ฉันขออยู่อย่างสวย ๆ และรวยมาก
<h2 style='display: flex; justify-content: center;'>ข้อมูลเบื้องต้น</h2><p style="text-align:center;">ทักทาย</p><p class="indent-a"><span style="color:black;">สวัสดีค่ะ นักอ่านที่น่ารักทุกท่าน นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ชื่อสถานที่ รวมถึงตัวบุคคลเป็นเรื่องสมมุติขึ้นมาทั้งสิ้น ดังนั้นหากมีข้อผิดพลาดประการใดผู้เขียนขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ</span></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><span style="color:black;">ด้วยรักและขอบคุณ</span></p><p style="text-align:center;" class="indent-a"><span style="color:black;">กัญญ์ญาภัค</span></p><hr/><h2 style='display: flex; justify-content: center;'>ก่อนเข้าเนื้อเรื่องหลัก</h2><p class="indent-a"><span style="color:black;">ซูหร่วนซี คุณหนูผู้เกิดมาในตระกูลร่ำรวย เป็นกำพร้าเนื่องจากพ่อแม่ตายตั้งแต่ยังเด็ก หล่อนถูกเลี้ยงมาด้วยความรักจากผู้เป็นปู่ที่รักและทะนุถนอมเธอประดุจไข่มุกในอุ้งมือ</span></p><p class="indent-a"><span style="color:black;">ไม่ว่าหญิงสาวต้องการอะไรผู้เป็นปู่ก็ไม่เคยขัดใจ แม้เธอจะเป็นผู้หญิงเก่งไม่ว่าจะทั้งเรื่องเรียนและเรื่องงาน แต่ทว่าเรื่องความรักกลับโง่งม หญิงสาวได้ผูกใจรักมั่นต่อสหายวัยเยาว์คุณชายน้อยตระกูลเฉินอย่างไม่ลืมหูลืมตา ซึ่งไม่ว่าคนเป็นปู่จะคัดค้านอย่างไรก็ไร้ผล</span></p><p class="indent-a"><span style="color:black;"> สุดท้ายจึงทำให้การเงินบริษัทของปู่เกิดการหมุนเวียนไม่ทันจากความดื้อดึงของเจ้าตัวที่ต้องการนำเงินมาให้คนที่ตนรักโดยมีเงื่อนไขแลกเปลี่ยนกับการแต่งงาน โดยหารู้ไม่ว่าการแต่งงานของเธอในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ตัวเองต้องบอบช้ำทั้งกายใจ อีกทั้งปู่ก็ยังต้องมาตายลงเพราะอาการหัวใจวายเฉียบพลันอย่างมีเงื่อนงำ</span></p><p class="indent-a"><span style="color:black;">แต่นับว่าสวรรค์ยังมีเมตตาให้โอกาสเธอได้กลับมามีชีวิตใหม่ ในช่วงเวลาก่อนที่จะแต่งงานกับชายชั่วคนนั้น เมื่อมีโอกาสอีกครั้งมีหรือคุณหนูใหญ่ผู้นี้จะทำให้ชีวิตซ้ำรอยเดิม ดังนั้นเจ้าตัวจึงตั้งมั่นเอาไว้ว่า</span></p><p><span style="color:black;"> ฉันจะขออยู่อย่างสวย ๆ และรวยมาก ส่วนอดีตผัวชั่วคนนั้นใครอยากได้ก็เอาไป คุณหนูอย่างฉันไม่ต้องการ </span></p><p style="text-align:justify;"> </p><hr/>
มันเพิ่งเริ่ม
แดดอันร้อนระอุของเดือนกรกฎาคมยังไม่ร้อนแรงดุเดือดเท่ากับการขึ้นหน้าค้นหาอันดับหนึ่งบนหน้า weibo ขณะนี้คุณหนูไฮโซชื่อดังของเมืองเป่ยเฉิง ถูกชายหนุ่มผู้ที่รักมั่นมาตั้งแต่ครั้งยังเยาว์สวมหมวกเขียว
ซึ่งหญิงสาวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นมือที่สามนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนไกล เพราะเธอคนนี้คือรักแรกของหนุ่มไฮโซชื่อดังไม่แพ้กัน ซูหร่วนซีอ่านข้อความ มองภาพถ่ายที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอมือถือเครื่องสวยในมือด้วยน้ำตาเปียกปอนไปทั่วทั้งใบหน้า ดวงตาคู่สวยแดงก่ำจากการร้องไห้อย่างหนัก ในใจเกิดความเจ็บปวดจนยากจะทานทน
ครั้นแล้วเธอก็ปาสิ่งที่อยู่ในมือไปทางกระจกโต๊ะเครื่องแป้งอย่างไม่เสียดาย เพล้ง! เสียงแตกของกระจกดังขึ้น พร้อมกับเสียงกรีดร้องของหญิงสาวผู้มีใบหน้าสวยหวานงดงามราวตุ๊กตา
“คุณนายน้อย! เกิดอะไรขึ้นหรือคะ!” น้ำเสียงอันร้อนใจของแม่บ้านผู้ดูแลคฤหาสน์หลังงามรีบเอ่ยถามขึ้นอย่างรวดเร็วต่อผู้เป็นนาย ซูหร่วนซียกมือปาดน้ำตาทิ้งอย่างลวก ๆ
“ทำความสะอาดให้เรียบร้อย” ผู้เป็นนายสาวคนสวยออกคำสั่งเจือเสียงสะอื้น โดยไม่รู้ว่ามีผู้ไม่ประสงค์ดีต่อตนได้เดินตามแม่บ้านเข้ามาด้วย
“อุ๊ย! หร่วนซีเกิดอะไรขึ้นกับเธออย่างนั้นเหรอ” น้ำเสียงเย้ยหยันดังออกมาจากริมฝีปากเคลือบสีแดงสดของผู้มาเยือน ทำให้ผู้ที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงหันหน้าไปทางหน้าต่างจำต้องหันมาทางต้นเสียง
“เธอ มา ทำไม” หญิงสาวเน้นย้ำทีละคำพลางมองผู้มาเยือนด้วยดวงตาแห่งความเกลียดชัง
“ฉันจะมาขอให้เธอหย่ากับมู่เจ๋อ ตอนนี้ฉันกำลังตั้งท้องลูกของเขา หากไม่เชื่อเธอก็ดูซะให้เต็มตา” หญิงสาวผู้มาใหม่ ไม่เพียงพูดเปล่า เธอยังวางผลตรวจรวมถึงแผ่นอัลตร้าซาวด์ของตัวอ่อนทารกในครรภ์ลงข้างตัวของหญิงผู้เป็นเจ้าของห้องอีกด้วย ซูหร่วนซีหยิบรูปภาพนั้นขึ้นมาดูด้วยมืออันสั่นเทา น้ำตาของเธอไหลอาบใบหน้างามอีกครั้ง
ส่วนหญิงผู้มาเยือนก็ยืนกอดอกก้มหน้ามองเธอด้วยสีหน้าเย้ยหยัน (หากเธอยอมหย่าแต่โดยดี ฉันก็คงไม่ต้องมาถึงขั้นใช้แผนนี้ ยัยโง่)
ซูหรวนซีฉีกภาพที่อยู่ในมือเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด กระนั้นเธอก็ยังนั่งนิ่งราวตุ๊กตาไร้ชีวิต ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างเงียบงัน ซึ่งผู้มาเยือนรู้สึกผิดหวังที่ไม่สามารถทำให้หญิงสาวอาละวาดด่าทอตนอย่างที่ตั้งใจ จนกระทั่งเธอคิดทำบางอย่างและในที่สุดความอดทนของหญิงสาวเจ้าของห้องก็หมดลง
เพล้ง! เมื่อผู้มาเยือนเดินไปเขวี้ยงรูปแต่งงานของเธอกับชายที่ตนรักลงบนพื้น เศษแก้วแตกกระจายและดูเหมือนว่าการกระทำเช่นนี้จะได้ผล เมื่อซูหร่วนซีลุกขึ้นยืนตวาดขึ้นเสียงดัง
“ออกไป!”
มีหรือที่ผู้มาเยือนจะยอมทำตามแต่โดยดี เพราะในขณะนี้ เธอคนนั้นได้นั่งลงกับพื้นพร้อมส่งเสียงกรีดร้องราวคนเสียสติออกมา ทำให้ผู้ที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านได้ยินเสียงต้องตกใจในสิ่งที่ได้ยิน ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องอีกครึ่งจึงได้ก้าวเท้ายาว ๆ วิ่งขึ้นบันไดไปทางต้นเสียงอย่างรวดเร็ว ภาพที่เขาเห็นทำให้ชายหนุ่มใบหน้าถมึงทึงเต็มไปด้วยความโกรธ
“หร่วนซี! มันจะมากไปแล้ว” ชายคนนั้นตัดสินจากสิ่งที่เห็นโดยไม่ไถ่ถามอะไรให้กระจ่างอย่างเช่นทุกครั้ง เขารีบเดินเข้าไปประคองร่างอันบอบบางของหญิงสาวคนรักขึ้นจากพื้นอย่างทะนุถนอม
“ฉันเป็นเมีย หล่อนเป็นชู้ แต่คุณกลับกล้าดูแลเธอต่อหน้าฉัน เฉินมู่เจ๋อ คุณแน่มาก” น้ำเสียงแหบแห้งของหญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างเจ็บปวดพร้อมกับเดินมาตบหน้าชายหนุ่มเต็มแรง
เผียะ! ความเจ็บปวดที่โดนหญิงสาวกระทำ ทำให้ชายหนุ่มอยากจะฉีกร่างเล็กของหล่อนออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย “ผมแต่งกับคุณเพราะการบังคับ ผมไม่ได้รักคุณ” นายน้อยตระกูลเฉินตะคอกใส่หน้าของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมายพลางบีบต้นแขนของเธอแน่นทั้งสองข้าง
“ในตอนนั้นฉันแค่ยื่นข้อเสนอไม่ได้บังคับ หากคุณรักมั่นกับผู้หญิงคนนี้จริง ข้อเสนอของฉันก็คงไม่ได้ผล รักอย่างนั้นเหรอ คุณมันก็รักแต่ตัวเองเท่านั้นแหละฮ่า ๆ” หญิงสาวส่งเสียงแหวโต้กลับอย่างไม่ยินยอม เฉินมู่เจ๋อ ชะงักมือของตนไปเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยมือดั่งคีมเหล็กที่บีบต้นแขนของหญิงสาวออกอย่างอ่อนแรง
ย้อนกลับไปเมื่อห้าปีก่อน ในตอนนั้นบริษัทของครอบครัวเฉินเกิดปัญหาทางด้านการเงิน เขาซึ่งเป็นทายาทหนึ่งเดียวจำเป็นต้องหาเงินจำนวนมากถึงห้าพันล้านหยวน
ด้วยความกลัดกลุ้มทำให้ดื่มจนเมามาย จึงได้เผลอระบายเรื่องนี้ออกมากับกลุ่มเพื่อนสนิท ซึ่งหนึ่งในนั้นก็เป็นเพื่อนของซูหร่วนซีด้วยและหลังจากที่หล่อนรู้เรื่องนี้ เจ้าตัวจึงได้เสนอเงื่อนไขให้เขายืมเงินจำนวนดังกล่าวโดยแลกกับการแต่งงาน
ซึ่งในตอนนั้นจางหว่านชิงเองก็รู้เรื่องนี้ เธอจึงได้แต่ยอมให้เขารับข้อเสนอที่ว่าและเดินทางออกนอกประเทศไปด้วยความตรอมใจ
กลับมายังปัจจุบัน สถานการณ์ในห้องนอนของคนทั้งสองอยู่ในสภาพกำลังร้อนระอุ ความเงียบอันน่าอึดอัดได้แผ่ซ่านทำให้ไม่มีคนรับใช้กล้าเข้ามาจัดการเก็บกวาดสิ่งของที่แตกกระจาย
“เฉินมู่เจ๋อ ฉันจะหย่ากับคุณ เรามาจบเรื่องราวรักสามเศร้าเราสองคนกันเถอะ ฉันหมดความอดทนกับคุณแล้ว” ซูหร่วนซีเป็นผู้เอ่ยทำลายความเงียบออกมาก่อน
เฉินมู่เจ๋อมองใบหน้าของผู้พูดอย่างไม่อยากเชื่อหู “เธอจะมาไม้ไหนอีก” เขาถามเสียงเยาะ พลางเอามือดึงเนคไทของตนออกอย่างหงุดหงิด
“ฉันไม่อยากใช้ชีวิตทุกข์ทรมานแบบนี้อีก ส่วนเงื่อนไขการหย่าฉันได้ส่งให้ทนายเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราก็ต่างคนต่างอยู่เถอะ ฉันรู้สึกเหนื่อยเต็มที” หญิงสาวพูดขึ้นแม้เสียงจะแหบแห้งแต่ทว่ากลับไร้ซึ่งน้ำตา
มีเพียงดวงตาคู่งามบอบช้ำเพียงเท่านั้นที่บ่งบอกว่าเธอเสียใจมากขนาดไหน หลังจากคิดไตร่ตรองอยู่เนิ่นนาน (เมื่อถึงเวลาฉันก็ควรต้องปล่อยมือสักที) นี่คือความคิดของเจ้าตัว
“คุณแน่ใจนะ” ผู้เป็นสามีถามย้ำ ซึ่งความรู้สึกของเขาในตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจตัวเองแล้วเหมือนกันว่ามีความรู้สึกแบบไหนต่อผู้เป็นภรรยาในนาม
จางหว่านชิงผู้อยู่ในเหตุการณ์เริ่มรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย ดังนั้นหญิงสาวจึงได้เรียกร้องความสนใจจากคนรักหนุ่ม โดยการเอามือกุมท้องของตนแน่น
“มู่เจ๋อ ฉะ..ฉันปวดท้อง” เธอกล่าวอย่างกระท่อนกระแท่นสีหน้าแสดงความเจ็บปวดทำให้นายน้อยตระกูลเฉินเป็นกังวล
“ผมจะพาคุณไปหาหมอ หร่วนซีหากว่าหว่านชิงเป็นอะไรขึ้นมาอย่าโทษว่าผมแล้งน้ำใจ” ชายหนุ่มพูดทิ้งท้ายก่อนจะอุ้มตัวหญิงคนรักขึ้นอย่างรวดเร็ว
พร้อมกับก้าวเท้ายาว ๆ กึ่งเดินกึ่งวิ่งลงบันไดไปอย่างรีบร้อนพร้อมกันนั้นก็ตะโกนเรียกคนขับรถไปด้วยจนดังก้องทั่วทั้งคฤหาสน์ ซูหร่วนซีไม่ได้มองคนทั้งคู่อีก เนื่องจากในตอนนี้หล่อนรู้สึกเจ็บหนึบรวดร้าวไปทั้งใจกับการกระทำของชายผู้ซึ่งกำลังจะกลายเป็นอดีตสามี
หญิงสาวเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกมาก่อนจะจับชุดสวย แบรนด์เนมใส่ลงในกระเป๋าอย่างไม่ใยดี เธอกวาดตามองรอบห้องที่อาศัยมาถึงห้าปีเต็มเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยความรู้สึกวูบโหวงอยู่ในอก
ในระหว่างที่หญิงสาวกำลังลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้องนอนหล่อนก็เจอเข้ากับแม่บ้านที่เดินออกไปตั้งแต่ที่ชายหนุ่มผู้เป็นนายกลับมา
“คุณนายน้อย จะไปไหนเหรอคะ” แม่บ้านวัยกลางคนเอ่ยถามหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง
“ฉันจะกลับไปตระกูลซูค่ะ” เธอกล่าวเสียงเรียบเช่นเดียวกับใบหน้า
“คุณนายน้อยจะเลิกกับนายน้อยจริงหรือคะ” แม่บ้านสาวถามเธออย่างอดเสียดายแทนผู้เป็นนายน้อยของตนไม่ได้ ที่เขาละทิ้งเพชรเม็ดงามไปคว้าเอาก้อนกรวด
หญิงสาวไม่ได้ตอบอะไรทำเพียงพยักหน้าน้อย ๆ เป็นการยอมรับแทน จากนั้นเธอก็ลากกระเป๋าใบใหญ่ลงมาตามขั้นบันได โดยไม่สนว่าล้อของมันจะพังหรือเกิดความเสียหายแต่อย่างใด จนกระทั่งทั้งเธอและกระเป๋าลงมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย พ่อบ้านชายวัยกลางคนก็เดินเข้ามาถามเธอเหมือนกับแม่บ้านไม่มีผิด
“ช่วยเรียกรถให้ฉันด้วย” น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาเช่นเดียวกับร่างกายที่ดูเปราะบางราวกระเบื้องเคลือบ
พ่อบ้านจำต้องทำตามคำสั่งแต่โดยดีและหวังว่าหญิงสาวผู้นี้จะเปลี่ยนใจแต่ดูเหมือนว่าคำขอจะไร้ผล เพราะหญิงสาวได้ลากกระเป๋าออกมายืนรอรถอยู่ด้านนอกท่ามกลางแสงแดดจ้า สาวงามในชุดเดรสสีขาวยืนอยู่อย่างเหม่อลอย เพียงไม่นานก็มีรถมาจอดตรงด้านหน้า
หลังจากนั่งในรถเรียบร้อยใบหน้าซีดเซียวของตนก็ผินมองยังนอกหน้าต่างในขณะรถเคลื่อนตัวผ่านอย่างเชื่องช้าและเมื่อถึงถนนสายหลัก คนขับจึงได้เพิ่มความเร็วขึ้นจนกระทั่งถึงสี่แยกแห่งหนึ่งด้วยความก่ำกึ่งระหว่างสัญญาณไฟ ไม่รู้มีสิ่งใดดลใจจึงทำให้คนขับเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วเพื่อหวังจะไปให้ทันก่อนสัญญาณไฟจะเปลี่ยนสี
ซึ่งการกระทำของเขาในครั้งนี้ได้ส่งผลให้รถบรรทุกสินค้าที่กำลังพุ่งตัวออกมาจากอีกฝั่งชนกับรถของเขาเข้าอย่างจัง เป็นผลให้รถคันนี้เกิดการพลิกคว่ำ
ซูหร่วนซีส่งเสียงกรีดร้อง จากนั้นหล่อนก็คล้ายอยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นและรู้สึกถึงความเจ็บปวดบริเวณช่องท้องอย่างรุนแรง ในความเจ็บปวดนั้นสำนึกสุดท้ายของเจ้าตัวคือใบหน้าผู้เป็นปู่ลอยเข้ามาก่อนที่หญิงสาวจะน้ำตาไหลอาบแก้มราวทำนบแตก
“คุณปู่คะ ฉันขอโทษ” คำพูดแผ่วเบาออกมาจากริมฝีปากซีดขาวของเธอ ก่อนที่เปลือกตาจะปิดลงตลอดกาลโดยไม่รู้ว่าผู้เป็นสามีในนามของเจ้าตัวนั้น หลังจากได้รู้ข่าวเรื่องอุบัติเหตุ เขาถึงกับคุกเข่าลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง ภาพต่าง ๆ มากมายของผู้เป็นภรรยาที่เคยทำให้ตั้งแต่เด็กจนโตเริ่มฉายแววแจ่มชัด
“เสี่ยวซีผมขอโทษ” ถ้อยคำอันแสนจริงใจนี้หลุดออกมาจากปากของเขาเป็นครั้งแรกโดยที่คนฟังไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว ซึ่งตรงข้ามกับหญิงสาวรูปร่างดี ผู้มีหน้าตาสวยงามบนเตียงนอนผู้ป่วย ที่โด่งดังมีชื่อเสียงเป็นถึงนักออกแบบแฟชั่นแถวหน้า ในตอนนี้ที่กำลังยกมุมปากลอบยิ้มอย่างสะใจให้กับภาพข่าวที่ตนเห็น
(ในที่สุดนางมารอย่างเธอก็จากไปเสียที) นี่คือสิ่งที่หญิงสาวผู้มักทำตัวอ่อนหวานอยู่เป็นนิจคิด
ฉันไม่แต่ง
เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือข้างหัวเตียงทำให้ผู้กำลังหลับใหลไม่อยากลืมตาตื่นขมวดคิ้วมุ่นอย่างรำคาญ มือขาวเรียวเล็กของเจ้าตัวพยายามควานหาต้นกำเนิดเสียงทั้งที่ยังไม่ลืมตา แต่แล้วในที่สุดเธอก็จำต้องเปิดเปลือกตาคู่งามขึ้นอย่างจนใจเมื่อเสียงนาฬิกาปลุกได้กลายเป็นเสียงแผดร้องของสายเรียกเข้าแทน
ทันทีเมื่อดวงตาคู่งามเปิดขึ้นจนเต็มตา ซูหร่วนซีก็ได้รู้สึกประหลาดใจแกมตื่นตระหนกอย่างยิ่งยวด โดยไม่ได้สนใจเสียงเรียกเข้าที่กำลังแผดเสียงดังอย่างต่อเนื่อง
‘นี่ไม่ใช่ห้องนอนเก่าของฉันหรอกเหรอ แล้วทำไมฉันถึงกลับมานอนที่ห้องนี้ได้ ไม่ถูกสิ ฉันถูกรถชนนี่ ใช่แล้ว เอ๊ะ! ทำไมไม่รู้สึกเจ็บเลยล่ะ’ หญิงสาวคิดพร้อมกับก้มมองยังบริเวณหน้าท้องซึ่งเป็นสำนึกสุดท้าย
และยังไม่ทันที่เธอจะได้คำตอบก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากหน้าห้อง “คุณหนูคะ ตื่นหรือยัง” น้ำเสียงของแม่บ้านวัยกลางคนส่งเสียงเรียกอย่างร้อนใจ
ซูหร่วนซีที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก พลันรู้สึกสับสนระคนมึนงงจนกระทั่งเธอได้ยินเสียงของญาติเพียงหนึ่งเดียวที่ตนไม่มีวันลืม
“ซีซี” เพียงแค่สองคำนี้ทำให้หญิงสาวที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนสำรวจรอบห้องไม่รีรอ หล่อนรีบสบัดผ้าห่มคลุมกายก่อนจะวิ่งมาเปิดประตูห้องออกอย่างรวดเร็ว
“คุณปู่!” ซูหร่วนซีโถมตัวเข้ากอดชายชราแน่นด้วยสุดแสนจะคิดถึงทั้งน้ำตา
“เสี่ยวซีหลานเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น” ชายชรา ลูบผมยาวเป็นลอนธรรมชาติของหลานสาวในอ้อมกอดพร้อมกับถามออกมาอย่างเป็นห่วง
หญิงสาวเอาแต่ส่ายหัวไปมาถูไถใบหน้ากับหน้าอกผอมบางของเขาโดยไม่พูดอะไร ‘หากนี่เป็นความฝัน ก็อย่าให้ฉันได้ตื่นเลย’ เธอวิงวอน
ซูจินกวงที่รู้สึกว่าหลานสาวสุดที่รักมีความปกติ กระนั้นเจ้าตัวก็ยังไม่วายถามถึงเรื่องสำคัญของคนในอ้อมกอด “วันนี้เป็นวันมงคลของหลาน ทำไมถึงตื่นสายได้ล่ะ” ชายชรากล่าวเนิบช้า แม้ในใจจะไม่ยินยอมให้หลานสาวที่ตนรักและทนุถนอมแต่งงานกับชายหนุ่มคนนั้นก็ตาม
“คุณปู่ว่ายังไงนะคะ” ซูหร่วนซีย้อนถามหลังจากสูดกลิ่นอันคุ้นเคยของผู้เป็นปู่และเริ่มมั่นใจว่านี่ไม่น่าจะใช่ความฝัน เพียงแต่เธอแค่ยังไม่มั่นใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“หลานอย่าบอกนะว่าลืมวันแต่งงานของตัวเอง ปู่เห็นหลานเฝ้ารอวันนี้อย่างใจจดจ่อไม่ใช่เหรอ แล้วนี่ก็ใกล้จะถึงเวลาแล้วด้วย” เสียงแหบแห้งของชายชราถามออกมาอย่างแปลกใจ ซึ่งในขณะเดียวกันดวงตาสีเทาของเขาก็มองสำรวจใบหน้าของผู้เป็นหลานไปพร้อมกัน
และเมื่อเห็นความตกใจฉายชัดออกมาบนใบหน้าของคนในอ้อมแขน เจ้าตัวจึงสรุปเอาว่าหลานสาวน่าจะลืมจริง ๆ แต่ไม่คาดว่าเขาจะได้ยินคำพูดที่ทำให้ต้องประหลาดใจและระคนยินดีจากปากของหญิงสาวที่เลี้ยงมาเองกับมือ
“หนูจะไม่แต่งกับคนเลวค่ะ ส่วนเรื่องเงินหากพวกเขาต้องการก็ให้ทำหนังสือสัญญากู้ยืมโดยนำหุ้นเท่ากับจำนวนเงินมาค้ำประกัน” ซูหร่วนซีเอ่ยเสียงหนัก
“หลานแน่ใจนะและจะไม่เสียใจภายหลังใช่ไหม” ชายชราถามย้ำ แม้เจ้าตัวอยากให้หลานเจอคนที่ดีกว่านี้ แต่ถ้าหากหลานต้องเป็นทุกข์เขาก็ไม่ต้องการ
ผู้เป็นหลานจึงฉีกยิ้มกว้างอย่างสดใส ทำให้ใบหน้าที่สวยงามราวภาพวาดนั้นมีชีวิตชีวามากขึ้นก่อนพยักหน้าและพูดออกมาด้วยความมั่นใจอีกครั้งเพื่อเป็นการยืนยัน
“หนูแน่ใจค่ะ เรื่องนี้รบกวนให้ทนายฝานดำเนินการได้เลย”
ซูจินกวงอดที่ยกยิ้มออกมาไม่ได้อย่างถูกใจในคำตอบนี้ดังนั้นเขาเองก็ไม่รอช้า ด้วยถือคติตีเหล็กต้องตีตอนร้อนอีกเหตุผลนั้นก็เป็นเพราะกลัวว่าหลานสาวจะเปลี่ยนใจนั่นเอง
“พ่อบ้านอานได้ยินที่คุณหนูพูดแล้วใช่ไหม รีบไปจัดการเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงของชายชราเองก็ดูสดใสไม่แพ้กันรวมถึงใบหน้าเองก็ดูสดชื่นและผ่อนคลายมากกว่าหลายวันก่อนอีกด้วย
ผิดกลับคนอีกด้าน ภายในห้องจัดงานเลี้ยงหรูหราแห่งปีที่มีนักข่าวมาจากหลายสำนัก พวกเขาต่างเฝ้ารอการปรากฏตัวของหลานสาวผู้สืบทอดของเทียนไห่ด้วยใจจดจ่อ
แต่แล้วแทนที่จะเป็นคุณหนูใหญ่ผู้นั้นปรากฏตัว กลับกลายมาเป็นชายร่างใหญ่ในชุดสูทสากลสีดำสุภาพเดินมากับชายผมสีดอกเลาซึ่งพวกเขาต่างก็รู้จักกันเป็นอย่างดี ในนามของทนายปากกล้าประจำตระกูลซูสายหลัก ฝานเจียงเล่อ
ผู้ชายคนนี้ต่างเป็นที่ครั่นคร้ามของผู้คนไม่น้อย ทำให้เมื่อเขาเดินขึ้นไปบนเวทีจึงไม่มีใครกล้าเอาตัวเข้าขวาง “งานแต่งวันนี้คุณหนูใหญ่ของเราบอกให้ยกเลิก อีกทั้งไม่ว่าจากนี้หรือในอนาคตเธอจะไม่แต่งงานกับคนแซ่เฉินโดยเด็ดขาด” หลังคำกล่าวแสนโอหังนี้สิ้นสุดลงก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นรอบห้องจัดงานเลี้ยงทันที
เมื่อทำหน้าที่เสร็จสิ้นชายวัยกลางคนก็ก้าวเท้าลงจากเวทีท่ามกลางชายร่างใหญ่ผู้คุ้มกันโดยหาได้สนใจสายตาและสีหน้าของผู้ที่มองมาทางเขาเป็นทางเดียว
“หมายความว่ายังไง เป็นไปไม่ได้ที่ซีซีจะไม่แต่งงานกับอาเจ๋อ ใคร ๆ ในเป่ยเฉิงต่างก็รู้ดีว่าเธอไล่ตามเขามาตั้งแต่มัธยมต้น” คำกล่าวนี้ได้ถูกบันทึกไว้โดยนักข่าวทันที
ฝานเจียงเล่อปรายตามองนักข่าวพวกนั้นราวอสรพิษร้ายหมายเหยื่อ คล้ายเป็นการเตือนว่าหากมีใครนำคำพูดเหลวไหลนี้ไปลงข่าวเขาจะไม่ไว้หน้าอย่างแน่นอน
“นายหญิงเฉิน โปรดระวังคำพูดของคุณด้วยถ้ายังอยากได้เงินห้าพันล้านอยู่” เสียงแหบห้าวของทนายฝานตอบโต้อย่างเผ็ดร้อนทำให้ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนไม่น่าดูขึ้นทันที
เพราะเรื่องเงินมีเฉพาะคนในวงในเท่านั้นที่รู้ ยังไม่ทันที่หญิงวัยกลางคนจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ นักข่าวทั้งหลายก็ยื่นไมค์ไปจ่อยังปากของชายวัยกลางคนผู้เปิดประเด็นอย่างรวดเร็ว
“ทนายฝานเรื่องนี้หมายความว่ายังไงหรือครับ/คะ” ฝานเจียงเล่อผู้มีลิ้นพิษจึงได้ตอบคำถามออกไปอย่างตรงไปตรงมา “เรื่องนี้เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในตัวคุณหนูใหญ่ซูของพวกเรา ผมจะชี้แจงให้ทุกท่านทราบถึงที่มาที่ไปของการจัดงานในวันนี้ขึ้น เป็นเพราะคุณหนูของเรามีความเมตตาต่อครอบครัวเฉิน จึงคิดจะช่วยเหลือเรื่องเงินเป็นจำนวนห้าพันล้านในเรื่องของการขาดสภาพคล่องในเครือเฉินกรุ๊ป ดังนั้นจึงได้มีการแต่งงานเกิดขึ้น แต่เนื่องจากเมื่อไม่กี่วันก่อนได้มีภาพนี้ปรากฏออกมาทำให้คุณหนูของเราเสียใจมากจึงได้ตัดสินใจยกเลิกงานแต่ง” จบคำของเขา
โปรเจคเตอร์บนเวทีก็ได้ปรากฏภาพชายหญิงคู่หนึ่งแสดงความสัมพันธ์แนบชิดต่อกันหน้าโรงแรมในเครือเฉิน ไม่ว่าจะเป็นการกอดจูบอย่างเร่าร้อน ก่อนฝ่ายหญิงจะโบกมือลาฝ่ายชาย สีหน้าของเธอคนนั้นดูอาลัยอาวรณ์เป็นอย่างมาก
ซึ่งชายหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นก็คือเจ้าบ่าวของงานในวันนี้ เสียงฮือฮาจากนักข่าวรวมถึงผู้มาร่วมงานหลายคนต่างมองมายังคนในภาพพร้อมเพรียง เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นรัว ๆ จากนักข่าวมากมายหลายสำนักพิมพ์ อีกทั้งคนภายในงานยังได้ถ่ายทอดสดผ่านหน้าจอมือถือของตัวเองอีกด้วย
ทนายฝานมองสถานการณ์ตรงหน้าอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนจะพูดประโยคต่อไป ซึ่งคำพูดนี้ยิ่งทำให้ครอบครัวเฉินแทบอยากจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี
“แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณหนูของเราก็ยังคงมีความเมตตาให้กับครอบครัวนี้อยู่ จึงได้เสนอเงื่อนไขใหม่โดยแลกกับหุ้นของบริษัทในเครือเฉินที่คิดว่ามีปริมาณเท่ากันกับจำนวนเงินเป็นหลักค้ำประกัน ถึงแม้ว่าในอนาคตหุ้นดังกล่าวอาจจะไม่สามารถทำเงินได้ก็ตาม”
หลังสิ้นสุดคำพูดของลิ้นพิษผู้นี้ นายน้อยตระกูลเฉินผู้เป็นพระเอกของงานไม่อาจอดทนอดกลั้นต่อความอดสูได้อีกต่อไป เจ้าตัวจึงได้กำหมัดแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง ไม่รู้ว่าโกรธหรืออายถึงกับตะเบ็งเสียงออกมาโดยไม่กลัวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้จะยิ่งทำให้เขาเสียหน้ามากยิ่งขึ้น
“หุ้นที่มีปริมาณเท่ากัน ทำไมไม่บอกให้ผมขายบริษัทในเครือให้เทียนไห่ไปเลยล่ะ" กรามของเขาขบเข้าหากันจนเป็นสันนูน ดวงตาของเขาเข้มขึ้นอย่างน่ากลัว
ไม่เพียงชายหนุ่มคนนี้เท่านั้นที่รู้สึกโกรธเพราะในตอนนี้มารดาของชายหนุ่มเองก็มีใบหน้าไม่ดูชมเช่นกัน “พวกเราแค่ขาดสภาพคล่องชั่วคราวไม่ได้ต้องการขายบริษัท นี่เรียกว่าความเมตตาของเทียนไห่อย่างนั้นเหรอ” น้ำเสียงแหลมสูงของเธอดังขึ้นไม่แพ้คนเป็นบุตร
ดวงตาของฝานเจี่ยงเล่อหรี่ลงก่อนจะเปิดปากของตนด้วยท่าทางไม่แยแส “หากว่าตระกูลเฉินไม่รับน้ำใจ ผมก็ไม่ถือสา วันนี้เห็นทีต้องขอลา” ชายวัยกลางคนแสร้งทำสีหน้าเสียดายพลางถอนหายใจก่อนที่เจ้าตัวจะเดินนำคนของตนออกไปจากห้องจัดงานเลี้ยงโดยไม่เหลียวหลัง
ส่วนซูหร่วนซีผู้ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องหลังจากเธอตกตะกอนความคิดได้ ‘ไม่ว่าจะฝันหรือเรื่องจริงฉันขอทำตัวเองให้มีความสุขก็แล้วกัน’ เธอพึมพำ
ดังนั้นตอนนี้หญิงสาวจึงได้ทำอาหารสุขภาพให้ปู่ผู้ชราอย่างมีความสุขในครัวใหญ่ของคฤหาสน์ ท่ามกลามความแตกตื่นของแม่บ้านและหญิงรับใช้สองสามคน
ซึ่งเจ้าตัวยังไม่รู้ว่าตัวเองได้ติดคำค้นหาอันดับหนึ่งบน Weibo จนกระทั่งมีเสียงสัญญาณเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือเครื่องสวยรุ่นล่าสุดแบรนด์ดัง หญิงสาวมองชื่อที่ปรากฏขึ้นก่อนจะกดรับอย่างดีใจ
“ซีซี! มันเกิดอะไรขึ้น เธอไม่แต่งงานกับเจ้าโง่นั่นแล้วจริงเหรอ” น้ำเสียงกระตือรือร้นของโม่เข่อซิงถามอย่างดีใจปิดไม่มิดว่าคนพูดนั้นมีความสุขมากขนาดไหน
“เธอรู้ได้ยังไง ฉันว่ายังไม่ได้แจ้งให้ใครรู้เลยนะนอกจากให้ลุงฝานไปแจ้งคนในงาน” ผู้ถูกถามย้อนด้วยสีหน้าแสดงความประหลาดใจ เนื่องจากเจ้าตัวรู้ดีว่าเพื่อนคนนี้ไม่มีทางอยู่ในงานของตนตามที่ลั่นวาจาเอาไว้แน่
ทั้งนี้เป็นเพราะในชาติก่อนด้วยความดื้อรั้นและดื้อดึงไม่ฟังคำเตือนของเพื่อนคนนี้ ดังนั้นโม่เข่อซิงผู้ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทจึงประกาศตัดขาดจากตน อีกทั้งยังยืนกรานว่าหากเธอยังแต่งงานกับเฉินมู่เจ๋อหล่อนจะไม่มีวันเหยียบเท้าเข้าไปในงานอย่างเด็ดขาด ในตอนนั้นเธอจำได้ว่าร้องไห้เสียใจเป็นอย่างมากที่เพื่อนสนิทไม่ยอมมาร่วมงาน
เป็นเหตุให้หลังจากงานแต่งจบลง เธอจึงไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนคนนี้อีกเลยจนกระทั่งมารู้ข่าวร้ายอันน่าสงสารของคนปลายสาย ซูหร่วนซีนิ่งเงียบอย่างเหม่อลอย
“ซีซี! ซีซี!" โม่เข่อซิงส่งเสียงเรียกอย่างตกใจ
“หา! เธอเบาเสียงลงหน่อยก็ได้”
โม่เข่อซิงกรอกตาของตนไปมา “ที่รัก ฉันเรียกเธอตั้งนานนะ ไม่ได้ยินเหรอหรือว่าเธอคิดเสียใจที่ปฏิเสธคนเลวนั่น” “เปล่าสักหน่อย ว่าแต่เธอยังไม่ตอบเลยว่ารู้เรื่องของฉันได้ยังไง”
"เธอมัวแต่ทำอะไรอยู่ถึงไม่ได้รู้เรื่องรู้ราว ไม่เพียงแค่ฉันคนเดียวหรอกนะที่รู้เรื่อง ไม่แน่ว่าป่านนี้ทั้งคนในเป่ยเฉิงหรือว่าทั้งประเทศอาจจะรู้กันหมดแล้ว” เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของหญิงสาวพูดออกมาอย่างยืดยาวแกมเหนื่อยใจ
คำพูดนี้ทำให้ผู้ฟังตื่นตัวอย่างคาดไม่ถึง “ซิงซิง เอาไว้เดี๋ยวฉันโทรกลับนะ” ซูหร่วนซีกดวางสายลงหลังจากพูดจบทันที จากนั้นหญิงสาวก็เข้า Application อันเป็นที่นิยม และก็พบว่าข่าวยกเลิกการแต่งงานของเธอนั้นร้อนแรงมากขนาดไหน อีกทั้งยังมีการแสดงความคิดเห็นเชิงลบต่อฝ่ายชายเป็นจำนวนมากอีกด้วย หญิงสาวไล่อ่านเนื้อหาที่ปรากฏอย่างช้า ๆ มุมปากยกยิ้มอย่างพอใจ
‘ลุงฝานทำงานได้ยอดเยี่ยม เห็นทีต้องบอกคุณปู่เพิ่มโบนัสให้เป็นพิเศษ’
ในขณะที่สาวสวยกำลังแย้มยิ้มอย่างอารมณ์ดี ซูจินกวงผู้เดินเข้ามาในครัวจึงได้ถามเชิงหยอกล้อออกมา
“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไร” เสียงแหบแห้งของชายชราทำให้หญิงสาวละใบหน้าจากโทรศัพท์
ซูหร่วนซีเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มหวานให้ชายชรา “ฉันมีความสุขที่ได้อยู่กับคุณปู่ยังไงละคะ” หญิงสาวกล่าวประจบ
“ทำเป็นพูดเอาใจคนแก่ แต่ปู่ก็พอใจจริง ๆ นั่นแหละ ฮ่า ๆ” เสือเฒ่าแห่งเทียนไห่ไม่ได้เปิดโปงผู้เป็นหลานแม้จะรู้ว่าหล่อนเพียงพูดกลบเกลื่อน
(ในเมื่อตอนนี้หลานสาวของเขาคิดได้แล้วก็ขอใช้ชีวิตกันตามประสาให้มีความสุขก็พอ) ชายชราคิด