โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

อนาคตอุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมัน จะหลับหรือกลับมาได้ ตัดสินกันในปี 2025

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 11 ม.ค. เวลา 06.26 น. • เผยแพร่ 09 ม.ค. เวลา 15.14 น.
โรงงานแห่งหนึ่งของโฟล์คสวาเกนในเยอรมนี (ภาพโดย AFP)

อุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมันเผยความอ่อนแออย่างชัดเจนในปี 2024 จากกรณีที่ โฟล์คสวาเกน (Volkswagen) กลุ่มธุรกิจรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมนีและใหญ่ที่สุดในยุโรป ประกาศว่าพิจารณาจะปิดโรงงานจำนวนหนึ่งในเยอรมนี ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ 87 ปีของบริษัท แม้ว่าในที่สุดตกลงกันได้ว่าจะไม่ปิดโรงงาน แต่ก็จะต้องเลิกจ้างคนงาน 35,000 ตำแหน่งภายในปี 2030

นอกจากนั้น ผู้ผลิตรถยนต์อีกหลายรายเตรียมที่จะเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก อาวดี้ (Audi) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของโฟล์คสวาเกนวางแผนจะยุติการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่โรงงานในเบลเยียมทั้งหมดภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2025 นี้ ฝั่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) และปอร์เช่ (Porsche) ประกาศจะเพิ่มมาตรการลดต้นทุน เพราะกำไรในตลาดจีนลดลง

ความอ่อนแอเหล่านั้นส่งผลให้ปี 2025 นี้ เป็นปีที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมัน ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศเยอรมนี เป็นอุตสาหกรรมที่ทำเงินมากที่สุดของประเทศ และมีการจ้างงานมากเป็นอันดับ 2 เป็นรองเพียงอุตสาหกรรมวิศวกรรมเครื่องกล

ในช่วงการก้าวเข้าสู่ปี 2025 ดอยเชอเวลเลอ (DW) สื่อดังในเยอรมนีได้สัมภาษณ์ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและองค์กรอุตสาหกรรมรถยนต์ในเยอรมนี ได้ข้อสรุปว่า ปี 2025 เป็นปีแห่งการตัดสินอนาคตของอุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมัน หากไม่เร่งแก้ไขอุปสรรคปัญหาและปรับปรุงความสามารถการแข่งขันให้ทัน อุตสาหกรรมรถยนต์และเศรษฐกิจของเยอรมนีจะแย่หนักไปกว่านี้ และแน่นอนว่ามันจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ

การศึกษาโพรกโนส (Prognos) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยเศรษฐกิจในสวิตเซอร์แลนด์ระบุว่า หากแนวโน้มที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน –คืออุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมันแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้– ยังคงดำเนินต่อไป ในปี 2035 ตำแหน่งงานในอุตสาหกรรมรถยนต์ของเยอรมนีจะหายไป 186,000 ตำแหน่ง เมื่อเทียบกับปี 2019

ข้อมูลที่เผยแพร่โดยสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์เยอรมัน (VDA) ระบุว่า อุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมันเฉพาะภาคการผลิต ไม่รวมการจ้างงานที่อุตสาหกรรมต้นน้ำและปลายน้ำ มีการจ้างงาน 833,000 คนในปี 2019

โฆษกของ VDA อ้างถึงการศึกษาของโพรกโนสว่า ระหว่างปี 2019 ถึง 2023 อุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมันสูญเสียตำแหน่งงานไปแล้วประมาณ 46,000 ตำแหน่ง และอีก 140,000 ตำแหน่ง มีแนวโน้มที่จะหายไปภายในปี 2035

แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญหลายความเห็นมองตรงกันว่า อุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมันต้องแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน แต่ถ้าพูดถึงสาเหตุของปัญหา พวกเขาก็มองต่างกันอยู่พอสมควร

สเตฟาน บราตเซล(Stefan Bratzel) ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์การจัดการยานยนต์ (Center of Automotive Management) วิเคราะห์ว่า วิกฤตของอุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมันเป็นผลจากปัญหาหลายอย่างรวมกัน เรียกว่าเป็น “วิกฤตซ้อนวิกฤตของเยอรมัน” (German Polycrisis) ทั้งความล้าหลังในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ สภาพแวดล้อมการแข่งขันรูปแบบใหม่ในอุตสาหกรรมซึ่งมีความท้าทายหลายอย่าง ประกอบกับต้นทุนด้านแรงงานที่สูง ทั้งค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพคนงาน และการมีวันหยุดพักร้อนที่ยาวนาน ซึ่งเป็นสิทธิพิเศษที่แรงงานชาวเยอรมันมีเหนือแรงงานในประเทศอื่น

ขณะที่ โฆษกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์เยอรมัน (VDA) โทษว่าความยากลำบากของอุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมันส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลยุติการอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างกะทันหันเมื่อเดือนธันวาคม 2023 และสถานีชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามีไม่เพียงพอ ทำให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าลดลงและส่งผลต่อสถานการณ์โดยรวมของอุตสาหกรรม

เฟอร์ดินันด์ ดูเดนฮอฟเฟอร์ (Ferdinand Dudenhöffer) จากศูนย์วิจัยยานยนต์ (Center for Automotive Research) ในเยอรมนีก็มีมุมมองตรงกัน โดยเขาวิพากษ์วิจารณ์นักการเมืองที่ส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกันเอง “ช่วงหนึ่งพวกเขาต้องการรถยนต์ไฟฟ้า แต่ต่อมาพวกเขากำลังส่งเสริมรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน ซึ่งทำให้ผู้คนสับสน”

ด้าน แฟรงก์ ชโวป (Frank Schwope) อาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ยานยนต์ของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ประยุกต์เพื่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (University of Applied Sciences for SMEs : FHM) ในเยอรมนีมองว่า ผู้บริหารบริษัทรถยนต์หลายรายผิดพลาดเองที่ไม่มองและไม่ปรับตัวตามความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมาแล้วหลายปี

เมื่อมองถึงอนาคตของอุตสาหกรรม โฆษก VDA เรียกร้องให้ภาคการเมืองดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อบรรเทาปัญหาของอุตสาหกรรม ซึ่งจะต้องรวมถึงการลดกฎระเบียบและขั้นตอนการดำเนินงานของภาครัฐ การทำข้อตกลงทางการค้ามากขึ้น ปรับปรุงระบบภาษีให้แข่งขันได้มากขึ้น

ขณะที่ สเตฟาน บราตเซล เชื่อว่าปี 2025 จะเป็นปีสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ของเยอรมนีในการพยายามตามให้ทันพัฒนาการของโลก ไม่ใช่แค่ในแง่ของการปรับปรุงกฎระเบียบเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการดำเนินการที่สร้างสรรค์และกล้าหาญของฝ่ายบริหารด้วย

“รถยนต์สัญชาติเยอรมันต้องมีนวัตกรรมอย่างน้อยก็ให้เหมาะสมกับที่มีราคาแพง” บราตเซลกล่าว

นอกจากนั้น บราตเซลเตือนด้วยว่า ถึงแม้ว่าผู้กำหนดนโยบายจะสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยมากขึ้น และผู้ผลิตรถยนต์ของเยอรมนีสามารถกลับมาแข่งขันได้อีกครั้ง แต่การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมันก็ยังจะต้องใช้เวลา

“อีกสองถึงสามปีข้างหน้าจะเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ ซึ่งต้องแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างหลายอย่างพร้อมกัน อย่างน้อย ๆ ตอนนี้การเมืองก็ตระหนักถึงวิกฤตซ้อนวิกฤตของเยอรมนีแล้ว” บราตเซล ผู้เชี่ยวชาญอุตสาหกรรมรถยนต์กล่าว

ส่วน เดิร์กโดห์เซ่ (Dirk Dohse) จากสถาบันคีล (Kiel Institute for the World Economy: IfW) ผู้ซึ่งเชื่อมั่นว่านักพัฒนาและวิศวกรชาวเยอรมันยังคงอยู่ในระดับชั้นนำของโลก คาดว่า ในปี 2025 สถานการณ์ของอุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมันอาจแย่ลงอีก แล้วจะดีขึ้นในปีต่อ ๆ ไป หากวางทิศทางอนาคตได้ถูกทิศถูกทาง

“ผมคิดว่าปี 2025 จะเป็นปีที่ยากลำบากมากสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ของเยอรมนี และจะเป็นปีที่การกำหนดแนวทางอนาคตให้ถูกต้องจะเป็นสิ่งสำคัญ” โดห์เซ่เป็นอีกคนที่สรุปว่าปี 2025 เป็นปีแห่งการชี้ชะตา-ตัดสินอนาคตอุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมัน

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : อนาคตอุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมัน จะหลับหรือกลับมาได้ ตัดสินกันในปี 2025

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...