5 ความแตกต่างระหว่าง เลี้ยงลูกให้เชื่อฟัง vs เลี้ยงลูกให้คิดเป็น
หากมีคนมาชื่นชมว่า คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงลูกให้เป็นเด็กเชื่อฟังดีจัง อาจฟังดูน่าปลื้มใจ แต่ในขณะเดียวกัน คำว่า ‘เชื่อฟัง’ ก็อาจกลายเป็นคุณสมบัติที่คุณพ่อคุณแม่คาดหวังในตัวลูกมากขึ้นแต่ในโลกปัจจุบัน การ เลี้ยงลูกให้เชื่อฟัง อาจไม่ใช่ทักษะที่สำคัญสำหรับเด็กรุ่นใหม่ แต่ความคิดเชิงวิพากษ์ หรือ Critical Thinking และการคิดอย่างอิสระต่างหากที่กลายเป็นทักษะที่จำเป็น การเลี้ยงลูกให้คิดเป็น จึงเป็นหนึ่งในการเตรียมทักษะความพร้อมให้ลูกเติบโตต่อไปในอนาคตการ เลี้ยงลูกให้เชื่อฟัง และการเลี้ยงลูกให้คิดเป็น มีความแตกต่างกันในหลายมิติ ตั้งแต่วิธีการสื่อสาร ลักษณะการตอบสนองต่อความผิดพลาด ไปจนถึงการส่งเสริมความคิดริเริ่มและความเป็นอิสระของลูกแล้วคุณพ่อคุณแม่กำลังเลี้ยงลูกในแนวทางไหน เรามี 5 ลักษณะความแตกต่างที่สำคัญ มาชวนคุณพ่อคุณแม่สำรวจตัวเองไปพร้อมกันค่ะ1. เป้าหมายหลักในการเลี้ยงลูก
เลี้ยงให้เชื่อฟัง: คุณพ่อคุณแม่มักจะตั้งเป้าหมายให้ลูกเป็นเด็กดี ว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อไม่ซน ทำตามกฎระเบียบที่วางไว้ มุ่งเน้นความสงบเรียบร้อย และการควบคุมพฤติกรรมของลูกเป็นหลักเลี้ยงให้คิดเป็น: สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้ลูกคิดเป็น เป้าหมายหลักคือการสอนลูกให้มีความคิดเป็นของตัวเอง กล้าสงสัย กล้าถาม และสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ การสำรวจ และการพัฒนาศักยภาพทางความคิดของลูกเป็นหลัก2. วิธีการตอบสนองเมื่อลูกทำผิด
เลี้ยงให้เชื่อฟัง: เมื่อลูกทำผิดพลาด คุณพ่อคุณแม่มักให้ลูกพูดคำว่า "ขอโทษ" ทันที หรืออาจมีการลงโทษเพื่อให้ลูกจำและไม่ทำผิดซ้ำ โดยบางครั้งอาจไม่ได้พูดคุยหรือถามไถ เพื่อทำความเข้าใจถึงสาเหตุของปัญหาเลี้ยงให้คิดเป็น: ในทางตรงกันข้าม เมื่อลูกทำผิดพลาด คุณพ่อคุณแม่จะชวนลูกคุยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ อะไรคือผลของการกระทำนั้น และช่วยลูกคิดหาทางแก้ไขปัญหา หรือวิธีป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องแบบเดิมอีก3. วิธีการตอบสนองเมื่อลูกสงสัย
เลี้ยงให้เชื่อฟัง: เมื่อลูกตั้งคำถาม คุณพ่อคุณแม่อาจตอบแบบสั้นๆ ง่ายๆ หรือบางครั้งก็เผลอแสดงอารมณ์ไม่พอใจ รำคาญ เมื่อลูกถามเยอะ ซึ่งจะทำให้ลูกขาดความมั่นใจและไม่กล้าตั้งคำถามอีกเลี้ยงให้คิดเป็น: เมื่อลูกตั้งคำถาม คุณพ่อคุณแม่มักชื่นชมในความขี้สงสัยของลูก และชวนกันหาคำตอบ ผ่านการหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต เปิดหนังสือ หรือตั้งสมมติฐานและทดลองไปด้วยกัน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และความอยากรู้อยากเห็นของลูก4. วิธีตอบสนองเมื่อลูกอยากลอง
เลี้ยงให้เชื่อฟัง: มักจะห้ามลูกไม่ให้ลองทำอะไรใหม่ๆ ที่ดูเสี่ยง หรือนอกเหนือจากสิ่งที่เคยทำ เพื่อป้องกันอันตรายหรือความผิดพลาด ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความมั่นคงมากกว่าการเปิดโอกาสให้ลูกได้สำรวจเลี้ยงให้คิดเป็น: มักจะเปิดโอกาสให้ลูกได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ ภายใต้การดูแลและคำแนะนำที่เหมาะสม อาจจะสอนวิธีป้องกันอันตราย และกระตุ้นให้ลูกนึกถึงผลที่จะตามมา เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้จากการลงมือทำจริง5. ความคาดหวังเมื่อลูกโตขึ้น
เลี้ยงให้เชื่อฟัง: เมื่อลูกโตขึ้น คุณพ่อคุณแม่อาจจะยังคงคาดหวังให้ลูกอยู่ในกรอบที่วางไว้ หรือเดินตามเส้นทางที่สังคมเห็นว่าดี ไม่ค่อยเปิดโอกาสให้ลูกได้ค้นหาความชอบหรือความถนัดของตัวเองอย่างเต็มที่เลี้ยงให้คิดเป็น: เมื่อลูกโตขึ้น คุณพ่อคุณแม่จะยังคงสนับสนุนให้ลูกค้นหาตัวเองลองทำสิ่งที่สนใจ และสร้างเป้าหมายในชีวิตด้วยตัวเอง โดยจะยังคงทำหน้าที่ให้คำปรึกษา เป็นกำลังใจ และช่วยให้ลูกได้เรียนรู้จากประสบการณ์ต่างๆ เพื่อให้ลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นใจและเป็นตัวของตัวเองอ่านบทความ: ฝึกเจ้าหนูจำไมให้เป็นนักคิด ด้วยกิจกรรมถาม-ตอบอ้างอิงTruhapThemompsycologistMedium