โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

”ปานเทพ“ พาผู้เสียหายกว่า 40 คน ถามความคืบหน้า ปม ซื้อทองไม่ได้ทอง

THE ROOM 44 CHANNEL

เผยแพร่ 22 พ.ค. เวลา 04.33 น.

”ปานเทพ“ พาผู้เสียหายกว่า 40 คน ทวงถามความคืบหน้า ปม ซื้อทองไม่ได้ทอง จากบริษัท SCT GOLD ความเสียหายกว่า 700 ล้าน

เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2568 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พร้อมด้วยกลุ่มผู้เสียหายกว่า 40 ราย ที่เคยมีการเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 68และ 18 เมษายน 2568 กรณีถูก บริษัท SCT GOLD (บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส เทรด จำกัด) ฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าของคดี หลังจากการแจ้งความได้ผ่านพ้นไปนานกว่า 1 เดือน โดยมีผู้เสียหายรวมทั้งหมดกว่า 100 ราย และมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 600 ล้านบาทส่วนใหญ่เป็นร้านทองปลีกโดย

ซึ่งพฤติการณ์การฉ้อโกงของบริษัทดังกล่าวแม้จะเปิดทำธุรกิจมานานนับ 10 ปี แต่เพิ่งมาเกิดปัญหาไม่สามารถซื้อทองคำหรือโอนเงินให้ลูกค้าได้เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งทางผู้เสียหายเชื่อว่าผู้บริหารและพนักงานของบริษัทมีการวางแผนเป็นขั้นตอน ไร้ความรับผิดชอบ ความเสียหายเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 13-27 มีนาคม 2568 โดยมีลักษณะแตกต่างกัน บางรายขายทองแต่ไม่ได้รับเงิน ผู้เสียหายได้ส่งมอบทองให้กับบริษัทตามกำหนด แต่ถึงวันนัดรับเงินกลับไม่ได้รับชำระ , บางรายถอนทองคำประกันไม่ได้ ทองคำที่ฝากไว้เป็นหลักประกันไม่สามารถถอนคืนได้ โดยบริษัทอ้างว่าไม่มีทองคำให้ , บางรายนำทองรูปพรรณเก่าไปส่งเพื่อรีไฟน์เป็นทองแท่ง เมื่อถึงวันนัดรับทองแท่งกลับไม่ได้รับทอง

ด้านกลุ่มผู้เสียหายได้รวมตัวกันและทราบภายหลังว่า บริษัท SCT ได้เริ่มไม่จ่ายเงินให้กับลูกค้ารายแรกมูลค่า 116 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่บริษัทยังคงดำเนินการรับซื้อทองอย่างต่อเนื่อง โดยจูงใจให้ราคาสูงกว่าราคาตลาดและขอรับทองไปก่อน ทั้งที่ทราบดีว่าสถานะทางการเงินของบริษัทไม่สามารถชำระคืนลูกค้าได้ โดยสิ่งตกใจคือ SCT นำทองของผู้เสียหายไปขายให้กับโบรกเกอร์รายใหญ่ ก็จะสามารถนำเงินมาชำระคืนผู้เสียหายได้ แต่ทางบริษัทกลับปฏิเสธว่าไม่มีเงินจ่ายคืน และบ่ายเบี่ยงเมื่อถูกขอทองคืนว่าทองไม่มีแล้ว

โดยตลอดช่วงเดือนเมษายน-ปัจจุบัน บริษัท SCT ได้ติดต่อลูกค้าหลายรายให้เซ็นเอกสารไม่ดำเนินคดีทางแพ่งและอาญากับบริษัท โดยอ้างว่าจะโอนเงินคืน แต่เท่าที่กลุ่มผู้เสียหายทราบ เป็นเพียงการโอนคืนรายย่อยเพียงเล็กน้อย เสมือนเป็นการเยียวยาเพื่อสร้างหลักฐานว่าได้บรรเทาความเสียหาย เพื่อเปลี่ยนคดีอาญาเป็นคดีแพ่ง

ขณะที่อาจารย์ปานเทพและกลุ่มผู้เสียหายมีความเคลือบแคลงสงสัยว่าการกระทำของบริษัทน่าจะมีเจตนาฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ ด้วยเพราะมีการวางแผนอย่างเป็นขั้นตอน โดยตั้งใจวางแผน เร่งส่งทอง เชิญชวนซื้อทองขายทองด้วยโปรโมชั่นต่างๆ ก่อนจะปิดบริษัทไป

ทั้งนี้ผู้เสียหายตั้งข้อสังเกตต่อการบริหารงานของบริษัท SCT ว่า เจตนาเร่งรัดการส่งทอง แม้จะรู้ตัวว่าไม่สามารถจ่ายเงินและส่งคืนทองได้ แต่บริษัทกลับมีเจตนาให้พนักงานโทรศัพท์ชวนเร่งส่งทองและส่งเงิน , บ่ายเบี่ยงการคืนเงินและทอง หลังจากประกาศปิดบริษัทได้แจ้งให้รอโดยไม่สามารถระบุเวลาคืนได้ อ้างแต่เพียงว่ารอประชุมผู้บริหาร , ตัดขาดการติดต่อตั้งแต่เดือนเมษายน บริษัทเริ่มแสดงเจตนาไม่รับผิดชอบ โดยมีการตัดขาดการติดต่อกับลูกค้าบางรายที่มียอดหนี้สูง ด้านผู้เสียหายที่ประกอบอาชีพสุจริตได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก และเรียกร้องให้บริษัทออกมาชี้แจงต่อสาธารณชนว่าจะแก้ไขและรับผิดชอบอย่างไร เนื่องจากไม่สามารถติดต่อทีมบริหารและคณะกรรมการของบริษัทได้เลย

สำหรับการดำเนินคดี หลังจากผู้เสียหายแจ้งความ พงส.บก.ปคบ.เมื่อ 31 มีนาคมแล้ว พล.ต.ต. พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ.เปิดเผยว่า พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เซ็นกับคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนทำคดีนี้ประกอบด้วยพนักงานสอบสวน บก.ป. บก.ปอศ. และ บก.ปคบ. โดยมี พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน รอง ผบช.ก.เป็นหัวหน้าคณะฯ กำลังดำเนินการเร่งรัดรวบรวมพยานหลักฐานอยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าพนักงานสอบสวนต้องใช้ระยะเวลาในการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจำนวนมาก ผู้เสียหายบางรายที่เป็นนิติบุคคลจึงได้มอบทนายยื่นฟ้องศาลแขวงดุสิต เมื่อ 7 พ.ค.68 เอาผิดทางอาญาบริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส เทรด จำกัด กับผู้บริหาร 3 คน ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง 24 มิ.ย.68 เวลา 13.00 น.

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...