โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

รักพังเพราะพฤติกรรม Phubbing เมินคนรักเพราะติดมือถือ

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 03 ก.ค. เวลา 08.33 น.
พฤติกรรม “Phubbing” คือการเมินหรือเพิกเฉยต่อคนที่อยู่ตรงหน้าเพราะมัวแต่ใช้โทรศัพท์มือถือ

Phubbing คืออะไร?

พฤติกรรม “Phubbing” คือการเมินหรือเพิกเฉยต่อคนที่อยู่ตรงหน้าเพราะมัวแต่ใช้โทรศัพท์มือถือ คำนี้มาจากการรวมคำว่า Phone กับ Snubbing ซึ่งหมายถึงการละเลยหรือไม่สนใจอีกฝ่ายเพราะมัวแต่ก้มหน้าอยู่กับหน้าจอ แม้จะดูเป็นพฤติกรรมเล็กน้อยที่เกิดขึ้นบ่อยในชีวิตประจำวัน เช่น การเช็กมือถือระหว่างคุยกัน การเลื่อนจอขณะอีกฝ่ายกำลังพูด หรือการสนใจโซเชียลมากกว่าคู่สนทนา แต่เมื่อเกิดซ้ำ ๆ กลับส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อความสัมพันธ์โดยไม่รู้ตัว

งานวิจัยโดย James A. Roberts และ Meredith E. David จาก Baylor University สหรัฐอเมริกา ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Computers in Human Behavior ระบุว่า 46.3% ของผู้เข้าร่วมการสำรวจเคยถูกคนรักเมินใส่เพราะมือถือ และ 22.6% บอกว่าพฤติกรรมนี้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขาอย่างมีนัยสำคัญ นักวิจัยยังได้พัฒนาเครื่องมือที่เรียกว่า Partner Phubbing Scale เพื่อตรวจวัดระดับพฤติกรรมนี้ และพบว่าผู้ที่รู้สึกว่าตนเองถูกเมินบ่อยครั้งจะมีระดับความพึงพอใจในความสัมพันธ์ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ

ผลกระทบของ Phubbing ไม่ได้จบแค่ความรู้สึกเสียหน้า แต่ยังบั่นทอนความมั่นคงทางใจ ความรู้สึกมีคุณค่า และลดความพึงพอใจในความสัมพันธ์ลงอย่างต่อเนื่อง คู่รักที่ถูกเมินซ้ำ ๆ อาจรู้สึกว่าตัวเองไม่สำคัญ ถูกทอดทิ้ง หรือไม่เป็นที่สนใจ จนนำไปสู่ความเครียด ความหึงหวง การทะเลาะเบาะแว้ง และท้ายที่สุดคือความห่างเหินระหว่างกัน

บางครั้ง พฤติกรรมนี้ไม่ได้เกิดจากเจตนาไม่ดี แต่อาจมาจากความเคยชินหรือความเสพติดเทคโนโลยีโดยไม่รู้ตัว เช่น หยิบมือถือขึ้นมาอัตโนมัติเมื่อว่างเพียงไม่กี่วินาที หรือรู้สึกต้องเช็กข้อความและโซเชียลมีเดียอยู่ตลอดเวลา พฤติกรรมเหล่านี้เมื่อสะสมไปเรื่อย ๆ กลายเป็นวงจรที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างก็ "Phub" กันโดยไม่ตั้งใจ และทำให้คุณภาพของเวลาร่วมกันลดลง

ที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ พฤติกรรม Phubbing อาจนำไปสู่ “การใช้ชีวิตแบบขนาน” หรือ Parallel Living ซึ่งหมายถึงการอยู่ร่วมกันแต่ไม่เชื่อมโยงกันจริง ต่างคนต่างใช้ชีวิตในโลกของตัวเอง อยู่ในห้องเดียวกันแต่ไม่พูดกัน เพราะต่างคนต่างสนใจจอมือถือมากกว่าความรู้สึกของกันและกัน ความใกล้ชิดทางกายไม่ได้หมายถึงความใกล้ชิดทางใจ

อย่างไรก็ตาม Phubbing ไม่ใช่เรื่องที่แก้ไม่ได้ การเริ่มต้นจากการตระหนักรู้ว่าพฤติกรรมนี้มีผลกระทบ ต่อมาคือการสื่อสารกับคู่รักอย่างตรงไปตรงมา เช่น บอกว่าเรารู้สึกอย่างไรเมื่ออีกฝ่ายหยิบมือถือขึ้นมาในระหว่างพูดคุย และช่วยกันกำหนด "พื้นที่ปลอดมือถือ" เช่น ระหว่างทานข้าว ก่อนนอน หรือช่วงเวลาที่ตกลงจะใช้ร่วมกันโดยไม่มีหน้าจอเป็นตัวขัดจังหวะ

นอกจากนี้ การชวนกันทำกิจกรรมแบบออฟไลน์ เช่น เดินเล่น ทำอาหาร ดูหนัง หรือเล่นบอร์ดเกม ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยให้คู่รักได้เชื่อมโยงกันมากขึ้น และกลับมามองตาพูดคุยอย่างมีคุณภาพเหมือนในวันที่เริ่มต้นคบกัน

เพราะความสัมพันธ์ที่ดีไม่ได้วัดกันที่จำนวนข้อความหรือรูปถ่ายบนหน้าจอ แต่วัดจากช่วงเวลาที่เราให้กันอย่างตั้งใจในชีวิตจริง อย่าปล่อยให้การเลื่อนหน้าจอ กลายเป็นการเลื่อนห่างของหัวใจ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...