โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ทหารยิวยิงฝูงชนรอรับอาหารตายเกลื่อนเฉียดร้อย ขณะขยายคำสั่งอพยพชาวปาเลสไตน์จากตอนกลางกาซา

Manager Online

เผยแพร่ 21 ก.ค. เวลา 15.02 น. • MGR Online

ทหารอิสราเอลกราดยิงใส่ฝูงชนปาเลสไตน์นับพันที่รอรับสิ่งบรรเทาทุกข์ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 93 คนและบาดเจ็บอีกนับสิบเมื่อวันอาทิตย์ (20 ก.ค.) นอกจากนั้นกองทัพยิวยังสั่งประชาชนต้องอพยพออกไปจากหลายพื้นที่ตอนกลางของกาซา ซึ่งเป็นบริเวณในไม่กี่พื้นที่ที่ยังรอดพ้นจากปฏิบัติการภาคพื้นดินของกองทัพยิว อีกทั้งเป็นที่ตั้งหน่วยงานบรรเทาทุกข์ระหว่างประเทศหลายแห่ง

หน่วยงานป้องกันภัยพลเรือนของกาซาเผยว่า ชาวปาเลสไตน์ 80 คนเสียชีวิตขณะที่ขบวนรถบรรเทาทุกข์ 25 คันของโครงการอาหารโลก (ดับเบิลยูเอฟพี) ของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แล่นไปถึงใกล้เมืองกาซาซิตี้ ทางเหนือของฉนฝนกาซา ขณะที่ 9 คนเสียชีวิตใกล้จุดแจกจ่ายความช่วยเหลือในเมืองราฟาห์ ทางใต้สุดของกาซา และอีก 4 คนถูกสังหารใกล้จุดแจกจ่ายความช่วยเหลือในเมืองข่านยูนิส ซึ่งอยู่ทางใต้เช่นเดียวกัน นอกจากนั้นรายงานจากโรงพยาบาลต่างๆ ยังระบุว่า มีผู้บาดเจ็บกว่า 150 คน โดยบางคนอาการหนัก

กาเซ็ม อาบู เกเตอร์ วัย 36 ปี เล่าว่า เขาเป็นหนึ่งในฝูงชนนับพันที่เบียดเสียดรอรับสิ่งบรรเทาทุกข์ในกาซาซิตี้ และจู่ๆ รถถังของอิสราเอลก็ยิงใส่พวกเขา และพลแม่นปืนเล็งยิงราวกับกำลังล่าสัตว์ในป่า

ผู้อยู่ในเหตุการณ์อีกคนเล่าว่า ติดอยู่ในวงล้อมของรถถังอิสราเอลที่ระดมสาดกระสุนใส่ราว 2 ชั่วโมง ซึ่งสอดคล้องกับการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ยูเอ็นคนหนึ่งที่บอกว่า กองกำลังอิสราเอลยิงใส่ฝูงชนที่พยายามเข้าไปรับอาหารจากขบวนรถ

ดับเบิลยูเอฟพีประณามว่า การใช้ความรุนแรงต่อพลเรือนที่รอรับความช่วยเหลือเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง ขณะที่เมื่อต้นเดือนนี้ยูเอ็นเปิดเผยว่า นับจากปลายเดือนพฤษภาคมมีชาวปาเลสไตน์ที่รอรับความช่วยเหลือเสียชีวิตเกือบ 800 คน

ทางด้านกองทัพอิสราเอลโต้ว่า ทหารยิงใส่ชาวปาเลสไตน์ที่มีท่าทีเป็นอันตรายเท่านั้น ทั้งยังท้วงว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตที่เจ้าหน้าที่กาซารายงานสูงกว่าที่การสอบสวนเบื้องต้นของกองทัพพบ และกล่าวหาฮามาสสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย

ขณะเดียวกัน คำสั่งอพยพใหม่ของกองทัพอิสราเอลเท่ากับเป็นการปิดกั้นการเข้าถึงระหว่างเมืองเดอีร์ อัล-บาลาห์ที่ ตั้งอยู่ตอนกลางของกาซากับเมืองราฟาห์และข่านยูนิสทางตอนใต้ และกองทัพยิวยังย้ำคำสั่งอพยพสำหรับดินแดนตอนเหนือของกาซา

ชาวปาเลสไตน์ต่างกังวลกับคำสั่งอพยพออกจากหลายพื้นที่ในเดอีร์ อัล-บาลาห์ที่เดิมถือว่า ค่อนข้างปลอดภัย

เช่นเดียวกับยูเอ็นที่พยายามติดต่อกับเจ้าหน้าที่อิสราเอลเพื่อขอความชัดเจนว่า หน่วยงานต่างๆ ของยูเอ็นทางตะวันตกเฉียงใต้ของเดอีร์ อัล-บาลาห์ที่ไม่เคยต้องอพยพมาก่อนครั้งนี้ต้องอพยพหรือไม่

ขณะที่กลุ่มความช่วยเหลือทางการแพทย์เพื่อชาวปาเลสไตน์ ตลอดจนถึงสำนักงานและที่พักขององค์การด้านมนุษยธรรมหลายแห่งในบริเวณดังกล่าวได้รับคำสั่งให้อพยพทันที และคลินิก 9 แห่งถูกบังคับให้ปิดให้บริการ

อาวิเชย์ อาดราอี โฆษกกองทัพอิสราเอล เรียกร้องให้ชาวปาเลสไตน์มุ่งหน้าไปยังมูวาซี ซึ่งเป็นที่ตั้งแคมป์ของผู้อพยพทางใต้ของกาซาที่ขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐาน แต่กองทัพอิสราเอลจัดให้เป็นเขตมนุษยธรรม

วันจันทร์ (21 ก.ค.) รอยเตอร์รายงานว่า รถถังอิสราเอลได้เคลื่อนเข้าสู่เดอีร์ อัล-บาลาห์ ซึ่งกองทัพยิวเชื่อว่า มีตัวประกันบางส่วนถูกคุมขังอยู่ เป็นครั้งแรก ขณะที่หน่วยแพทย์ฉุกเฉินเผยว่า มีชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 3 คนเสียชีวิตและอีกหลายคนได้รับบาดเจ็บ หลังรถถังของอิสราเอลยิงใส่บ้าน 8 หลังและมัสยิด 3 แห่งในบริเวณดังกล่าว

อนึ่ง คำสั่งอพยพใหม่ออกมาขณะที่อิสราเอลและฮามาสกำลังเจรจาหยุดยิงที่กาตาร์ และนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล ย้ำว่า การขยายปฏิบัติการทางทหารในกาซาจะช่วยกดดันฮามาสในการเจรจา

ทว่า กลุ่มโฮสเทจส์ แฟมิลี่ ฟอรัม ซึ่งเป็นองค์กรรากหญ้าที่เป็นตัวแทนของครอบครัวตัวประกันอิสราเอล ประณามคำสั่งอพยพใหม่และเรียกร้องให้เนทันยาฮูและกองทัพอิสราเอลอธิบายเป้าหมายของปฏิบัติการในบริเวณตอนกลางของกาซา

(ที่มา: เอพี/เอเอฟพี/รอยเตอร์)

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...