โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ไทยติดโผอันดับ 3 "ละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์" ธุรกิจ 469 ราย ถูกดำเนินคดี

Thaiware

อัพเดต 11 ก.พ. 2563 เวลา 09.00 น. • เผยแพร่ 11 ก.พ. 2563 เวลา 09.00 น. • Talil
ถกปัญหาการใช้ซอฟต์แวร์เถื่อนและแนวทางการรป้องกัน หลังไทยติดอันดับ 3 อาเซียน “ละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์” อาเซียน

เคลียให้ชัดทำไมต้องใส่ใจกับ "ลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์"

ซอฟต์แวร์ หรือ ชุดคำสั่งของระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูล ซอฟต์แวร์นั้นนอกจากจะสามารถใช้งานบนคอมพิวเตอร์ได้แล้ว ยังสามารถใช้งานบนเครื่องใช้ หรืออุปกรณ์อื่น เช่น โทรศัพท์มือถือ หรือหุ่นยนต์ในโรงงาน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ 

“ทำไมถึงใช้ซอฟต์แวร์เถื่อน"

ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ พ.ศ. 2558 ถึงปัจจุบันกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้พยายามบูรณาการให้เกิดความตระหนักเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ให้เกิดขึ้นทั้งภาครัฐ และเอกชน โดยเฉพาะเรื่องของทรัพสินย์ซอฟต์แวร์ ที่มีการจับมือร่วมกับ ‘BSA’ พันธมิตรซอฟต์แวร์ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก. ปอศ) ที่ดำเนินให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายและปราบปรามอย่างถึงที่สุด

อันที่จริงแล้วทุกคนอาจจะทราบดีว่าการใช้ซอฟต์แวร์เถื่อนเป็นเรื่องที่ผิด แต่คำถามคือ

“ทุกคนใส่ใจกับมันแค่ไหน”

ซึ่งน้อยคนนักที่จะทราบถึงความเสี่ยงของการโหลดซอฟต์แวร์เถื่อน โดยสาเหตุมักเกิดจาก

  • ของแท้มีราคาแพง และมีค่าใช้จ่ายสูง
  • ตัวสินค้าก็มีคุณภาพเทียบเท่าของจริง
  • แฮกเกอร์หลอกตัวเองว่าไม่ได้ผิด เพราะทำซ้ำมาเพื่อเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้คนอื่นได้ใช้เหมือนกัน 
  • กลไกในการบังคับใช้กฎหมายที่ยังไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร และการหาตัวผู้กระทำความผิดก็ทำได้ยากเช่นกัน

จากสาเหตุเหล่านี้ ทำให้การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์กลายเป็นเรื่องที่คนทั่วไปมักมองข้ามและยังส่งผลไปถึงทัศนคติของกลุ่มธุรกิจ ซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่มีการบริหารจัดการสินทรัพย์ซอฟต์แวร์ (Software Asset Management : SAM) เพราะ

  • ขาดความร่วมมือทางนโยบาย
  • ขาดคนมีความสามารถด้าน IT
  • ขาดการฝึกอบรมการจัดการกับลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์

ความเสี่ยงของการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ไม่ใช่แค่เรื่องกฎหมาย

ไทยติดโผอันดับ 3

บางคนเข้าใจว่าทุกวันนี้ความเสี่ยงจากการใช้ซอฟต์แวร์เถื่อนคือ “กฎหมาย” เพียงอย่างเดียว เพราะถ้ายังไม่ถูกจับได้ก็ไม่เป็นอะไร แต่นอกเหนือการถูกฟ้องร้องหรือถูกดำเนินคดีจากเจ้าของลิขสิทธิ์แล้วก็ยังมีความเสี่ยงอีกมาก ดังนั้นโปรดสำรวจตัวเองว่าคุณกำลังละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์อยู่หรือไม่ เพราะถ้าใช่ความเสี่ยงเหล่านี้กำลังจะเกิดขึ้นกับคุณในไม่ช้า

1.ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ถูกปรับสูงสุดถึง 800,000 บาท จำคุก 4 ปี ซึ่งเป็นโทษสูงสุดที่บัญญัติไว้ภายใต้พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 และพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558 

2.ถูกแฮ็กเกอร์ใช้เป็นช่องทางปล่อยมัลแวร์แฝงมาในซอฟต์แวร์เถื่อนสู่คอมพิวเตอร์ของคุณ เพื่อล้วงข้อมูลส่วนตัวของเรา

3.หากเกิดขึ้นในธุรกิจที่ติดตั้งของเถื่อนจากเว็บไซต์ นั่นหมายความว่า ความลับทางธุรกิจของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการค้า การเงิน โครงการต่างๆ อาจถูกแฮ็กเกอร์ล้วงความลับนำข้อมูลไปขาย

4.สูญเสียความเชื่อมั่น ความหมายคือ ผู้พัฒนาจะไม่เชื่อมั่น และไม่สนับสนุนการค้าซอฟต์แวร์ในประเทศไทย นั่นหมายถึง ธุรกิจหรือคนทั้งประเทศจะเสียโอกาสได้รับเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ซอฟต์แวร์ใหม่ เอไอ หรือ Internet of Things (IoT) 

( Internet of Things (IoT) คือ "อินเตอร์เน็ตในทุกสิ่ง" หมายถึง การที่อุปกรณ์ต่างๆ สิ่งต่างๆ ได้ถูกเชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างสู่โลกอินเตอร์เน็ต ทำให้มนุษย์สามารถสั่งการควบคุมการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เช่น การเปิด-ปิด อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า (การสั่งการเปิดไฟฟ้าภายในบ้านด้วยการเชื่อมต่ออุปกรณ์ควบคุม เช่น มือถือ ผ่านทางอินเตอร์เน็ต) รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องมือสื่อสาร เครื่องมือทางการเกษตร อาคาร บ้านเรือน เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เป็นต้น)

ไทยติดโผอันดับ 3 อาเซียน "ละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์"

ไทยติดโผอันดับ 3

นางสาวนุสรา กาญจนกูล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า อย่างที่ทราบดีว่าตอนนี้มีการพยายามบูรณาการหลายหน่วยงานเพื่อจัดการปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ ซึ่งได้จับเป็นพันธมิตรกับ ‘BSA’ และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ

โดย 'BSA' ได้จัดอันดับการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน และพบว่าไทยติดอันดับ 3 ที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์มากที่สุด คิดเป็น 66 % จากทั่วประเทศ เป็นรองเพียง อินโดนิเซีย และเวียดนามเท่านั้น 

ซอฟต์แวร์ที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์สูงสุดคือ 

1.ซอฟต์แวร์ประเภทออกแบบเขียนแบบที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต

2.ซอฟต์แวร์ออกแบบเขียนแบบด้านสถาปัตยกรรม

3.ซอฟต์แวร์ออกแบบเขียนแบบด้านวิศวกรรม

4.ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในสำนักงานตามลำดับ

ไทยติดโผอันดับ 3


ภาพจาก https://ww2.bsa.org/?sc_lang=th-TH

ทั้งนี้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจเองยังมีรายงานสรุปการปราบปรามดำเนินคดีในปี 2562 ผลคือมีการดำเนินคดีละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์กับองค์กรธุรกิจจำนวน 469 คดี มูลค่าความเสียหายมากกว่า 464 ล้านบาท ซึ่งยังมีอีกกว่า 100 บริษัทที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

ในจำนวนนี้กว่า 30 % เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง

ส่วนอันดับอุตสาหกรรมธุรกิจที่ถูกดำเนินคดีละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์

1.อุตสาหกรรมการผลิต (48%) 

2.อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (17%) 

3.อุตสาหกรรมออกแบบและตกแต่งภายใน (16%) 

4.ธุรกิจบริการ (10%) 

5.และอื่นๆ (9%) 

บางรายมีการพยายามประหยัดงบโดยการซื้อซอฟต์แวร์ผิดประเภท คือใช้ไลเซนส์สำหรับสถานศึกษา ที่มีราคาถูกกว่าไลเซนส์สำหรับธุรกิจ 

กฎหมายใหม่ ก้าวต่อไปของการคุ้มครองลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์

อย่างไรก็ตามการสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์อาจไม่ใช่แค่เพียงรณรงค์กับผู้กระทำผิดเท่านั้น แต่ภาครัฐก็ควรมีการผลักดันบางอย่าง ให้เกิดการพัฒนาด้วย เช่นสร้างบุคคลากรให้มีความเชี่ยวชาญมาทำงาน เพื่อช่วยในการสืบค้นหาหลักฐาน ปราบปรามเพื่อปกป้องสิทธิ์ของเจ้าของ หรือการออกกฎหมายที่รับรองการคุ้มครองลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์เพิ่มขึ้น 

ไทยติดโผอันดับ 3

ทั้งนี้ในปี พ.ศ. 2563 กรมทรัพย์สินทางปัญญากำลังเดินหน้าจัดทำคู่มือจัดซื้อลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในภาครัฐ และแก้ไขกฎหมายลิขสิทธิ์ให้ทันสมัยเพื่อรองรับการเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาลิขสิทธิ์ดิจิทัล (WCT) 

ซึ่งสถานะร่าง พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ใหม่ อยู่ระหว่างรอหนังสือให้ยืนยันร่างกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาจาก คณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อออกเป็นร่างกฎหมาย  คาดว่าออกได้ในปีนี้ ซึ่งจะเพิ่มเติมในด้าน

  • แก้ไขขยายอายุการคุ้มครองงานภาพถ่าย

  • แก้ไขข้อยกเว้นความรับผิดของผู้ให้บริการ

  • แก้ไขบทบัญญัติเกี่ยวกับการคุ้มครองมาตรการทางเทคโนโลยี

  • แก้ไขปรับปรุงความต่อเนื่องของการดำเนินงานของคณะกรรมการลิขสิทธิ์

รวมถึงปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการยกเว้นความรับผิดของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) โดยอาศัยความร่วมมือระหว่างเจ้าของลิขสิทธิ์และผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในการแจ้งเตือนการละเมิดลิขสิทธิ์และนำงานละเมิดลิขสิทธิ์ออกจากระบบ หรือที่เรียกว่าระบบ Notice and Takedown ที่ได้รับหลักการมาจาก Digital Millennium Copyright Act (DMCA) ของสหรัฐอเมริกา คือ การกำหนดกระบวนการในการให้เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถส่งคำแจ้งเตือน (Notice) ไปยังผู้ให้บริการได้โดยตรง เพื่อผู้ให้บริการนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ของตน (Takedown) ได้อย่างทันท่วงที โดยไม่ต้องยื่นคำร้องขอต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่ง ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถยับยั้งการละเมิดได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังกำหนดให้ผู้ใช้บริการ ซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ถูกกล่าวอ้างว่าละเมิดลิขสิทธิ์นั้น สามารถโต้แย้งการนำงานออกจากระบบได้ หากเห็นว่างานที่ตนนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ ไม่ใช่งานที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์

ทั้งหมดทั้งมวลนี้เกิดขึ้นโดยมีความคาดหวังว่าเมื่อมีการประชาสัมพันธ์ให้ตระหนักรู้ในวงกว้างแล้ว คนไทยจะช่วยกัน และลดปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วงสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ค้าและนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศได้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...