โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

‘จุรินทร์’ ประเดิมลงนาม Mini FTA ไทย-เตลังคานา บุกตลาดเมืองรองอินเดีย ต่อเนื่อง

The Reporters

อัพเดต 11 เม.ย. 2565 เวลา 08.25 น. • เผยแพร่ 11 เม.ย. 2565 เวลา 08.25 น.

วันนี้ (11 เม.ย. 65) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดงานพร้อมร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ รูปแบบออนไลน์ระหว่างกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ รัฐเตลังคานา สาธารณรัฐอินเดีย พร้อมด้วยนายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ณ ห้องบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยอีกฝ่ายเป็นกระทรวงอุตสาหกรรม และพาณิชย์ รัฐเตลังคานา สาธารณรัฐอินเดีย โดยเป็นภารกิจผ่านออนไลน์ด้วยระบบ Zoom Conference

นายจุรินทร์ กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า ไทยและอินเดียมีความผูกพันเชื่อมโยงกัน อย่างแนบแน่นในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าด้านประวัติศาสตร์ ศาสนา วรรณกรรม วัฒนธรรมและธรรมเนียมปฏิบัติด้านเศรษฐกิจ อินเดีย เป็นหนึ่งในพันธมิตรทางการค้า ที่สําคัญยิ่งของไทย ด้วยขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็น อันดับ 6 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น เยอรมนี และสหราชอาณาจักร และจํานวนประชากรกว่า 1,300 ล้านคน อินเดียเป็นประเทศคู่ค้าสําคัญอันดับที่ 11 ของไทย และเป็นประเทศคู่ค้า อันดับที่ 1 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ ขณะที่ไทยเป็นประเทศคู่ค้าอันดับที่ 4 ของอินเดียในภูมิภาคอาเซียน โดยในปี พ.ศ. 2564 การค้าระหว่างไทยและอินเดียมีมูลค่า 14,940 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 474,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 52.52 จากปีก่อน

ตนเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าความสัมพันธ์ ด้านการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและอินเดียยังคงมีศักยภาพ และโอกาสที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นได้อีกมากภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น

ก่อนที่จะเกิดสถานการณ์การแพร่ ระบาดของโควิด-19 ตนได้นําคณะผู้แทนการค้าของไทย เยือนอินเดีย รวม 2 ที่เมืองมุมไบและเมืองเจนไน และครั้งที่ 2 ที่เมืองเบงการูลู และเมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ตนให้ความสําคัญกับการเสริมสร้างและพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เชิงเศรษฐกิจระหว่างไทยและอินเดียมากเพียงใด โดยเฉพาะการเดินทางเยือนอินเดียครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2563 ได้มีโอกาสเยือนเมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานาเป็นครั้งแรก และประทับใจ ถึงการพัฒนาเมืองใหม่ การเข้ามาลงทุนของบริษัทต่างชาติที่มีชื่อเสียง รวมถึงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และสาธารณูปโภคที่ทันสมัย ถึงภาพลักษณ์ของอินเดียยุคใหม่ ตลอดจนการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมไอที และอุตสาหกรรมยาของอินเดีย จนได้รับการขนานนามว่า “ไซเบอราบัด”และ “จีโนมวัลเลย์”

และสิ่งพิเศษที่สุดได้มีโอกาสพบกับท่านรัฐมนตรี KTR ของรัฐเตลังคานาเป็น ครั้งแรก เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2563 โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันว่า ไทยและอินเดียควรพิจารณาจัดทําข้อตกลงการค้าเชิงลึกระหว่างกันมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ไทย-อินเดีย และอาเซียน- อินเดีย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องการขยาย ความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับรัฐบาลระดับรัฐ มณฑล หรือเมืองรองของประเทศคู่ค้า

โดยทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งหวังให้เกิดการอํานวยความสะดวกด้านการค้า และการลงทุนระหว่างไทยและรัฐเตลังคานา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การให้สิทธิ ประโยชน์ด้านการลงทุนต่าง ๆ กรณีนักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรม เป้าหมายของรัฐเตลังคานา อาทิ การแปรรูปอาหาร เฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น

การแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพผ่านศูนย์บ่มเพาะธุรกิจและระบบนิเวศด้านนวัตกรรม เพื่อการพัฒนาสตาร์ทอัพของรัฐเตลังคานา ที่มีชื่อว่า “T-Hub” ซึ่งจะเป็นโอกาสอันดีของไทยในการเรียนรู้ เพื่อนํามาพัฒนาศักยภาพของ สตาร์ทอัพไทยให้เติบโตและแข่งขันในระดับสากลตลอดจนการเชื่อมโยงแพลตฟอร์มดิจิทัล “Thaitrade.com” ของไทยเข้ากับ Telangana State GlobalLinker”ของรัฐเตลังคานา เพื่อขยายเครือข่ายธุรกิจของแต่ละฝ่ายได้มากยิ่งขึ้น

"การลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ ถือเป็นการลงนามครั้ง ประวัติศาสตร์ระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับรัฐบาลระดับรัฐของอินเดียเป็น ครั้งแรก ขณะนี้ กําลังมีการจัดโครงการส่งเสริม การจําหน่ายสินค้าไทยร่วมกับซูเปอร์มาร์เก็ตรีไลแอนซ์ ที่เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา รวม 17 สาขา ซึ่งถือได้ว่าเป็นการประเดิมการดําเนินความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ นอกจากนี้ การจัดพิธีลงนาม MOU ในวันนี้ ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมพิเศษเพื่อร่วมเฉลิมฉลองวาระสําคัญแห่งการครบรอบ 75 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-อินเดียในปีนี้ด้วย" รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว

ทางด้านอินเดีย นายคาลวากุลท์ลา ทารากา รามา เรา รัฐมนตรีบริหารเทศกิจ พัฒนาชุมชนเมือง อุตสาหกรรม เทคโนโลยี สารสนเทศและพาณิชย์ (KTR)รัฐเตลังคานา ผู้แทนรัฐบาลเตลังคานา สาธารณรัฐอินเดีย กล่าวว่า
ตนยังคงจำเหตุการณ์เมื่อ 2 ปีที่แล้วก่อนที่พวกเราจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในครั้งนั้น รัฐเตลังคานาได้รับเกียรติจากการเดินทางเยือนอย่างเป็นทางการของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทย โดยในช่วงการเดินทางเยือนเมืองไฮเดอราบัดเมื่อเดือนมกราคม 2563 ท่านจุรินทร์และตนได้หารือร่วมกันอย่างบังเกิดผลสำเร็จถึงแนวทางที่เป็นไปได้ในการขยายความร่วมมือและการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและรัฐเตลังคานา ตนมีความดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ในที่สุด พวกเราได้เดินทางมาถึงวันนี้ที่การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลของทั้งสองฝ่ายกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ตนสามารถยืนยันแก่ทุกท่านได้ว่า ความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ครอบคลุมแทบทุกสาขา นับตั้งแต่การลงทุนจนถึงแพลตพอร์มต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งจะมีส่วนต่อการพัฒนาและการเจริญเติบโตของบริษัทไทยที่วางแผนเข้ามาลงทุนในรัฐเตลังคานา

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยยังจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่เสนอให้โดยรัฐเตลังคานา อาทิ การอำนวยความสะดวกให้ได้รับอนุมัติจัดตั้งธุรกิจในรัฐเตลังคานาอย่างรวดเร็ว รวมถึงความช่วยเหลือในการจัดหาแรงงานและการจัดซื้อจัดจ้างสำหรับภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการบริการ  ในนามของรัฐบาลเตลังคานา ตนมีความเชื่อมั่นว่าบันทึกความเข้าใจฉบับนี้จะเป็นแรงผลักดันสำหรับความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างทั้งสองรัฐบาลในอนาคต อันจะนำมาซึ่งการขยายตัวอย่างยั่งยืนของการค้าทวิภาคีระหว่างประเทศอันเป็นที่รักของเราทั้งสองประเทศในระยะยาวสืบไป

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...