โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

การตัดความช่วยเหลือของตะวันตก ผลักดันจีนขยายอิทธิพลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เดลินิวส์

อัพเดต 21 ก.ค. เวลา 13.13 น. • เผยแพร่ 21 ก.ค. เวลา 05.39 น. • เดลินิวส์
การศึกษาของคลังสมองแห่งหนึ่งในออสเตรเลีย ระบุว่า จีนเตรียมขยายอิทธิพลเหนือการพัฒนาของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และผู้บริจาคชาติตะวันตกรายอื่น ลดความช่วยเหลือ

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ว่า สถาบันโลวี ระบุว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน โดยเผชิญกับการตัดเงินทุนเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการจากชาติตะวันตก รวมถึงภาษีการค้าของสหรัฐที่ “รุนแรงเป็นพิเศษ”

“ความช่วยเหลือจากชาติตะวันตกที่ลดลง เสี่ยงต่อการสูญเสียบทบาทให้กับจีนมากขึ้น แม้ผู้บริจาครายอื่นในเอเชีย จะมีความสำคัญเพิ่มขึ้นเช่นกัน” สถาบันโลวี ระบุเสริม

ทั้งนี้ รายงานประจำปีระบุว่า เงินทุนเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการทั้งหมดสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมถึงเงินช่วยเหลือ เงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ และเงินกู้อื่น ๆ เพิ่มขึ้นอย่าง “พอประมาณ” เป็น 29,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 940,000 ล้านบาท) ในปี 2566

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ระงับความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาไปแล้วประมาณ 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.94 ล้านล้านบาท) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการช่วยเหลือต่างประเทศของสหรัฐ ขณะที่ประเทศในยุโรป 7 ประเทศ และสหภาพยุโรป (อียู) ก็ตัดงบประมาณช่วยเหลือมูลค่า 17,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 557,000 ล้านบาท) ระหว่างปี 2568-2572

งานศึกษาคาดการณ์ว่า ประกาศล่าสุดจะทำให้เงินทุนเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการโดยรวมสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลดลงมากกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 64,800 ล้านบาท) ภายในปี 2569 ซึ่งการตัดงบประมาณช่วยเหลือเหล่านี้ จะส่งผลกระทบต่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างหนัก ส่วนความสำคัญของจีน ในฐานะผู้มีบทบาทในการพัฒนาในภูมิภาค จะเพิ่มขึ้น.

เครดิตภาพ : AFP

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...