ทนายเมย์ย้ำ 2 ข้อเรียกร้อง 'บุ้ง' เสียดายสังคมจำภาพ 'ปากแซ่บ' กลบมิติความเป็นมนุษย์ที่ปกป้องผู้อื่น
ทนายเมย์ย้ำ 2 ข้อเรียกร้อง ‘บุ้ง’ เสียดายสังคมจำภาพ ‘ปากแซ่บ’ กลบมิติความเป็นมนุษย์ที่ปกป้องผู้อื่น
เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ห้องประชุมอเนกประสงค์ชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการจัดงาน “บุ้ง เนติพร” วันที่เธอหายไป Remembering Her, Remember Us‘ รำลึกและยืนหยัดเจตนารมณ์สุดท้าย ครบรอบ 1 ปีการจากไปของบุ้ง เนติพร อิสรภาพที่ไม่ได้รับจากกระบวนการยุติธรรม
บรรยากาศเวลา 11.00 น. ภายหลังจบพิธีสงฆ์ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ น.ส.เนติพร เข้าสู่ช่วง ‘ฟังเสียงจากคนที่รักบุ้ง
ในตอนหนึ่ง น.ส.พูนสุข พูนสุขเจริญ หรือ ทนายเมย์ จากศูนย์ทนายฯ กล่าวถึงภาพจำผ่านสื่อว่า นักกิจกรรมคนนี้อาจจะดูปากแซ่บ แต่สิ่งที่จะค้นพบหลังจากได้พูดคุย เราเห็นมิติความเป็นมนุษย์ที่อยากปกป้องมนุษย์ด้วยกัน เขาพยายามซัพพอร์ตคนอื่น
ไม่ใช่แค่ดูแลคนรอบๆ ตัว แต่ดูแลปกป้องสิทธิแม้กระทั่งผู้ต้องขังคนอื่นๆ ในเรือนจำ แม้ไม่ใช่เพื่อนนักโทษคดีการเมืองก็ตาม แต่ถูกกล่าวโทษจากผู้คุม หลายครั้งบุ้งเขามาเล่าว่า มีปากเสียงกับผู้คุมเนื่องจากเขาพยายามปกป้องคนอื่นที่ถูกละเมิด นั่นคือสิ่งที่จะพยายามทำ บุ้งใช้ปากเสียงของตัวเองในการปกป้องคนอื่น
“หลังออกมา บุ้งดูแลเยาวชนคนหนึ่ง แม้บางคนไม่เห็นด้วยกับท่าทีของบุ้งด้วยซ้ำ แต่ถ้าเรามองข้ามสิ่งเหล่านั้น ‘บุ้งกำลังปกป้องเยาวชนคนหนึ่ง’ เหมือนกัน มันคือวิธีที่คนในครอบครัวเขา ปกป้องบุ้งในวัยเยาว์มาก่อน มันทำให้เราเข้าใจและเห็นมิติความเป็นมนุษย์”
“สังคมเห็นความรุนแรงของเขาผ่านภาษากาย คำพูด แต่น่าเสียดายที่สังคมไม่เห็นความรุนแรงที่บุ้งต้องเผชิญอยู่ บุ้งใช้แค่ปาก และเสียง 7 คดีทั้งหมดเกี่ยวข้องกับสิทธิเสรีภาพการแสดงออก แต่ไม่ได้รับการประกันตัว ถูกถอนประกัน สุดท้ายนำมาสู่การเสียชีวิต
ความรุนแรงผ่านโครงสร้าง เหตุใดจึงถูกมองข้ามไป แล้วถูกมองด้วยภาษากายของคนๆ หนึ่ง มันเป็นบทเรียนของนักกิจกรรมเหมือนกัน ที่เรายังต่อสู้อยู่” น.ส.พูนสุขชี้
น.ส.พูนสุข กล่าวต่อว่า 2 ข้อเรียกร้องของบุ้ง 1.ต้องไม่มีคนเห็นต่างอยู่ในเรือนจำอีกต่อไป 2.ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม บุ้งมองภาพกว้างมากกว่า ‘การปล่อยนักโทษทางการเมือง’ บุ้งนักพูดถึง ความเป็นลูกหลานตุลาการอยู่บ่อยครั้ง ไม่ใช่เพื่อยกตัวเอง แต่เพื่อทำความเข้าใจและบอกเล่า ว่าการเป็นลูกหลานตุลาการเขาได้เห็นอะไร
“ในมุมของเมย์ ถ้าเราอยู่ในสังคมที่พัฒนาแล้ว 2 ข้อนี้เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ควรเป็นข้อเรียกร้องที่ทำให้คนต้องมาเสียสละ มันโคตรจะเรียบง่าย ถ้าเราอยู่ในสังคมประชาธิปไตย แต่มันกลายเป็นเรื่องยากมากๆ หากต่อท้ายด้วยคำว่า ‘นี่คือสังคมไทย’ ปัจจุบันยังมีอีก 48 คนอยู่ในเรือนจำ การให้เขาออกมานั้น ‘ยาก’ แต่การปฏิรูปเผลอๆ ยากกว่า”
“ถ้าคนที่ยังสู้คดีอยู่ จริงๆ สั่งไม่ฟ้องก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีสถิติ เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ในการสั่งฟ้องคดี 112 ที่ต้องไปพิสูจน์ในชั้นศาล อาจใช้มาตรการพักโทษก็ได้ บางคนใช้เหตุขออภัยโทษ ซึ่งก็ขอได้
เคสที่น่าจะครอบคลุมที่สุดคือ ‘นิรโทษกรรมประชาชน’ แต่จะต้องออกเป็นกฎหมายอีก 1 ฉบับ ซึ่งสามารถออกแบบให้ครอบคลุมทุกคดีความได้ และรวดเร็วกว่า แต่ปัญหาที่ท้าทายในปัจจุบัน คือ นิรโทษกรรมจะรวม ม.112 หรือไม่ ถ้าไม่รวม ถามว่าใครได้ประโยชน์ ฝ่ายอนุรักษนิยมมากกว่าเสียด้วยซ้ำไป ที่อาจจะหน่วงรั้งความเปลี่ยนแปลงได้อีกระยะ
แต่หากไม่รวม จะมีคนถูกขังเรื่อยๆ และมากขึ้น แต่ไม่สามารถการันตีว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงได้เลย เราอยู่บนทางการต่อสู้เหมือนกัน อยู่ที่ฝ่ายอนุรักษนิยมจะเลือกแบบไหน” น.ส.พูนสุขเผย
น.ส.พูนสุข กล่าวต่อว่า ศูนย์ทนายฯ เราเผชิญมาแล้วตั้งแต่ยุค คสช., พลเรือนขึ้นศาลทหาร แต่ช่วงเวลาที่หดหู่ที่สุด คือปี 2561 ที่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายใช้ ม.112 คือช่วงที่หนาวที่สุด จากการติดตามมาอย่างต่อเนื่อง
“เราเห็นคนที่เข้าใจปัญหามากขึ้น เห็นมือที่มองเห็นแต่พูดไม่ได้ มีคนบาดเจ็บ เสียชีวิต แต่การต่อสู้ครั้งนี้ยังไม่จบ เราไม่สามารถรับปากบุ้งได้ว่า รับไม้ต่อแล้วจะสำเร็จ ยืนยันได้แค่เพียงว่า เราจะยังสู้อยู่ และจะสู้ต่อไป” น.ส.พูนสุขกล่าว
เวลา 12.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ร่วมงานต่างร่วมวางดอกไม้สีขาว เบื้องหน้าภาพของ น.ส.เนติพร เพื่อแสดงความระลึกถึงการเสียสละด้วยการใช้ชีวิตเข้าแลก ท่ามกลางดนตรีที่บรรเลงโดย น้ำ คีตาญชลี ระหว่างวางดอกไม้
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ทนายเมย์ย้ำ 2 ข้อเรียกร้อง ‘บุ้ง’ เสียดายสังคมจำภาพ ‘ปากแซ่บ’ กลบมิติความเป็นมนุษย์ที่ปกป้องผู้อื่น
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th