โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เล่าเรื่องจากการตรวจเยี่ยมคณะสงฆ์ ภาค ๒ (อยุธยา, สระบุรี, อ่างทอง) ตอนที่ ๑

ไทยโพสต์

อัพเดต 19 มิ.ย. เวลา 21.41 น. • เผยแพร่ 19 มิ.ย. เวลา 17.01 น.

เจริญพรสาธุชนผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ดังที่กล่าวเล่าไปแล้วว่า ห้วงเวลาของ เดือนมิถุนายน ๒๕๖๘ มีกำหนดการตรวจการคณะสงฆ์ ภาค ๑-๒-๓ ธรรมยุต ตามพระบัญชาในสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต โดยมี พระพรหมวชิรากร กรรมการมหาเถรสมาคม/เจ้าอาวาสวัดราชผาติการาม เป็นประธานผู้ตรวจการ ซึ่งต่อมาได้มีคำสั่งประธานผู้ตรวจการ ภาค ๑-๒-๓ (ธ) โดย พระพรหมวชิรากร ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้ตรวจการคณะสงฆ์ ภาค ๑ (ธ) (กรุงเทพฯ, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ), พระราชวัชรสุทธิวงศ์ (อารยวังโส) ทำหน้าที่ หัวหน้าคณะผู้ตรวจการคณะสงฆ์ ภาค ๒ (ธ) (อยุธยา, สระบุรี, อ่างทอง) และ พระธรรมวชิรวิจิตร ทำหน้าที่ หัวหน้าคณะผู้ตรวจการคณะสงฆ์ ภาค ๓ (ธ) (ลพบุรี, ชัยนาท, อุทัยธานี, สิงห์บุรี)

การออกตรวจการคณะสงฆ์ (ธ) ในภาค ๒ ที่นำโดย พระราชวัชรสุทธิวงศ์ (อารยวังโส) ได้เริ่มต้นในวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๘ กำหนดพื้นที่เป้าหมาย คือ จังหวัดสระบุรี โดยเริ่มที่ วัดพุทธบูชาญาณสังวร เป็นศูนย์กลางของอำเภอวิหารแดง มีวัดต่างๆ ในพื้นที่เข้าร่วม และวัดพระพุทธเนรมิต เป็นศูนย์กลางของอำเภอเมือง มีวัดต่างๆ เข้าร่วม ก่อนที่จะเข้าสู่พื้นที่เป้าหมายอำเภอต่างๆ ใน จ.สระบุรี จนไปสิ้นสุดที่ อำเภอพระพุทธบาทและอำเภอมวกเหล็ก ในวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๘ โดยมี นางรพีวรรณ บำรุง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจังหวัดสระบุรี และคณะเจ้าหน้าที่ติดตามสังเกตการณ์ พร้อมถวายการต้อนรับไปในทุกพื้นที่เป้าหมายการตรวจการคณะสงฆ์อย่างดียิ่ง ควรแก่การอนุโมทนา

ก่อนที่จะเดินทางเข้า ตรวจการคณะสงฆ์ ภาค ๒ (ธ) จ.อ่างทอง ในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๘ โดยมี วัดไตรรัตนาราม เป็นศูนย์กลางของทุกวัดในจังหวัดอ่างทอง ซึ่งใช้เวลาเพียงวันเดียว เพราะ
จ.อ่างทอง มีเพียง ๘ วัดจาก ๔ อำเภอ โดยมี พระเทพบัณฑิต เจ้าคณะจังหวัดอ่างทอง (ธ) พระครูถาวรวินัยวงศ์ เจ้าคณะอำเภอจังหวัดอ่างทอง (ธ) ร่วมถวายการต้อนรับและถวายข้อมูลด้านต่างๆ โดยมี นางวิทิดา การสมทบ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอ่างทอง เข้าร่วมถวายข้อมูลในทุกๆ ด้าน สมกับการทำหน้าที่ถวายงานพระสงฆ์

ต่อจากนั้น ได้ขอพักเครื่องหนึ่งวัน โดยได้รับความเอื้อเฟื้อถวายการดูแลจาก นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีและภรรยา ในฐานะประธานแม่บ้านมหาดไทยฯ โดยได้จัดที่พักถวาย ณ สวนพฤกษศาสตร์พุแค ที่สงบร่มรื่นยิ่ง เหมาะควรแก่เพศบรรพชิต.. ที่ควรพึงใจในเสนาสนะป่า.. ต้องยอมรับว่า สัปปายะสถานยังเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งต่อการพักกายจิต เพื่อความพร้อมในการทำหน้าที่อย่างมีสติปัญญา เพื่อทำหน้าที่ให้เป็น ธรรม!!

อากาศที่ดี.. เสียงสัตว์นานาชนิด ที่ขับร้องประสานอย่างกับวงคอรัสชั้นเยี่ยม.. ทั้งกลางวันและกลางคืน เมื่อผสมผสานกับความเงียบสงบ ไม่พลุกพล่านของสวนป่าฯ จึงเหมาะควรยิ่งต่อการเจริญภาวนา ด้วยการสวดมนต์ สาธยายธรรม.. จึงได้ใช้เวลาในยามที่กลับมาพัก ณ สวนพฤกษศาสตร์พุแค จ.สระบุรี เป็นช่วงเวลาแห่งการปฏิบัติธรรมอย่างเข้มข้น โดยตื่นสวดมนต์ สาธยายธรรม ประมาณตี ๒ ของทุกคืน เพื่อถึงรับอรุณของวันใหม่ ดังที่ถือปฏิบัติเป็นปกติ ก่อนที่จะรับภัตตาหารที่มีญาติโยมนำมาถวาย และเตรียมตัวออกไปประกอบศาสนกิจ โดยมีศาสนกิจพิเศษเพื่อแผ่นดินไทย ในชื่อ โครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน น้อมถวายเป็นพระราชกุศล ณ จังหวัดสระบุรี ที่สนับสนุนโดยกระทรวงมหาดไทย ในช่วงเช้าของวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๘

เรียกได้ว่า เป็นการออกตรวจการคณะสงฆ์ ควบคู่กับการแสดงธรรมโปรดชาวโลก.. เพื่อประโยชน์และความสุขของแผ่นดินไทยด้วย ซึ่งในยามนี้ เชื่อว่า แผ่นดินกำลังโหยหาราชธรรม.. อย่างยิ่ง .. ด้วยผลพิษจากการเมือง.. ที่ส่งผลต่อสังคมประเทศชาติ

แม้การตรวจการคณะสงฆ์ที่ จ.อ่างทอง ก็เช่นเดียวกัน.. ก็ได้มีการจัด โครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรมฯ ขึ้น โดยในยามเช้าก่อนจะออกตรวจการคณะสงฆ์ ภาค ๒ (ธ) จ.อ่างทอง ได้เดินทางไปเป็นประธานขับเคลื่อนโครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรมฯ ที่จังหวัดอ่างทอง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดได้จัดขึ้นที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดอ่างทอง และต่อเนื่องสู่ในยามบ่ายของวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๘.. ได้เข้าตรวจการคณะสงฆ์ (ธ) จ.อ่างทอง ณ วัดไตรรัตนาราม.. หลังจากเสร็จสิ้นศาสนกิจดังกล่าวจึงได้เดินทางกลับไปพักที่สวนพฤกษศาสตร์พุแค จ.สระบุรี เช่นเดิม

ต่อจากนั้นจึงเดินทางกลับมาพักที่วัดป่าอารยวังสาราม (ธ) อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อออกตรวจการคณะสงฆ์ ภาค ๒ (ธ) จ.พระนครศรีอยุธยา ในระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๘ โดยกำหนด ๔ อำเภอเป้าหมาย ได้แก่ อ.ท่าเรือ, อ.มหาราช, อ.ลาดบัวหลวง และ อ.บางไทร รวมจำนวน ๑๘ วัด.. ที่เตรียมความพร้อมในการเข้าถวายรายงานข้อมูลด้านต่างๆ อย่างดียิ่ง.. แต่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ไม่ปรากฏบุคลากรจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติฯ เข้าร่วม ทั้งๆ ที่ได้แจ้งให้เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ธ) ทราบเพื่อประสานงานแล้ว

สำหรับข้อมูลที่ได้จากการสังเกตในการตรวจเยี่ยมและได้รับข้อมูลจากคณะสงฆ์ (ธ) ในแต่ละจังหวัด ที่สามารถสรุปได้เพื่อนำมาสู่การพิจารณาร่วมกันในทุกฝ่ายที่รับผิดชอบต่องานพระศาสนา รวมถึงพุทธศาสนิกชนที่ควรรับทราบ มีดังต่อไปนี้…

ก.ปัญหาโดยรวมทางสภาพสังคมและภูมิศาสตร์

สภาพสังคมและภูมิศาสตร์ ที่เรียกรวมว่า สภาพภูมิรัฐศาสตร์ในบ้านเมืองเรา ในปัจจุบันมีความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง.. จนกระทบต่อความเป็นอยู่ วัฒนธรรม ประเพณี ของประชาชนในทุกพื้นที่อย่างยากจะหลีกเลี่ยง อันเป็นไปตามกฎธรรมนิยาม..

ดังวิกฤตการณ์โลกร้อน ที่ส่งผลต่อการประกอบอาชีพทำไร่ทำนา.. การกสิกรรม.. การเกษตรกรรม ซึ่งกระทบต่อการดำรงชีวิตในประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ที่มีอาชีพการเกษตร ประมาณ ๔๐% ผนวกกับปัญหาเกษตรกรไทยที่กำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย มีอายุเฉลี่ยที่ ๕๘.๔๖ ปี หรือประมาณ ๖๐ ปีเป็นส่วนใหญ่

เมื่อประชาชนในพื้นที่เป็นสังคมของผู้สูงวัย ที่กำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤตการณ์ทางธรรมชาติอย่างไม่เคยปรากฏ.. ในขณะที่คนหนุ่มสาวทิ้งไร่ทิ้งนาไปสู่สังคมโลกดิจิทัล จึงส่งผลต่อกำลังศรัทธาของวัดวาอารามในพื้นที่ที่มีคนเข้าวัดน้อยลง ซึ่งแตกต่างไปจากเดิม จึงกระทบต่อศาสนทายาทที่น้อยตามลงไปด้วย จนเห็นได้ชัดถึงจำนวนพระภิกษุ-สามเณรในแต่ละวัดที่ลดลงไปจากเดิมมาก

โดยยอดเฉลี่ยวัดในแต่ละพื้นที่ห่างไกลจากตัวเมือง จะมีพระภิกษุจำนวน ๒-๕ รูป เป็นค่าคงที่ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะปัญหาศาสนทายาทอย่างเดียว เพราะแม้กระทั่งยอดจำนวนนักเรียนในโรงเรียนในทุกพื้นที่ ก็ลดลงไปมากเช่นเดียวกัน จึงมีการแก้ไขปัญหาด้วยการนำเอาเด็กชาวเขาเผ่าต่างๆ มาเข้าเรียนในพื้นที่ราบ หรือหลายวัดที่นำมาบวชมาเรียนเป็นสามเณร เพื่อให้มีโอกาสศึกษาในโรงเรียนของวัดนั้นๆ และต่อไปหากอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ก็จะได้รับการสนับสนุนให้ได้รับการศึกษาสูงขึ้นในระดับวิทยาลัย.. มหาวิทยาลัย โดยจะได้รับทุนการศึกษาตลอดไป ซึ่งนับเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ดีที่สุดในขณะนี้

แต่ที่น่าแปลกใจ คือ แม้จะมีจำนวนพระภิกษุ-สามเณรลดลง.. แต่กลับมีจำนวนวัดวาอารามเพิ่มขึ้น แม้วัดนั้นๆ จะมีจำนวนพระภิกษุ-สามเณรไม่มาก ซึ่งบางวัดมีภิกษุเพียงแค่ ๑-๒-๓ รูป ซึ่งปัจจัยอันหนึ่งมาจากสภาพความเปลี่ยนแปลงไปในทางสังคมและภูมิศาสตร์ ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในยุคสมัยสังคมดิจิตอล ที่กำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ Climate Change จนเข้าสู่ภาวะโลกร้อน (Global Warming) .. อันเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทุกโครงสร้างของโลก ไม่เว้นแม้องค์กรทางศาสนา.. ที่ต้องรับผลทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม ที่ควรนำมาพิจารณาในประเด็นดังกล่าว เพื่อความเข้าใจ วิถีโลก ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปตามกาลสมัย

ข.ปัญหาพื้นฐานโดยภาพรวมของพระสงฆ์โดยทั่วไปที่พบเห็น

๑.ปัญหาภาวะผู้นำด้านศาสนพิธี

๒.ปัญหาการขาดความรัก ความเข้าใจ ในงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา

๓.ปัญหาการจัดกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนามีจำกัด

๔.ปัญหาความไม่มีอุดมการณ์ธรรมในการบวชเป็นพระภิกษุ-สามเณรแท้จริง

ติดตามตอนต่อไป.

เจริญพร

dhamma_araya@hotmail.com

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...