โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

น้องหนูแดง เจ้าปีโป้! งานวิจัยจะบิดเบือนหรือไม่ หากตั้ง 'ชื่อเล่น' ให้สัตว์ทดลอง

The MATTER

อัพเดต 10 ม.ค. 2562 เวลา 10.08 น. • เผยแพร่ 10 ม.ค. 2562 เวลา 10.01 น. • Byte

ถ้าคุณมีหมาหรือแมวเป็นสัตว์เลี้ยงสักตัว คุณจะเรียกมันว่าอย่างไรก็ได้  ไม่ว่าจะ ไอ้ขาว เจ้าดำ เป๊บซี่ ชีโตส ฯลฯ ก็ตามแต่ใจปรารถนา เพราะเมื่อเรียกชื่อมันไปสักพัก พวกมันก็จะคุ้นเคยและเดินมาหาคุณ แต่หากคุณเป็นนักวิทยาศาสตร์และกำลังทำวิจัยระดับเข้มข้นที่ต้องทดลองทางคลินิกกับสัตว์ คุณจะเรียกชื่อเล่น 'หนูทดลอง' ด้วยรหัสโค้ด หรือจะเรียกว่า 'เจ้าสำลี' ดี  แล้วคุณจะเรียก Test Subject ว่า 'เค้า' อย่างงู้นอย่างงี้หรือไม่

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมไปแล็บวิจัยย่านวังหลัง อาจารย์หัวหน้าโครงการวิจัยตำหนิผู้ช่วยวิจัยที่เป็นนักศึกษาปริญญาเอกว่า “ใครให้เธอเรียกหนูทดลองด้วยชื่อเล่น” เพราะนักศึกษาปริญญาเอกคนนั้นดันหลุดปากเรียกชื่อมันขึ้นมาในวงสนทนา และเธอก็โดนเอ็ดจนหงออย่างน่าสงสารไปเลย

ในระเบียบการทดลองทางวิทยาศาสตร์นั้น มักไม่ตั้งชื่อให้กับสัตว์ทดลองที่มีอยู่มากมายนับแสนๆ ตัวตามศูนย์วิจัยทั่วประเทศ พวกมันมีชื่อเป็นรหัสทำนอง ZA-56 หรือ ZA-93 เท่านั้น แต่ในระยะหลังๆ โครงการวิจัยที่เกี่ยวกับสัตว์มักตั้งชื่อเล่นให้กับสัตว์ เพราะช่วยสร้างการรับรู้ได้ดี (โดยเฉพาะเมื่อโครงการมีแนวโน้มประสบความสำเร็จ) อีกทั้งทำให้เพื่อนร่วมงานจดจำสัตว์เหล่านั้นได้ง่าย และนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ๆ ก็ไม่ได้เข้มงวดกับระเบียบดั้งเดิมนี้นัก แถมยังรู้สึกสนิทสนมกับงานวิจัยที่ทำอยู่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับบริบทที่สถาบันวิจัยกำหนดด้วย

ขอยกเรื่องเกี่ยวกับประเด็นนี้ในต่างประเทศ เป็นงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมลิง มีลิงวอกเพศผู้ ชื่อ 'Freckle' เป็นสมาชิกใหม่ในศูนย์วิจัยของ MIT แต่ต่อมามันก็แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวกับเพื่อนลิงร่วมกรง ชอบขโมยผ้าห่มของลิงตัวอื่นไปใช้ ชอบทุบตีลิงที่อ่อนแอกว่า เมื่อมีอายุได้สัก 10 ปี มันแทบจะไม่มีเพื่อนลิงที่สนิทสนมเลย เพราะมันเข้ากับลิงตัวอื่นๆ ไม่ได้

นักวิจัยจึงเปลี่ยนชื่อมันใหม่ว่า 'Ivan' ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก 'Ivan the Terrible' (อีวานผู้เหี้ยมโหด) เจ้าชายแห่งมอสโกในปี ค.ศ. 1533 เพื่อเป็นสมญานามนิสัยอันดื้อรั้นและเป็นจอมสร้างปัญหา  ปกติแล้วบรรยากาศในสถาบัน MIT มักมีชื่อสัตว์ทดลองประมาณ 2 ชื่อ คือชื่อเล่นกับรหัสเรียก ลองจินตนาการว่าคุณเดินไปถามเพื่อนว่า “วันนี้หลังจากเจ้า ZA-56 ได้รับยาไป มันมีอาการอย่างไรบ้าง” เพื่อนคุณอาจจะชะงักสักครู่เพื่อพยายามนึกว่า ZA-56 มันตัวไหนนะ ขอนึกดูก่อน  แต่ถ้าคุณถามว่า “หลังจากเจ้าปีโป้ได้ยาแล้วอาการเป็นอย่างไร” คุณก็คงนึกถึงเจ้าปีโป้ สัตว์ทดลองตัวนั้นได้ทันที

กลับมาที่เจ้า Ivan พอได้รับสมญานามนั้นแล้ว น่าสนใจที่ใครๆ ต่างก็คิดว่ามันเป็นตัวปัญหาไปโดยปริยายเนื่องจากชื่อเล่นนี้ และแทนที่พวกเขาจะปฏิบัติต่อมันเฉกเช่นสัตว์ทดลองตัวอื่นๆ แต่กลายเป็นว่าทำให้เกิดอคติ (bias) ต่องานวิจัย ซึ่งก็มาจากตัวผู้ทำวิจัยเองที่ผูกพันกับชื่อที่เรียกกันจนติดปาก

ไม่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น ในต่างประเทศก็มีคำถามกับประเด็นนี้พอสมควร ในสหรัฐอเมริกาก็นิยมเรียกชื่อสัตว์ทดลอง ตั้งแต่ ลิง สุนัข หมู แมว กระต่าย และแกะ พวกมันมีชื่อเป็นขนมบ้าง เหล้ายาปลาปิ้งบ้าง ตัวละครในภาพยนตร์ เพื่อนสนิท  หรือแม้กระทั่งชื่อนักวิทยาศาสตร์ของสถาบันคู่แข่ง

ถึงอย่างไรก็ตามชื่อเล่นของสัตว์ทดลองจะไม่ไปปรากฏในเล่มวิจัยสำหรับเผยแพร่ (คงโดนตอน Peer Review ส่งไปก็โดนแก้ยับ) เว้นแต่จะเป็นการทดลองที่เกี่ยวกับลิง Primate ที่มักมีชื่อเล่นสัตว์ทดลองในเล่มวิจัย ก็ยังถือว่าพออนุโลมได้บ้าง

ดังนั้นจากที่เกริ่นมาเนิ่นนาน การตั้งชื่อเล่นให้กับสัตว์ทดลองนั้นสร้าง 'ผลดีหรือผลเสีย' ให้กับงานวิจัยกันแน่?

นักวิจัยกลุ่มหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์ว่า รสนิยมเรียกชื่อเล่นกับสัตว์ทดลองเป็นการทำให้สิ่งที่ไม่เป็นมนุษย์มีความรู้สึกเป็นมนุษย์ หรือเรียกว่า 'Anthropomorphism' เป็นการกำหนดคุณลักษณะความเป็นมนุษย์ซึ่งก่อให้เกิดอคติ เช่นเดียวกับลิง Ivan ที่เมื่อเปลี่ยนชื่อแล้ว ก็ได้รับการปฏิบัติต่างกับตอนที่มันมีชื่อว่า Freckle ทำให้ผลการทดลองอาจมีโอกาสบิดเบือนเนื่องจากอคติของผู้ปฏิบัติงาน

แต่นักวิทยาศาสตร์อีกกลุ่มหนึ่งก็ออกมาค้านว่า สัตว์ทดลองก็ควรมีชื่อและควรได้รับการปฏิบัติในฐานะปัจเจก เพราะมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึก จึงไม่ควรถูกเรียกเป็น code name หรือแทนด้วยตัวเลข นอกจากนี้การเรียกด้วยชื่อเล่นยังช่วยลดความตึงเครียดในบรรยากาศงานวิจัย และช่วยให้ผู้วิจัยผูกพันกับงานที่ทำได้

Marc Bekoff  นักวิจัยพฤติกรรมสัตว์ มีแมวทดลองที่มีลักษณะพิการทางการมองเห็น แต่สามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วทั้งๆ ที่ไม่มีดวงตา เขาเรียกแมวตัวนี้ว่า Speedo (เจ้าลมกรด) เพราะความเจ๋งของมันคือการเรียนรู้ที่ฉับไว แต่กลายเป็นว่านักวิจัยอาวุโสหลายท่านล้วนไม่เห็นด้วย เพราะจะทำให้เกิดความผูกพันมากเกินไป และอาจจะทำให้นักวิจัยเอาใจช่วยมันจนบิดเบือนระเบียบวิจัยที่มีอยู่เดิม

กลุ่มที่ไม่นิยมตั้งชื่อเล่นให้สัตว์ทดลองจึงมักเป็นกลุ่ม 'งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์' คนเหล่านี้ต้องอาศัยสัตว์ทดลองจำนวนมาก ซึ่งต่างจากนักพฤติกรรมสัตว์  สัตว์ทดลองประเภท 'หนู' มักไม่ค่อยมีชื่อเรียกกับเขา พวกมันถูกมองเป็นแหล่งข้อมูลและเอ็นไซม์เพื่องานวิจัยมากกว่าจะไปสนิทสนม นอกจากนี้นักวิจัยยังต้องมีระยะห่างทางอารมณ์กับสัตว์ (emotional distance) เนื่องจากในท้ายที่สุดพวกเขาก็ต้อง 'ฆ่า' หนูทดลองเหล่านั้นอยู่ดี

การตั้งชื่อหรือไม่ ยังสร้างข้อถกเถียงที่น่าสนใจ กลุ่มที่ตั้งชื่อเชื่อว่า สัตว์ทั้งหลายทั้งมวลมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน พวกมันไม่ได้เกิดมาจากการทำซ้ำหรือก๊อปปี้ แต่พวกมันมีความหลากหลายในการแสดงออกทางอารมณ์และชีวภาพ ความหลากหลายนี้เองที่ทำให้วิทยาศาสตร์สามารถค้นพบอะไรใหม่ๆ เช่น ปัจจัยความเครียดที่ส่งผ่านจากพันธุกรรมพ่อแม่ของสัตว์ทดลองบางตัวที่แฝงฝังอยู่ใน Epigenetic  ซึ่งองค์ประกอบที่เต็มไปด้วยรายละเอียดมากมายนี้กอปรให้สิ่งมีชีวิตมีความจำเพาะสูง

การตั้งชื่อให้สัตว์ทดลองยังช่วยให้คุณภาพชีวิตของพวกมันดีขึ้น  เนื่องจากเป็นการเสริมกำลังเชิงบวกให้นักวิจัยปฏิบัติต่อพวกมันให้มีสวัสดิภาพที่ดี และยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ให้นักวิจัยดูเป็นคนที่มีความอ่อนโยนเหมือนกับคนทั่วไป

มีงานวิจัยปีค.ศ. 2009 พบว่า หลังจากฟาร์มวิจัยโคนมในอังกฤษเรียกแม่วัวด้วยชื่อเล่น  มีวัวกว่า 46% ให้น้ำนมมากขึ้น 3 % ซึ่งต่างจากแม่วัวที่ไม่ถูกเรียกชื่อ  ไม่ใช่ว่าเรียกชื่อแล้วมันชอบ แต่เกษตรกรที่ดูแลโคนมเหล่านี้จะปฏิบัติต่อสัตว์ที่มีชื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ส่งผลให้วัวมีน้ำนมมากกว่าปกติ

แม้สัตว์ทดลองในห้องแล็บอาจจะมีชื่อเล่นบ้าง แต่ไม่มีหลักฐานที่บ่งบอกชัดเจนว่าพวกมันจะตอบสนองกับชื่อเรียก ท้ายที่สุด ชื่อเล่นก็เป็นเรื่องความผูกพันของมนุษย์มากกว่าสัตว์ ดังนั้นเทรนด์ส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในห้องวิจัยทั่วโลกคือ 'หนูทดลอง' ที่ต้องฆ่าทิ้งมักไม่มีชื่อ ส่วนสัตว์ทดลองด้านพฤติกรรมและเป็นสัตว์ใหญ่หน่อยจะมีชื่อเล่น

กลายเป็นว่านี่คือความลักลั่นย้อนแย้งด้านจิตวิทยาสังคมของมนุษย์ที่ไปตัดสินว่าสิ่งไหนควรได้รับชื่อ สิ่งไหนไม่ควร เหมือนกับการลองให้คนอ่านบทกวีเดียวกันที่อันหนึ่งลงท้ายด้วยนามของกวีเอก กับอีกอันที่ไม่มีลงท้าย คนมักรู้สึกว่า บทกวีที่ลงท้ายด้วยชื่อกวีเอกนั้นซาบซึ้งกินใจกว่า ทั้งๆ ที่เป็นบทกวีเดียวกันแท้ๆ

ในอีกรูปแบบสังคมหนึ่งก็ไม่นิยมเรียกชื่อมนุษย์เป็นนาม แต่ใช้เป็นรหัส อาทิ ในทัณฑสถานหรือในกองทัพที่ต้องการให้ทุกคนมีความเหมือนกัน และไม่มีใครได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากคนอื่น (อย่างน้อยก็ในเชิงทฤษฏี) ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็เพื่อเป็นการ Dehumanize หรือลดความเป็นมนุษย์ลง

ชื่อนั้นสำคัญไฉน? ต่อไปมันอาจจะสำคัญมากๆ อนาคตเราอาจจะเรียก AI ด้วยชื่อ หรืออาจจะเรียกรถที่ขับได้เองด้วยชื่อที่คุ้นเคยแทนจะเรียกเป็นยี่ห้อ  และรถเองก็สามารถจะตอบสนองคุณด้วยเสียงผู้หญิงหรือเสียงผู้ชายก็ได้

ประเด็นชื่อสัตว์ทดลองในห้องวิจัยล้วนมีการถกเถียงอย่างกว้างขวางและอาจจะเข้มข้นขึ้นในอนาคต หากคุณเป็นนักวิจัยที่อ่านบทความนี้อยู่ คุณเรียกชื่อสัตว์ทดลองว่าอะไร แอบๆ เรียก หรือเรียกอย่างเปิดเผย หรือในท้ายที่สุด ความผูกพันของพวกเราเองก็ท้าทายความเที่ยงแท้ของวิทยาศาสตร์อยู่ตลอดเวลา

อ้างอิงข้อมูลจาก

American Association for Laboratory Animal Science www.aalas.org

Names give cows a lotta bottle www.ncl.ac.uk

 

Illustration by Kodchakorn Thammachart

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...