ศทช. ประณาม “กัมพูชา” วางระเบิดชายแดน ทำทหารไทยสาหัส
(20 ก.ค. 68) วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เปิดเผยว่า “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมกำหนดแนวทางกรณี 3 นายทหารได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี
โพสต์ระบุว่า
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังจากกองทัพภาคที่ 2 ได้รายงานผลสอบกรณีกับระเบิดที่จังหวัดอุบลราชธานี วานนี้แล้ว พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา(ศบ.ทก.) ได้เรียกประชุมฝ่ายเลขาฯ ของคณะกรรมการ ศบ.ทก.ในวันนี้ เวลา 14.00 น. ร่วมด้วยกรมชายแดนทหาร
เพื่อจะเป็นการกำหนดแนวทางกรณีกองทัพภาคที่ 2 รายงานผลการตรวจสอบกรณีกำลังพลที่จังหวัดอุบลราชธานี ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและเหยียบกับระเบิด ทำให้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้กองทัพภาคที่ 2 เก็บข้อมูลหลักฐาน และผลการพิสูจน์ ทั้งหมดรายงานผล เป็นลายลักษณ์อักษรให้ฝ่ายเลขาฯ ศบ.ทก.ทราบ
จากนั้น ในวันพรุ่งนี้ (วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม 2568) เวลา 09.30 น. จะเป็นการประชุมคณะกรรมการ ศบ.ทก. ชุดใหญ่ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เต็มคณะ ทั้งจากกระทรวงการต่างประเทศ และฝ่ายความมั่นคงที่เป็นคณะกรรมการของ ศบ.ทก. เข้าร่วม เพื่อหารือถึงผลการพิสูจน์กับระเบิด และการกำหนดท่าทีที่จะดำเนินการต่อไป
ขณะเดียวกัน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ได้กล่าวขณะเดินทางเข้าเยี่ยมเหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมกับนางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยกล่าวสั้น ๆ ว่า “ผมยืนยันนะครับ หากเป็นการล่วงล้ำอธิปไตย ผมไม่อยู่เฉย”
ในเวลาต่อมา (20 ก.ค. 68) ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ออกแถลงการณ์ประณามกัมพูชา จากกรณีลักลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ส่งผลให้ 3 นายพลทหารไทยได้รับบาดเจ็บ โดย 1 ในนั้นสูญเสียอวัยวะ จากการตรวจสอบพบเป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิดใหม่ที่เพิ่งถูกวางขึ้น จี้ หยุดการขัดขวางภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิด
แถลงการณ์ระบุว่า
ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ขอแสดงความห่วงกังวลอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 โดยปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีการลักลอบเข้ามาดำเนินการวางทุ่นระเบิด สังหารบุคคลในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา บริเวณช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่อธิปไตยไทย
เหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้กำลังพลของกองทัพไทยได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย โดยในจำนวนนี้ 1 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นสูญเสียอวัยวะและกลายเป็นผู้พิการถาวร จากการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิด พบว่าทุ่นระเบิดที่ใช้ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิดใหม่ซึ่งเพิ่งถูกวางขึ้น โดยจัดวางในลักษณะสนามทุ่นระเบิด และกระจายตัวหลายจุดตามแนวชายแดนในเขตพื้นที่อธิปไตยไทย โดยทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิดดังกล่าวมิได้อยู่ในระบบยุทโธปกรณ์ของกองทัพไทยอย่างชัดเจน และมีลักษณะมุ่งหมายเพื่อก่ออันตรายต่อกำลังพล รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ และยังส่งผลกระทบ ต่อความปลอดภัยของประชาชนในบริเวณใกล้เคียงอย่างมีนัยสำคัญ
ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ขอประณามการกระทำดังกล่าวอย่างรุนแรง และขอแสดงการคัดค้านอย่างเด็ดขาดต่อการกระทำใด ๆ ที่อาจถือเป็นการละเมิดพันธกรณีและบรรทัดฐานของอนุสัญญา ว่าด้วยการห้ามใช้ สะสม ผลิตและโอน และการทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Mine Ban Treaty หรือ Ottawa Convention) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่าทั้งราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา ต่างเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาฉบับนี้ และได้ให้คำมั่นที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีอย่างครบถ้วน อันรวมถึง การยุติการใช้และสะสมทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ตลอดจนการดำเนินการเก็บกู้ และทำลายทุ่นระเบิดที่ยังตกค้างภายในประเทศ เพื่อประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนโดยรวมในระยะยาว
ในฐานะหน่วยงานหลักของประเทศไทยด้านปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ขอเรียกร้องให้ราชอาณาจักรกัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน รวมถึงดำเนินมาตรการทางกฎหมายต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมทั้งดำเนินมาตรการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะนี้อีกในอนาคต
นอกจากนี้ ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาหยุดการขัดขวาง การปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดของฝ่ายไทยตามแนวชายแดน และให้ความร่วมมืออย่างจริงจังในการดำเนินงานเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ความปลอดภัย และความมั่นคงให้แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศ ตลอดจนเป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบร่วมกันในฐานะรัฐภาคี ของอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งต่างมีพันธกิจในการสนับสนุนสันติภาพ ความมั่นคงของมนุษยชาติ และลดผลกระทบจากอาวุธที่ไร้ความจำแนกต่อพลเรือน
ขอบคุณข้อมูล :เฟซบุ๊ก วาสนา นาน่วม / ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC)