โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

มิจฉาชีพออนไลน์ลดลงหลังจำกัดเวลาเปิด-ปิดด่านกัมพูชา

ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

อัพเดต 19 มิ.ย. เวลา 08.32 น. • เผยแพร่ 19 มิ.ย. เวลา 08.32 น. • ข่าวเวิร์คพอยท์

(19 มิ.ย. 68) ที่พรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม ได้แถลงข่าวถึงความคืบหน้าสถิติทางอาชญากรรมออนไลน์ลดลง จากมาตรการ ปิดด่านชายแดนไทย - กัมพูชา

โดย นายประเสริฐ กล่าวว่า จากที่ทุกท่านคงทราบดีแล้ว และสิ่งที่เป็นข่าวที่กัมพูชากำลังถูกจับตาในฐานะศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเบื้องหลังของวงจรต้มตุ๋นออนไลน์ที่อาศัยแรงงานจากการค้ามนุษย์นี้ ปรากฏแน่ชัดว่าได้รับการเอื้อประโยชน์อย่างเป็นระบบจากโครงสร้างรัฐและชนชั้นปกครองระดับสูง

หนึ่งในรายงานที่ถูกเผยแพร่ จัดทำโดยสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ได้กล่าวอย่างละเอียดถึงกลุ่มอาชญากรข้ามชาติ อาชญากรรมทางไซเบอร์ และการฉ้อโกงทางออนไลน์หรือแก๊งคอลเซนเตอร์ รวมถึงมีแผนที่ที่ระบุฐานปฏิบัติการของมิจฉาชีพหลายแห่งอย่างชัดเจนตามแนวชายแดนกัมพูชา – ไทย โดยเฉพาะ เมืองปอยเปต ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายแดนกัมพูชา ตรงข้ามกับ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เป็นพื้นที่สำคัญทางยุทธศาสตร์สำหรับเครือข่ายอาชญากร Scam Centres ที่เป็นแหล่งรายได้หลักของกัมพูชาหรือคิดเป็นร้อยละ 80% ที่เป็นรายได้หลักของประเทศกัมพูชา

นายประเสริฐ กล่าวว่า ในฐานะรัฐมนตรีดีอี ได้พยายามทำมาตลอด คือ การหยุดยั้งปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ และการฉ้อโกงทางออนไลน์ในทุกรูปแบบ ซึ่งจากสถิติข้อมูลที่ได้รายงานประจำเดือนมิถุนายน 2568 การแจ้งความออนไลน์มีแนวโน้มลดลงจากเดิมประมาณ 1,300 ราย ในช่วงที่เรามีคำสั่งเปิด – ปิดด่านเป็นช่วงๆ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านเป็นผลให้สถิติการแจ้งความออนไลน์ลดลงมาเหลือ 900 ราย ในวันที่ 8 มิถุนายน 2568 ทันทีหลังปิดด่านได้เพียง 1 วัน ถึงแม้ในบางช่วงๆ จะมีสถิตแนวโน้มเพิ่มกลับขึ้นมา แต่ก็ยังคงต่ำกว่าช่วงที่ยังไม่มีการปิดด่าน และกลับมาลดลงหลังจากมีคำสั่งห้ามคนไทยข้ามไปทำงานที่กัมพูชา

หากเราย้อนไปดูสถิติข้อมูลในช่วงวันที่ 1 มีนาคม 2565 ถึง 31 มีนาคม 2566 พบว่ามีการรายงานการหลอกลวงทางออนไลน์ 229,923 รายงาน โดยมีมูลค่าความเสียหายรวม 34,501 ล้านบาท และเมื่อมีการเปิดตัว “ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนเทคโนโลยี หรือ AOC 1441 ” เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ในช่วงของวันที่ 1 มีนาคม 2567 ถึง 31 มีนาคม 2568 เราได้มีการจัดการคดีมากกว่า 1.18 ล้านคดี และมีการระงับบัญชีม้าได้มากกว่า 521,915 บัญชี เป็นผลทำให้เราสามารถป้องกันการสูญเสียจำนวนเงินของพี่น้องประชาชน ได้มากกว่า 19,964 ล้านบาท หรือคิดเป็นลดความเสียหายลงได้มากกว่า 42.14%

โดยล่าสุดจากข้อมูลที่มีการรวบรวมในระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 สายด่วน AOC 1441 รับสายเข้ารวม 1,769,958 สาย ส่งผลให้บัญชีที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงถูกระงับการใช้งาน 686,515 บัญชี และตรวจสอบความเสียหายมูลค่า 29,750 ล้านบาท

จากข้อมูลที่ตนกล่าวมาข้างต้น จะเห็นว่าการปิดด่าน การตัดไฟ การตัดเน็ต บ่งชี้ได้อย่างชัดเจนว่าสามารถทำให้ อาชญากรข้ามชาติ อาชญากรรมทางไซเบอร์ และการฉ้อโกงทางออนไลน์ หรือ แก๊งคอลเซนเตอร์ ลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะ

(1) ปัญหาการโทรผ่านระบบมือถือเพื่อหลอกลวงประชาชนจะหายไปอย่างสิ้นเชิง

(2) การกดเงินเพื่อนำออกไปนอกประเทศผ่านบัญชีม้าจะลดลงเพราะได้มีการเชื่อมโยงกับระบบธนาคาร/สถาบันการเงินที่ผู้กดเงินจะต้องสแกนใบหน้า ทำให้การนำเงินออกไปยากมากขึ้น เงินจะค้างในระบบ ทำให้สามารถดึงเงินคืนให้กับผู้เสียหายได้

ถึงแม้สิ่งที่เราดำเนินการอาจจะส่งผลกระทบกับพี่น้องประชาชนไปบ้างก็ตาม แต่สิ่งที่ทำให้เห็นภาพรวม คือ เราสามารถลดการสูญเสียหรือความเสียหายในรูปตัวเงินได้เป็นจำนวนมากที่เดียว ผมจึงอยากเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมมือ ร่วมใจเป็นศูนย์กลาง หรือเป็น HUB ในการต่อต้านอาชญากรข้ามชาติ อาชญากรรมทางไซเบอร์ และการฉ้อโกงทางออนไลน์ หรือ แก๊งคอลเซนเตอร์กันนะครับเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและพี่น้องประชาชนของเรา

นายประเสริฐ กล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งที่ตนและรัฐบาลจะเร่งการดำเนินการตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เช่น กำหนดมาตรการจัดการบัญชีม้า กาหนดมาตรการและตรวจสอบการลงทะเบียน Sender Name เพิ่มความเข้มข้นในการระงับการให้บริการโทรคมนาคม จัดทำกฎกระทรวงหลักเกณฑ์ แนวปฏิบัติกระบวนการคืนเงินให้แก่ผู้เสียหาย พัฒนาระบบแพลตฟอร์มกลาง ฐานข้อมูลกลาง ศปอท. เร่งจัดทำระเบียบกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ว่าด้วยการปฏิบัติงานของศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และอีกหลายมาตรการที่กำลังดำเนินการ เช่น การปราบปรามและบังคับใช้กฎหมาย การความร่วมมือระหว่างประเทศ การช่วยเหลือเหยื่อ การป้องกันและสร้างความตระหนักรู้ มาตรการควบคุมชายแดนและช่องทางธรรมชาติ และอีกหลายมาตรการกำลังจะออกมาเพิ่มเติม

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...