอประสาทตาหลุดลอก จะต้องรักษาด้วย การผ่าตัด เพื่อให้จอประสาทตากลับเข้าที่

คำแนะนำเพื่อสุขภาพตาที่ดี ถึงแม้วุ้นในตาเสื่อมจะป้องกันไม่ได้ และเป็นอาการที่พบได้บ่อย แต่ไม่ถือว่าเป็นโรค ดังนั้น ถ้าไม่รู้สึกว่าอาการเหล่านั้นรบกวนชีวิตประจำวันก็ไม่จำเป็นต้องรักษา แต่หากรู้สึกรบกวนมาก การรักษาด้วยการฉายแสงเลเซอร์ หรือการผ่าตัดจะช่วยลดหรือแก้ไขอาการเหล่านั้นได้ ไม่มีการศึกษาด้วยมาตรฐานใดที่ บ่อบอกว่าอาหารเสริมจะช่วยลดและรักษาอาการดังกล่าวได้

หากคุณมีอาการเห็นจุดลอยหรือแสงวาบในตา ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจจอประสาทตาอย่างละเอียด เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นได้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...