โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ทุเรียนไทยชนลาวคู่แข่งใหม่ ล้งหาย 40% แห่ไปเวียดนาม

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 18 ธ.ค. 2567 เวลา 02.56 น. • เผยแพร่ 18 ธ.ค. 2567 เวลา 02.12 น.

ล้งจีนรับซื้อทุเรียนที่เคยล้นภาคตะวันออก คาดฤดูผลผลิตต้นปี 2568 ตกต่ำ ขาดทุน มีการแข่งขันสูง หายหน้า 40% ประกาศขาย ให้เช่า เหล่าล้งกว่า 1,200 แห่ง ถอยทัพบุกค้าทุเรียนเวียดนาม ได้เปรียบทั้งราคา ค่าขนส่ง ทำกำไรได้ง่าย-เร็วกว่า ผวาคู่แข่งใหม่ “หมอนทองจากลาว” ส่งชิงตลาดจีน

ฤดูการผลผลิตทุเรียนภาคตะวันออกปี 2568 ไม่คึกคัก ล้งจีน หรือผู้ประกอบการรับซื้อทุเรียนในภาคตะวันออก ที่เคยหนาแน่น แย่งเช่า-ซื้อที่ดิน เพื่อรับซื้อทุเรียนส่งออกไปจีน ปรากฏว่ามีการปิดกิจการ ปล่อยให้เช่า เป็นจำนวนมาก ขณะที่สถานการณ์การแข่งขันปีหน้าดุเดือด ทุเรียนคุณภาพไทยออกน้อย คู่แข่งเวียดนาม-ลาว มาแรง

จากหาแหล่งล้ง เป็นขาย-ให้เช่า

นายณัฐกฤษณ์ โอฬารหิรัญรักษ์ รองนายกสมาคมการค้าธุรกิจไทย-จีน เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ใกล้ฤดูกาลผลผลิตทุเรียนภาคตะวันออกที่จะออกเดือนมีนาคม-เมษายน 2568 แต่คาดว่าช่วงต้นปี 2568 บรรยากาศของ “ล้ง” หรือผู้ประกอบการรับซื้อทุเรียนในภาคตะวันออกค่อนข้างเงียบเหงา ล้งมีการติดป้าย “ให้เช่าล้ง” หาคนเช่าล้ง “ขายล้ง” เป็นจำนวนมาก

แตกต่างจากปี 2567 ที่ล้งแห่กันมา “หาล้งเช่า” เปิดล้งรับซื้อกันอย่างคึกคักจำนวนมาก ทำให้ปริมาณล้งน่าจะเพิ่มขึ้นทั้งที่จดทะเบียนและไม่จดทะเบียน ประมาณ 1,200 ล้ง คาดว่าในปี 2568 น่าจะลดลงประมาณ 30-40% ด้วยเหตุที่ล้งประสบภาวะขาดทุนจากการส่งออกทุเรียนในภาคตะวันออกที่ต้องแข่งขันกันสูง แต่ปริมาณผลผลิตมีน้อยกว่าที่คาดการณ์

ขณะที่มีล้งเปิดรับซื้อกันจำนวนมาก และประสบภาวะการขาดทุนจากการทำทุเรียนภาคใต้ ที่มีปัญหาเรื่องคุณภาพและต้องแข่งขันกับทุเรียนเวียดนามที่ออกตรงกัน คาดปีนี้ล้งเถ้าแก่ใหม่จะย้ายไปรับซื้อทุเรียนที่เวียดนามที่มีช่องทางทำกำไรได้มากกว่า

เถ้าแก่ใหม่ไปลงทุนเวียดนาม

นายณัฐกฤษณ์กล่าวว่า ปีที่แล้วทุเรียนผลผลิตน้อยแต่คนรับซื้อมีมากต่างประสบภาวะขาดทุนจากการแข่งขันราคาสูงเกินจริง ปีนี้เถ้าแก่มาซื้อน้อยลง เมื่อพิจารณาจากยอดการตัดสินใจเช่าล้ง และไม่ตัดสินใจซื้อทุเรียนง่าย ๆ ประกอบกับปีนี้ผลผลิตออกล่าช้าและกระจายตัว ผลผลิตที่ออกดอกลดลงเฉลี่ย 30-40% ต้องรอดูช่วงตรุษจีน คือ ปลายมกราคม 2568 จะมีความชัดเจนว่ามีล้งมาเช่า เปิดรับซื้อจริง ๆ มากน้อยแค่ไหน

“มีทั้งประกาศให้เช่าล้ง ขายล้ง ผ่านเพจต่าง ๆ รวมทั้งการปรับราคาลง จากสภาพเศรษฐกิจไม่ดีทั้งไทยและต่างประเทศ ปีนี้ไม่มีล้งคนไทยที่สร้างใหม่ ยกเว้นล้งคนจีนลงทุนทำเอง การหันเหไปลงทุนล้งในเวียดนาม ส่วนหนึ่งมีผลจากการขาดทุนการค้าทุเรียนในภาคใต้ จึงหวังไปทำกำไรในเวียดนาม เพราะทั้งราคา และค่าขนส่งต่ำกว่าไทย” นายณัฐกฤษณ์กล่าว

จับตาคู่แข่งทุเรียนลาว

รองนายกสมาคมการค้าธุรกิจไทย-จีน ยังคาดการณ์ด้วยว่า ในปี 2568 การค้าทุเรียนจะมีการแข่งขันมากขึ้น แม้ว่าทุเรียนในกัมพูชา จะมีอัตราการส่งออกยังไม่ชัดเจนนัก แต่ทุเรียนในลาวน่ากลัว เพราะส่งเข้าจีนได้เลยและเป็นพันธุ์หมอนทอง แม้ว่าผลผลิตยังไม่มาก คาดว่าในปี 2570 จะมีผลผลิตออกจำนวนมาก ราคาและตลาดน่ากังวล

ล้งตะวันออกกัดฟันยอมขาดทุน

ด้านแหล่งข่าวจากล้งรับซื้อทุเรียนให้บริษัทส่งออกรายใหญ่แห่งหนึ่ง ใน จ.ชุมพร และเปิดรับซื้อทุเรียนให้เถ้าแก่ส่งออกที่ จ.จันทบุรี เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปีนี้ทุเรียนภาคตะวันออกออกล่าช้ากว่าปีก่อนประมาณเกือบเดือน ในขณะที่ทุเรียนภาคใต้ยังมีอยู่ น่าจะยาวไปถึง ก.พ.-มี.ค. 2568 แต่ปีนี้เถ้าแก่ล้งไม่น่าจะมากเหมือนเดิม

“คนที่ขาดทุนจะไปทำที่เวียดนาม เพราะการค้าทุเรียนภาคใต้ปีนี้มีปัจจัยหลายอย่างทำให้ล้งขาดทุนกันมาก ล้งแข่งขันเหมาสวน ซื้อจากสวนทุกลูก ABC ราคาแพงกว่าตลาด เมื่อถึงเวลาตัดทุเรียนไม่ได้มีจำนวนมากตามคาดการณ์

เมื่อส่งออกต้องคัดเบอร์ A B ซึ่งราคาเบอร์ C ห่างกันถึง 90 บาท ล้งทำแล้วไม่มีกำไร ขาดทุนตาม ๆ กัน ที่ล้งต้องยอมขาดทุนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท เพื่อต้องเลี้ยงลูกน้องไว้หมุนเวียนไปทำที่ภาคตะวันออก และยังต้องแข่งขันกับทุเรียนเวียดนามที่ราคา-ค่าใช้จ่ายถูกกว่าและตัดแก่กว่า” แหล่งข่าวระบุ

เหมาสวนล่วงหน้าเสี่ยงขาดทุน

นายวุฒิชัย คุณเจตน์ นายสมาคมทุเรียนไทย กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทุเรียนเวียดนาม-ไทย มีผลกระทบที่ออกตรงกันกับทางภาคใต้ มีการแข่งขันกันชัดเจน ตัวอย่างเวียดนามกับทุเรียนภาคใต้ ปี 2567 ทุเรียนภาคใต้ของไทยราคาแพงแข่งขันกันรุนแรง อัตราความเสี่ยงสูง ซื้อขายเหมากันล่วงหน้า 1-2 เดือน ขายเหมาทุกลูก ABC บางครั้งมีตกไซซ์ ราคาเดียวกัน และราคาตลาดมีโอกาสผันผวน คุณภาพทุเรียนภาคใต้เสียเปรียบจากสภาพอากาศ ทำให้มีการคัดตึงทำให้มีความขัดแย้งกัน

“ในเมื่อเป็นตลาดเดียวกัน ล้งหรือนักลงทุนจะต้องเปรียบเทียบว่าไปลงทุนที่ไหนที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า มีกำไรมากกว่า พ่อค้าที่ไปซื้อทุเรียนเวียดนามซื้อตามราคาตลาดก่อนการเก็บเกี่ยว 1 สัปดาห์ และซื้อราคาเฉลี่ยตามสัดส่วนของทุเรียนเกรด A เกรด B ที่ส่งออก ในขณะที่ปีนี้ในเวียดนามอากาศมีความชื้นสูงที่เหมาะสม รูปทรงสวยกว่า ตลาดชื่นชอบ”

ชิงตลาดจีน 6 แสนตัน

นายวุฒิชัยกล่าวต่อไปว่า ล้งจีนที่เคยเข้ามาค้าทุเรียนอย่างคึกคักในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ทำกำไรได้มาก จึงมีเถ้าแก่หน้าใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่มขึ้น แต่ไม่เข้าใจเรื่องทุเรียน รวบรวมส่งไปขายทั้งที่ได้คุณภาพ ไม่ได้คุณภาพ ที่เรียกกันว่าเล่นกำไรเถ้าแก่ ทำให้ต้องประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก รายเก่าหายไปมีรายใหม่เข้ามา

เนื่องจากทุเรียนมีมูลค่าสูงที่ทำกำไรได้มาก ล้งที่เข้ามาซื้อหากมีจำนวนลดน้อยลง จะกระทบอำนาจต่อรอง การแข่งขันการซื้อลดลง และถ้าล้งเหลือน้อยลงจนกระทั่งรวมตัวกันได้ อำนาจการซื้อจะอยู่ในมือพ่อค้า อาจจะไม่ใช่ราคาจริง

“แต่ถ้าเกษตรกรทำคุณภาพให้ชัดเจน ทำมาตรฐานให้สูงขึ้น และพยายามลดต้นทุนเพื่อปรับราคาลงมาที่ไม่ใช่ราคาเกินจริง ทำให้เกิดการแข่งขันกันซื้อ มีพ่อค้ามาซื้อจำนวนมาก กำลังการผลิต การส่งออก และราคาจะไปได้ดี ดังนั้น เกษตรกรและพ่อค้าจะต้องไปด้วยกัน และไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับจีน ที่เป็นตลาดหลักมีความชัดเจนสามารถรองรับผลผลิตได้ปีละ 500,000-600,000 ตัน ต้องรักษาไว้”

ข้อมูล จาก สวพ. 6 ข้อมูล (13 กันยายน 2567) โรงคัดบรรจุที่ขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร (ทะเบียน DOA) ในภาคตะวันออก 919 แห่ง (จันทบุรี 833 แห่ง ระยอง 51 แห่ง ตราด 23 แห่ง สระแก้ว 4 แห่ง ฉะเชิงเทรา 3 แห่ง ชลบุรี 5 แห่ง) และข้อมูล สวพ. 7 โรงคัดบรรจุที่ขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร (ทะเบียน DOA) ในภาคใต้ 506 แห่ง เปิดทำการ ชุมพร 269 แห่ง สุราษฎร์ธานี 1 แห่ง นครศรีธรรมราช 2 แห่ง

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ทุเรียนไทยชนลาวคู่แข่งใหม่ ล้งหาย 40% แห่ไปเวียดนาม

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...