อนาคตอุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมัน จะหลับหรือกลับมาได้ ตัดสินกันในปี 2025
อุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมันเผยความอ่อนแออย่างชัดเจนในปี 2024 จากกรณีที่ โฟล์คสวาเกน (Volkswagen) กลุ่มธุรกิจรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมนีและใหญ่ที่สุดในยุโรป ประกาศว่าพิจารณาจะปิดโรงงานจำนวนหนึ่งในเยอรมนี ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ 87 ปีของบริษัท แม้ว่าในที่สุดตกลงกันได้ว่าจะไม่ปิดโรงงาน แต่ก็จะต้องเลิกจ้างคนงาน 35,000 ตำแหน่งภายในปี 2030
นอกจากนั้น ผู้ผลิตรถยนต์อีกหลายรายเตรียมที่จะเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก อาวดี้ (Audi) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของโฟล์คสวาเกนวางแผนจะยุติการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่โรงงานในเบลเยียมทั้งหมดภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2025 นี้ ฝั่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) และปอร์เช่ (Porsche) ประกาศจะเพิ่มมาตรการลดต้นทุน เพราะกำไรในตลาดจีนลดลง
ความอ่อนแอเหล่านั้นส่งผลให้ปี 2025 นี้ เป็นปีที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมัน ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศเยอรมนี เป็นอุตสาหกรรมที่ทำเงินมากที่สุดของประเทศ และมีการจ้างงานมากเป็นอันดับ 2 เป็นรองเพียงอุตสาหกรรมวิศวกรรมเครื่องกล
ในช่วงการก้าวเข้าสู่ปี 2025 ดอยเชอเวลเลอ (DW) สื่อดังในเยอรมนีได้สัมภาษณ์ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและองค์กรอุตสาหกรรมรถยนต์ในเยอรมนี ได้ข้อสรุปว่า ปี 2025 เป็นปีแห่งการตัดสินอนาคตของอุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมัน หากไม่เร่งแก้ไขอุปสรรคปัญหาและปรับปรุงความสามารถการแข่งขันให้ทัน อุตสาหกรรมรถยนต์และเศรษฐกิจของเยอรมนีจะแย่หนักไปกว่านี้ และแน่นอนว่ามันจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ
การศึกษาโพรกโนส (Prognos) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยเศรษฐกิจในสวิตเซอร์แลนด์ระบุว่า หากแนวโน้มที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน –คืออุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมันแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้– ยังคงดำเนินต่อไป ในปี 2035 ตำแหน่งงานในอุตสาหกรรมรถยนต์ของเยอรมนีจะหายไป 186,000 ตำแหน่ง เมื่อเทียบกับปี 2019
ข้อมูลที่เผยแพร่โดยสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์เยอรมัน (VDA) ระบุว่า อุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมันเฉพาะภาคการผลิต ไม่รวมการจ้างงานที่อุตสาหกรรมต้นน้ำและปลายน้ำ มีการจ้างงาน 833,000 คนในปี 2019
โฆษกของ VDA อ้างถึงการศึกษาของโพรกโนสว่า ระหว่างปี 2019 ถึง 2023 อุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมันสูญเสียตำแหน่งงานไปแล้วประมาณ 46,000 ตำแหน่ง และอีก 140,000 ตำแหน่ง มีแนวโน้มที่จะหายไปภายในปี 2035
แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญหลายความเห็นมองตรงกันว่า อุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมันต้องแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน แต่ถ้าพูดถึงสาเหตุของปัญหา พวกเขาก็มองต่างกันอยู่พอสมควร
สเตฟาน บราตเซล(Stefan Bratzel) ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์การจัดการยานยนต์ (Center of Automotive Management) วิเคราะห์ว่า วิกฤตของอุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมันเป็นผลจากปัญหาหลายอย่างรวมกัน เรียกว่าเป็น “วิกฤตซ้อนวิกฤตของเยอรมัน” (German Polycrisis) ทั้งความล้าหลังในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ สภาพแวดล้อมการแข่งขันรูปแบบใหม่ในอุตสาหกรรมซึ่งมีความท้าทายหลายอย่าง ประกอบกับต้นทุนด้านแรงงานที่สูง ทั้งค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพคนงาน และการมีวันหยุดพักร้อนที่ยาวนาน ซึ่งเป็นสิทธิพิเศษที่แรงงานชาวเยอรมันมีเหนือแรงงานในประเทศอื่น
ขณะที่ โฆษกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์เยอรมัน (VDA) โทษว่าความยากลำบากของอุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมันส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลยุติการอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างกะทันหันเมื่อเดือนธันวาคม 2023 และสถานีชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามีไม่เพียงพอ ทำให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าลดลงและส่งผลต่อสถานการณ์โดยรวมของอุตสาหกรรม
เฟอร์ดินันด์ ดูเดนฮอฟเฟอร์ (Ferdinand Dudenhöffer) จากศูนย์วิจัยยานยนต์ (Center for Automotive Research) ในเยอรมนีก็มีมุมมองตรงกัน โดยเขาวิพากษ์วิจารณ์นักการเมืองที่ส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกันเอง “ช่วงหนึ่งพวกเขาต้องการรถยนต์ไฟฟ้า แต่ต่อมาพวกเขากำลังส่งเสริมรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน ซึ่งทำให้ผู้คนสับสน”
ด้าน แฟรงก์ ชโวป (Frank Schwope) อาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ยานยนต์ของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ประยุกต์เพื่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (University of Applied Sciences for SMEs : FHM) ในเยอรมนีมองว่า ผู้บริหารบริษัทรถยนต์หลายรายผิดพลาดเองที่ไม่มองและไม่ปรับตัวตามความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมาแล้วหลายปี
เมื่อมองถึงอนาคตของอุตสาหกรรม โฆษก VDA เรียกร้องให้ภาคการเมืองดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อบรรเทาปัญหาของอุตสาหกรรม ซึ่งจะต้องรวมถึงการลดกฎระเบียบและขั้นตอนการดำเนินงานของภาครัฐ การทำข้อตกลงทางการค้ามากขึ้น ปรับปรุงระบบภาษีให้แข่งขันได้มากขึ้น
ขณะที่ สเตฟาน บราตเซล เชื่อว่าปี 2025 จะเป็นปีสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ของเยอรมนีในการพยายามตามให้ทันพัฒนาการของโลก ไม่ใช่แค่ในแง่ของการปรับปรุงกฎระเบียบเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการดำเนินการที่สร้างสรรค์และกล้าหาญของฝ่ายบริหารด้วย
“รถยนต์สัญชาติเยอรมันต้องมีนวัตกรรมอย่างน้อยก็ให้เหมาะสมกับที่มีราคาแพง” บราตเซลกล่าว
นอกจากนั้น บราตเซลเตือนด้วยว่า ถึงแม้ว่าผู้กำหนดนโยบายจะสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยมากขึ้น และผู้ผลิตรถยนต์ของเยอรมนีสามารถกลับมาแข่งขันได้อีกครั้ง แต่การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมันก็ยังจะต้องใช้เวลา
“อีกสองถึงสามปีข้างหน้าจะเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ ซึ่งต้องแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างหลายอย่างพร้อมกัน อย่างน้อย ๆ ตอนนี้การเมืองก็ตระหนักถึงวิกฤตซ้อนวิกฤตของเยอรมนีแล้ว” บราตเซล ผู้เชี่ยวชาญอุตสาหกรรมรถยนต์กล่าว
ส่วน เดิร์กโดห์เซ่ (Dirk Dohse) จากสถาบันคีล (Kiel Institute for the World Economy: IfW) ผู้ซึ่งเชื่อมั่นว่านักพัฒนาและวิศวกรชาวเยอรมันยังคงอยู่ในระดับชั้นนำของโลก คาดว่า ในปี 2025 สถานการณ์ของอุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมันอาจแย่ลงอีก แล้วจะดีขึ้นในปีต่อ ๆ ไป หากวางทิศทางอนาคตได้ถูกทิศถูกทาง
“ผมคิดว่าปี 2025 จะเป็นปีที่ยากลำบากมากสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ของเยอรมนี และจะเป็นปีที่การกำหนดแนวทางอนาคตให้ถูกต้องจะเป็นสิ่งสำคัญ” โดห์เซ่เป็นอีกคนที่สรุปว่าปี 2025 เป็นปีแห่งการชี้ชะตา-ตัดสินอนาคตอุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมัน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : อนาคตอุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมัน จะหลับหรือกลับมาได้ ตัดสินกันในปี 2025
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net