”ปานเทพ“ พาผู้เสียหายกว่า 40 คน ถามความคืบหน้า ปม ซื้อทองไม่ได้ทอง
”ปานเทพ“ พาผู้เสียหายกว่า 40 คน ทวงถามความคืบหน้า ปม ซื้อทองไม่ได้ทอง จากบริษัท SCT GOLD ความเสียหายกว่า 700 ล้าน
เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2568 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พร้อมด้วยกลุ่มผู้เสียหายกว่า 40 ราย ที่เคยมีการเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 68และ 18 เมษายน 2568 กรณีถูก บริษัท SCT GOLD (บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส เทรด จำกัด) ฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าของคดี หลังจากการแจ้งความได้ผ่านพ้นไปนานกว่า 1 เดือน โดยมีผู้เสียหายรวมทั้งหมดกว่า 100 ราย และมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 600 ล้านบาทส่วนใหญ่เป็นร้านทองปลีกโดย
ซึ่งพฤติการณ์การฉ้อโกงของบริษัทดังกล่าวแม้จะเปิดทำธุรกิจมานานนับ 10 ปี แต่เพิ่งมาเกิดปัญหาไม่สามารถซื้อทองคำหรือโอนเงินให้ลูกค้าได้เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งทางผู้เสียหายเชื่อว่าผู้บริหารและพนักงานของบริษัทมีการวางแผนเป็นขั้นตอน ไร้ความรับผิดชอบ ความเสียหายเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 13-27 มีนาคม 2568 โดยมีลักษณะแตกต่างกัน บางรายขายทองแต่ไม่ได้รับเงิน ผู้เสียหายได้ส่งมอบทองให้กับบริษัทตามกำหนด แต่ถึงวันนัดรับเงินกลับไม่ได้รับชำระ , บางรายถอนทองคำประกันไม่ได้ ทองคำที่ฝากไว้เป็นหลักประกันไม่สามารถถอนคืนได้ โดยบริษัทอ้างว่าไม่มีทองคำให้ , บางรายนำทองรูปพรรณเก่าไปส่งเพื่อรีไฟน์เป็นทองแท่ง เมื่อถึงวันนัดรับทองแท่งกลับไม่ได้รับทอง
ด้านกลุ่มผู้เสียหายได้รวมตัวกันและทราบภายหลังว่า บริษัท SCT ได้เริ่มไม่จ่ายเงินให้กับลูกค้ารายแรกมูลค่า 116 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่บริษัทยังคงดำเนินการรับซื้อทองอย่างต่อเนื่อง โดยจูงใจให้ราคาสูงกว่าราคาตลาดและขอรับทองไปก่อน ทั้งที่ทราบดีว่าสถานะทางการเงินของบริษัทไม่สามารถชำระคืนลูกค้าได้ โดยสิ่งตกใจคือ SCT นำทองของผู้เสียหายไปขายให้กับโบรกเกอร์รายใหญ่ ก็จะสามารถนำเงินมาชำระคืนผู้เสียหายได้ แต่ทางบริษัทกลับปฏิเสธว่าไม่มีเงินจ่ายคืน และบ่ายเบี่ยงเมื่อถูกขอทองคืนว่าทองไม่มีแล้ว
โดยตลอดช่วงเดือนเมษายน-ปัจจุบัน บริษัท SCT ได้ติดต่อลูกค้าหลายรายให้เซ็นเอกสารไม่ดำเนินคดีทางแพ่งและอาญากับบริษัท โดยอ้างว่าจะโอนเงินคืน แต่เท่าที่กลุ่มผู้เสียหายทราบ เป็นเพียงการโอนคืนรายย่อยเพียงเล็กน้อย เสมือนเป็นการเยียวยาเพื่อสร้างหลักฐานว่าได้บรรเทาความเสียหาย เพื่อเปลี่ยนคดีอาญาเป็นคดีแพ่ง
ขณะที่อาจารย์ปานเทพและกลุ่มผู้เสียหายมีความเคลือบแคลงสงสัยว่าการกระทำของบริษัทน่าจะมีเจตนาฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ ด้วยเพราะมีการวางแผนอย่างเป็นขั้นตอน โดยตั้งใจวางแผน เร่งส่งทอง เชิญชวนซื้อทองขายทองด้วยโปรโมชั่นต่างๆ ก่อนจะปิดบริษัทไป
ทั้งนี้ผู้เสียหายตั้งข้อสังเกตต่อการบริหารงานของบริษัท SCT ว่า เจตนาเร่งรัดการส่งทอง แม้จะรู้ตัวว่าไม่สามารถจ่ายเงินและส่งคืนทองได้ แต่บริษัทกลับมีเจตนาให้พนักงานโทรศัพท์ชวนเร่งส่งทองและส่งเงิน , บ่ายเบี่ยงการคืนเงินและทอง หลังจากประกาศปิดบริษัทได้แจ้งให้รอโดยไม่สามารถระบุเวลาคืนได้ อ้างแต่เพียงว่ารอประชุมผู้บริหาร , ตัดขาดการติดต่อตั้งแต่เดือนเมษายน บริษัทเริ่มแสดงเจตนาไม่รับผิดชอบ โดยมีการตัดขาดการติดต่อกับลูกค้าบางรายที่มียอดหนี้สูง ด้านผู้เสียหายที่ประกอบอาชีพสุจริตได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก และเรียกร้องให้บริษัทออกมาชี้แจงต่อสาธารณชนว่าจะแก้ไขและรับผิดชอบอย่างไร เนื่องจากไม่สามารถติดต่อทีมบริหารและคณะกรรมการของบริษัทได้เลย
สำหรับการดำเนินคดี หลังจากผู้เสียหายแจ้งความ พงส.บก.ปคบ.เมื่อ 31 มีนาคมแล้ว พล.ต.ต. พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ.เปิดเผยว่า พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เซ็นกับคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนทำคดีนี้ประกอบด้วยพนักงานสอบสวน บก.ป. บก.ปอศ. และ บก.ปคบ. โดยมี พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน รอง ผบช.ก.เป็นหัวหน้าคณะฯ กำลังดำเนินการเร่งรัดรวบรวมพยานหลักฐานอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าพนักงานสอบสวนต้องใช้ระยะเวลาในการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจำนวนมาก ผู้เสียหายบางรายที่เป็นนิติบุคคลจึงได้มอบทนายยื่นฟ้องศาลแขวงดุสิต เมื่อ 7 พ.ค.68 เอาผิดทางอาญาบริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส เทรด จำกัด กับผู้บริหาร 3 คน ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง 24 มิ.ย.68 เวลา 13.00 น.