โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เช็ก ค่าโดยสาร รถเมล์ รถทัวร์ เรือ วินมอเตอร์ไซค์ รถไฟฟ้า ยุคน้ำมันแพง

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 05 ส.ค. 2565 เวลา 02.14 น. • เผยแพร่ 14 มิ.ย. 2565 เวลา 07.55 น.

ไม่เพียงแต่ผู้ใช้รถบน “ถนน” เท่านั้น แต่ระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภท ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น

ประเทศไทยมีระบบขนส่งทุกประเภท ไม่ว่าจะทางบก ทางน้ำ ทางราง หรือทางอากาศ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สืบเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน

“ประชาชาติธุรกิจ” พาสำรวจขนส่งสาธารณะทุกประเภท ถึงความเคลื่อนไหวด้านค่าบริการโดยสารในช่วงนี้ที่ “น้ำมันแพง”

บขส. ยันไม่ขึ้นค่าโดยสาร

เริ่มที่ขนส่งสาธารณะทางบก อย่าง บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เป็นระบบขนส่งสาธารณะที่คนส่วนมากเลือกใช้บริการเพื่อเดินทางไกล ไปต่างจังหวัด ได้ออกมายืนยันเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2565 ว่า แม้ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการเดินรถ แต่ไม่มีนโยบายหยุดเดินรถและปรับขึ้นค่าโดยสาร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน

โดยเป็นไปตามข้อสั่งการของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

เรือด่วนเจ้าพระยา ขึ้นราคา 1 บาท

ด้าน ขนส่งทางน้ำ อย่างเรือด่วนเจ้าพระยา ได้แจ้งปรับอัตราค่าโดยสาร เรือธงส้ม ธงเหลือง ธงเขียว ขึ้นอีก 1 บาท จากอัตราค่าโดยสารเดิม เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2565 โดยมีอัตราค่าโดยสาร ดังนี้

1. เรือธงส้ม เส้นทางนนทบุรี-วัดราชสิงขร จากราคา 15 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 16 บาท (ตลอดสาย)

2. เรือธงเหลือง เส้นทางนนทบุรี-สาทร จากราคา 20 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 21 บาท (ตลอดสาย)

3. เรือธงเขียว

  • เส้นทาง ปากเกร็ด-นนทบุรี จากราคา 13 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 14 บาท
  • เส้นทาง นนทบุรี-สาทร จากราคา 20 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 21 บาท
  • เส้นทาง ปากเกร็ด-สาทร จากราคา 32 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 33 บาท

4. เรือธงแดง (ปรับอากาศ) นนทบุรี-สาทร ราคา 30 บาทตลอดสาย คงเดิม (ราคาปกติ 50 บาท)

อย่างไรก็ตาม หากราคาน้ำมัน ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเกณฑ์ ตามประกาศกรมเจ้าท่าที่ 110/2559 บริษัทจะปรับลดอัตราค่าโดยสารต่อไป

ร.ฟ.ท.สบช่อง ชูขนส่งทางรางแทนรถ คุมต้นทุนธุรกิจ

ส่วนการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เองก็ยังไม่ได้มีการเคลื่อนไหวด้านค่าบริการในช่วงที่น้ำมันเพิ่มสูงขึ้น แต่นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟฯ ได้เปิดเผยว่า มีลูกค้าหลายบริษัทสนใจและติดต่อมายังการรถไฟฯ เพื่อจะใช้บริการขนส่งสินค้าทางรถไฟแทนรถบรรทุก

เนื่องจากการขนส่งทางรางสามารถช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งได้ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ารายใหม่ประมาณ 10 ราย คาดว่า จะได้ข้อสรุปและเปิดเดินขบวนรถขนส่งสินค้าได้ภายในปีนี้

สำหรับรายจ่ายค่าน้ำมันของ ร.ฟ.ท. ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 34 บาทต่อลิตร โดยทุก 1 บาท ที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มประมาณ 2 ล้านบาทต่อเดือน

BTS MRT ขสมก. ยังนิ่ง คนกรุง-ปริมณฑล รอลดราคา

ขณะที่ ขนส่งสาธารณะจากภาคเอกชน ยังไม่มีความเคลื่อนไหวต่ออัตราค่าบริการในช่วงนี้ ทั้งในส่วนของรถไฟฟ้า BTS ที่บริหารงานโดย บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC, รถไฟใต้ดิน (MRT) รวมถึง รถโดยสารสาธารณะ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก.

เยียวยามอเตอร์ไซค์รับจ้าง-แท็กซี่ ?

นอกจากนี้ อีกหนึ่งประเภทขนส่งที่ถือว่า มีผู้ใช้บริการอย่างมากโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อย่าง มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่ต้องใช้น้ำมันเช่นกัน แต่เป็นกลุ่มอาชีพเดียวที่ได้รับการเยียวยาในช่วงน้ำมันแพงจากทางรัฐบาลผ่านโครงการ “วินเซฟ”

มาตรการดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2565 เพื่อช่วยเหลือค่าน้ำมันให้กับผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับจ้างไม่เกิน 250 บาท/คน/เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2565 โดยสามารถกดรับสิทธิได้ผ่านทางแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง”

ส่วนรถแท็กซี่ แม้จะยังไม่ได้รับการช่วยเหลือด้านค่าน้ำมัน เพราะส่วนใหญ่ยังใช้แก๊สในการขับเคลื่อนรถ ที่ขณะนี้ราคาต่ำกว่า น้ำมันรถที่ 3-4 เท่าตัว โดยเมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2565 ทางกรมขนส่งทางบกได้เยียวยา ด้วยการคงราคาขายปลีกผู้ที่ใช้ก๊าซ NGV ไว้ที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม

สำหรับผู้ขับขี่แท็กซี่มิเตอร์ภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน สามารถซื้อก๊าซได้ในราคา 13.62 บาท/กิโลกรัม จนถึงวันที่ 15 มิถุนายน 2565 หลังจากขยายเวลาจากเดิมสิ้นสุด 15 มีนาคม 2565

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...