โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ละครไทยยุคใหม่ เมื่อตบตี-ชิงรักหักสวาทกำลังถูกท้าทาย

ประชาชาติธุรกิจ

เผยแพร่ 25 ต.ค. 2561 เวลา 12.27 น.

พิราภรณ์ วิทูรัตน์ : เรื่อง

ปรากฏการณ์ #ใครฆ่าประเสริฐ จากละคร “เลือดข้นคนจาง” สร้างความฮือฮาให้กับคอละครไทยเป็นวงกว้าง ทั้งพลอตเรื่อง การตัดต่อ มุมกล้อง ไปจนถึงการวางตัวนักแสดงที่ต่างประชันฝีมือกันอย่างคับคั่ง ชวนให้ผู้ชมติดตามและร่วมเป็นนักสืบไปกับตัวละครทุกสัปดาห์ ซึ่งนาน ๆ ทีเราจะเห็นละครน้ำดีที่สร้างปรากฏการณ์ในสังคม ทั้งในแง่คำชม กระแส เรตติ้งที่มีออกมาให้เห็นบ้างปีละสองสามเรื่องในช่วงหลังมานี้ถือว่าเป็นทิศทางใหม่ หรือ “ทางเลือก” ของผู้ชมละครไทย

เมื่อละครแบบเดิม ๆ กำลังถูกท้าทาย

เดิมทีละครไทยถูกมองว่า น้ำเน่า ซ้ำซาก วนเวียนอยู่กับเรื่องเดิม ๆ ด้วยความที่บทละครส่วนใหญ่พัฒนามาจากนวนิยายที่ให้น้ำหนักถึงความสัมพันธ์ของชาย-หญิง พ่อแง่แม่งอน และไต่ระดับความฮาร์ดคอร์ไปถึงพลอตนางเอกถูกพระเอกข่มเหง แต่ดันลงเอยด้วยการแต่งงานและอยู่กินกันแฮปปี้เอนดิ้ง

เมื่อมีละครมาตรฐานใหม่ ๆ ออกมา และได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ชม อย่างเช่น วัยแสบสาแหรกขาด, บุพเพสันนิวาส, พี่น้องลูกขนไก่ (Side by Side) และล่าสุดกับละครแนวสืบสวนสอบสวนเรื่อง เลือดข้นคนจาง จึงถือว่ากระแสละครผัว ๆ เมีย ๆ แบบเดิมถูกท้าทายไปในตัว

ความสำเร็จของบทละครยุคใหม่นำไปสู่การตั้งคำถามว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังกับการหันมาสรรค์สร้างบทละครที่สดใหม่ควบคู่กับการสอดแทรกข้อคิดและความรู้ให้คนดูมากกว่าการประโคมฉากพระนางล้มทับ นางร้ายวีนแตก หรือแม่ผัวจอมดูถูก

สารตั้งต้นของการทำละครคือ “ความบันเทิง”

เรามาย้อนทำความเข้าใจละครไทยที่ว่าน้ำเน่า ซ้ำซาก ไม่สร้างสรรค์สังคม ในประเด็นนี้ ผศ.ดร.จันทนี เจริญศรี อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นว่า เดิมละครไทยสร้างขึ้นมารองรับผู้ชมที่เป็นผู้หญิง จึงมักหยิบเรื่องใกล้ตัวที่ละครและคนดูสามารถเชื่อมโยงกันได้ง่าย อย่างความสัมพันธ์ในครอบครัว หรือเรื่องราวดราม่าระหว่างชาย-หญิง ต่างจากประเทศญี่ปุ่นที่มีการนำเสนอภาพชีวิตการทำงานค่อนข้างเยอะ สอดคล้องกับสภาพสังคมของแต่ละพื้นที่นั่นเอง

“จริง ๆ มีการพูดกันพอสมควรว่า เรามองพวกนี้เป็นมหรสพ คือ เป็นความบันเทิง แล้วเราก็ชอบให้เป็นเรื่องจริง แต่ขยายให้เว่อร์นิด ๆ ให้มันน่าจับตา แต่ไม่ได้ถึงกับห่างไกลจากชีวิตประจำวันขนาดนั้น ถ้านึกถึงละครแบบเดิมสมัยยังไม่มีแพลตฟอร์มดิจิทัล มันจะเป็นบริบทการกลับจากออฟฟิศมาที่บ้าน เนื้อหาจึงไม่หนัก ดูสบาย และเกินจริงเพื่อความบันเทิง”

คล้ายกับความเห็นของ ผศ.ดร.สุกัญญา สมไพบูลย์ อาจารย์หัวหน้าภาควิชาวาทวิทยาและสื่อสารการแสดง คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่บอกว่า วัตถุประสงค์การทำละครตั้งอยู่บนฐานของความบันเทิงเพื่อหลบหลีกความเหนื่อยจากการทำงานในแต่ละวัน การได้ดูฉากที่ตัวร้ายโดนตบหรือถูกลงโทษจากสังคมจึงทำให้ผู้ชมรู้สึกว่า นี่คือสิ่งที่คนชั่วสมควรได้รับ เช่นเดียวกับฉากรักกุ๊กกิ๊ก หรือพลอตเกินจริงชวนฝัน ก็พลอยให้คนดูรู้สึกผ่อนคลาย เกินเอื้อม และสบายตา

การผลิตซ้ำอคติผ่านละคร

หากพิจารณาดูดี ๆ จะพบว่า เนื้อหาความบันเทิงสไตล์ละครไทยมักจะมีการผลิตซ้ำหลายด้าน อาทิ ความรุนแรง ชาตินิยม การเหมารวม (stereotype) รวมไปถึงเรื่องเพศ

ผศ.ดร.จันทนีชวนให้นึกภาพกว้างของละครไทยว่า เนื้อหาส่วนใหญ่มีการผลิตซ้ำอคติทางเพศพอสมควร ทั้งความสัมพันธ์ชาย-หญิง และการสถาปนาชายเป็นใหญ่ ที่มักจะใส่พลอตที่ชูตัวพระหรือผู้ชายในลักษณะ “โทรฟี่” ที่ผู้หญิงต้องแข่งขันเพื่อเอาชนะใจชาย ขณะที่พระเอกอาจจะไม่ได้มีแคแร็กเตอร์

น่าสนใจ ไม่มีบทบาทในการชิงไหวชิงพริบ หรือแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ดี แต่เพราะรูปหล่อ ชาติตระกูลดี จึงตกเป็นที่หมายปองของสาว ๆ

“ถ้าสังเกตดูจะไม่ค่อยมีพลอตผู้หญิงรวย ๆ คู่กับผู้ชายจน หรือถ้ามีต้องมีแม่ที่ออกมาด่าลูกว่า ไม่ได้เลี้ยงมาให้โง่ แม้ทางสังคมวิทยาจะบอกว่า จริง ๆ แล้วชายไม่ได้เป็นใหญ่ ทางอีสานผู้หญิงเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจ แต่เมื่อศึกษาลงไปแล้วก็พบว่า การเป็นผู้รับผิดชอบทางเศรษฐกิจอาจจะไม่ได้ใหญ่สุด ผู้หญิงจัดการการใช้จ่าย แต่ก็เพื่อจะรองรับความต้องการของใครหรือเปล่า บางบ้านผู้หญิงถือเงิน แต่ผู้ชายเป็นคนบอกว่าจะเอาอะไรบ้าง เหมือนเป็นเหรัญญิกมากกว่า ต้องแบกรับความรับผิดชอบทำทุกอย่างในบ้านให้ครอบครัวมีความสุข”

แม้ว่าบทบาทของผู้หญิงยุคใหม่จะเปลี่ยนไป แต่ละครกลับสร้างภาพหญิงสาวที่ต้องมีความสามารถในการบาลานซ์งานนอกบ้านและงานในบ้านให้ดีทั้งสองด้าน ส่วนตัวละครผู้ชายกลับถูกฉายภาพไม่ต่างจากเดิมที่ยังคงคอนเซ็ปต์ หล่อ-รวย-ชาติตระกูลดีแต่สิ่งที่ผู้จัดละครไทยเริ่มปรับให้เข้ารูปเข้ารอยยิ่งขึ้นก็คือ ภาพลักษณ์ของเพศที่สาม เดิมมีการฉายภาพ

“ตุ๊ดตลก” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนช่วงหลังเกิดกระแสตื่นตัวจากศิลปิน-นักแสดงเพศที่สามออกมาให้ความเห็นว่า การนำเสนอคอนเทนต์ลักษณะนี้คล้ายกับเป็นการยัดเยียดนิยามของพวกเขาว่าจะต้องเป็นคนตลกอยู่เสมอ ในความเป็นจริง ตุ๊ด เกย์ หรือกะเทยก็มีหลายโหมด หลากอารมณ์เหมือนกับชายหญิงทั่วไปเช่นกัน

ละครดีไม่มีสูตรสำเร็จ แต่ต้องเกิดจากทีมเวิร์ก

ท่ามกลางภาพรวมวงการละครไทยที่ยังไม่หนีจากเนื้อเรื่องและมาตรฐานเดิม ๆ นัก แต่อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า นาน ๆ ทีก็มีละครบางเรื่องที่เกินค่าเฉลี่ยอยู่บ้าง อย่างเช่น บุพเพสันนิวาส ที่ทั้งสนุกและมีสาระ แสดงให้เห็นว่าละครสร้างสรรค์ก็สนุกได้

ผศ.ดร.จันทนีถอดบทเรียนจากบุพเพสันนิวาสว่า หลังจากเรื่องนี้มีหลายค่ายผู้จัดที่พยายามเลียนแบบนำบทประพันธ์อิงประวัติศาสตร์มาสร้างละครพอสมควร ซึ่งอันที่จริงการทำละครไม่มีสูตรสำเร็จ แต่ต้องคิดว่าทำอย่างไรให้ตอบโจทย์คนดูในยุคนี้ได้มากที่สุด อาจารย์มองว่าละครในยุคนี้ต้องเป็นความแปลกใหม่ที่ถูกที่ ถูกเวลา ร่วมกับการประชาสัมพันธ์ กระแส เคมีนักแสดง และการดึงประวัติศาสตร์ที่เข้มข้นมาร้อยเรียงให้ง่ายต่อการเข้าถึงผู้ชม

ส่วน ผศ.ดร.สุกัญญากล่าวว่า กระบวนการผลิตเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ใช่แค่ภาพสวย นักแสดงชื่อดัง หรือคู่จิ้นแล้วจะขายได้ เพราะปัจจุบันอัตราการแข่งขันในวงการโทรทัศน์สูงมาก ทั้งช่องทีวีดิจิทัลและการรับชมผ่านแอปพลิเคชั่น ค่ายผู้จัดต้องมีความประณีตตั้งแต่ขั้นตอนการเขียนบท ตัดต่อ

เลือกมุมกล้อง การคัดเลือกนักแสดง (แคสติ้ง) และการฝึกสอนนักแสดงอย่างเอาจริงเอาจัง เมื่อนำทุกอย่างมารวมกันจะทำให้ละครกลมขึ้น เป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น

“บุพเพสันนิวาส ได้รับคำชมเยอะมากว่ามีความสมจริง และให้ความรู้ด้านการแพทย์ เรื่องบาปรัก ก็มีการนำข้อกฎหมายมาคุยกัน หรือเรื่อง พรหมไม่ได้ลิขิต เห็นว่านางเอกที่เล่นเป็นพยาบาล ต้องไปเรียนรู้การทำงานของพยาบาลหน้างานจริง ๆ กระบวนการพวกนี้มันแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและการเก็บรายละเอียดทุกเม็ด”

ทิศทางของละครไทยที่เปลี่ยนไป

จากกระแสละครมาแรง “เลือดข้นคนจาง” นับเป็นอีกก้าวสำคัญของวงการละครไทย ผศ.ดร.สุกัญญามองว่า นี่เป็นอีกตัวอย่างให้กับผู้จัดค่ายอื่น ๆ ได้กล้าออกมาทำสิ่งใหม่ ๆ นอกจากจะสร้างความบันเทิงชวนติดตามให้คนดูแล้ว อาจารย์ยังเล่าอีกว่า ทางคณะนิติศาสตร์มีการหยิบบางช่วงบางตอนของละครเรื่องนี้มาใช้เป็น case study ให้นักศึกษาดูวิธีการสืบสวนคดี หรือจุดเล็กจุดน้อยที่ต้องพึงสังเกต ละครจึงไม่ใช่สื่อเพื่อความบันเทิงเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป

“เรื่องอื่น ๆ ที่เราเห็นพัฒนาการอีกก็อย่าง ‘เมีย 2018’ ที่สอดแทรกเรื่องครอบครัวไปด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องผัวเมีย พวกวาทกรรมจากวรรณคดีผู้ชายเมียเยอะแล้วเท่ มันก็ยังฝังอยู่ แต่ก็รู้สึกว่าดีขึ้น เดี๋ยวนี้ไม่มีการพูดว่า ผู้หญิงที่ดีต้องบริสุทธิ์แล้ว สไตล์ดาวพระศุกร์ก็โดนตัดออกไป หรือเรื่อง ‘เหมือนคนละฟากฟ้า’ ก็ไม่มีใครตบกัน นางเอกใช้วิธีโต้ตอบด้วยวาจาโดยไม่มีคำหยาบ มันทำให้ละครดูแพง”

ตรงกับที่ ผศ.ดร.จันทนี ยกตัวอย่างงานวิจัยของนักศึกษาภาควิชาว่า มีการนำละคร “แรงเงา” สองเวอร์ชั่นมาเปรียบเทียบและพบว่า เวอร์ชั่นใหม่ นางเอกเป็นผู้ถูกกระทำน้อยลง เพราะคนดูจะไม่ค่อยทนกับนางเอกที่ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว

แต่ในส่วนของฉากรักกุ๊กกิ๊ก ผศ.ดร.สุกัญญาเห็นว่า ยังต้องมีอยู่ และไม่เพียงแต่ละครบ้านเราเท่านั้น ซีรีส์จากต่างประเทศทุกแนวล้วนต้องสอดแทรกตรงนี้ไว้เสมอ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างชาย-หญิงเป็นสิ่งที่ยึดโยงกับคนดูได้ง่ายที่สุด

“สุดท้ายมันยังต้องมีเรื่องรักอยู่บ้าง หลายคนที่หนีไปดูซีรีส์ต่างประเทศก็เพราะไม่ชอบตรงนี้ แต่ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไปทั้งหมด ผู้จัดเขาก็รู้ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนบริบทรอบข้างให้สมจริงขึ้น ลดความรุนแรงพวกฉากตบตีลง แสดงถึงความฉลาดและความเท่าทันของตัวละคร” ผศ.ดร.สุกัญญากล่าว

แม้ว่ากระแสละครมาตรฐานใหม่จะเป็นความท้าทายสำหรับผู้ผลิตละครแบบเดิม แต่จากเรตติ้งที่ผ่านมาพบว่า ละครแนวตบตี-นางร้ายด่ากราด-พระเอกมากชู้ ยังได้รับความนิยมไม่น้อยไปกว่าเก่า สะท้อนให้เห็นตามที่ ผศ.ดร.สุกัญญาบอกว่า “มันมีที่มาที่ไปทั้งหมด ผู้จัดเขาก็รู้”

ฟังแล้วเหมือนจะเป็นคำตอบว่าทิศทางละครไทยในอนาคตจะเป็นอย่างไร ในเมื่อผู้จัดละครรู้หมดทุกอย่าง และมองเห็นความท้าทายแล้วด้วย

เขาจำเป็นต้องปรับต้องเปลี่ยนหรือไม่ ในเมื่อตลาดคนดูกลุ่มเดิมก็ยังมากพอ?

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...