ดอลลาร์ผันผวน จับตาร่าง กม. ปรับลดอัตราภาษีบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลสหรัฐ
ดอลลาร์ผันผวน นักลงทุนจับตาร่างกฎหมายปรับลดอัตราภาษีบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลของสหรัฐ
ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ (22/5) ที่ระดับ 32.69/70 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (21/5) ที่ระดับ 32.79/81 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าเทียบเงินสกุลหลัก หลัง Dollar Index ปรับตัวลดลงที่ระดับ 99.59
โดยนักลงทุนจับตาร่างกฎหมายปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลของสหรัฐ ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่ประธานาธิบดีทรัมป์พยายามผลักดันให้ผ่านสภาคองเกรส แต่นักวิเคราะห์เตือนว่า การปรับลดอัตราภาษีครั้งใหม่จะทำให้รัฐบาลสหรัฐมีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นอีก 3-5 ล้านล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 36.2 ล้านล้านดอลลาร์ ร่างกฎหมายดังกล่าวถูกจับตาอย่างใกล้ชิด หลังจากสมาชิกพรรครีพับลิกันหลายกลุ่มแสดงความไม่พอใจต่อร่างกฎหมายฉบับนี้
โดยเรียกร้องให้มีการเพิ่มเพดานการหักภาษีของมลรัฐและท้องถิ่น (SALT) สู่ระดับ 40,000 ดอลลาร์ สำหรับครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่า 50,000 ดอลลาร์ต่อปี เพื่อเป็นการเอาใจฐานเสียงพรรครีพับลิกันในรัฐที่มีภาษีสูง ก่อนหน้านี้ ในปี 2560 ภายใต้กฎหมายปฏิรูปภาษีของ ประธานาธิบดีทรัมป์ขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก
กฎหมายดังกล่าวได้จำกัดการหักภาษี SALT ไว้ไม่เกิน 10,000 ดอลลาร์ต่อปี ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนในรัฐที่มีภาษีสูง เช่น แคลิฟอร์เนีย นิวยอร์ก และนิวเจอร์ซีย์ เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถหักภาษีท้องถิ่นได้เต็มจำนวนอีกต่อไป นอกจากนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ได้มีการพบปะเจรจากับประธานาธิบดีไซริล รามาโฟซา ของแอฟริกาใต้ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (21/5)
โดยทรัมป์กล่าวอ้างว่ามีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนผิวขาวในแอฟริกาใต้ ซึ่งรามาโฟซาก็ได้ปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อคำกล่าวอ้างนี้ สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่าเกือบทุกข้อกล่าวหาที่ทรัมป์หยิบยกขึ้นมาในการประชุมกับรามาโฟซานั้น ล้วนเป็นข้อมูลที่ถูกพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง บางส่วนยังเป็นข้อมูลที่ประชาชนชาวแอฟริกาใต้เชื่อว่าเป็นโฆษณาชวนเชื่อจากกลุ่มแอฟริฟอรัม (AfriForum) ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าเป็นกลุ่มชาตินิยมผิวขาว
การปะทะคารมครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศตึงเครียด นับตั้งแต่รามาโฟซาลงนามในพระราชบัญญัติการเวนคืนที่ดินเมื่อเดือน ม.ค. ซึ่งทรัมป์วิจารณ์ว่ากฎหมายปฏิรูปที่ดินเป็นการเลือกปฏิบัติต่อประชากรผิวขาวของประเทศ ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 32.54-32.87 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 32.82/86 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวเปิดตลาดเช้านี้ (22/5) ที่ระดับ 1.1337/39 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ทรงตัวจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (21/5) ที่ระดับ 1.1333/34 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร โดยวันนี้ (22/5) S&P Global เปิดเผยตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวม (PMI) ของยูโรโซนฉบับเบื้องต้นลดลงมาอยู่ที่ 49.5 ในเดือนนี้ ลดลงจาก 50.4 ในเดือน เม.ย.
และ PMI ภาคบริการลดลงมาอยู่ที่ 48.9 จาก 50.1 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2024 และต่ำกว่าการคาดการณ์ที่ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 50.3 อย่างมีนัยสำคัญ จากตัวเลขที่ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์แสดงให้เห็นถึงความกังวลของผู้ผลิตและผู้ให้บริการต่อเศรษฐกิจของยูโรโซน ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1288-1.1344 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1295/96 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวเปิดตลาดเช้านี้ (22/5) ที่ระดับ 143.42/43 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (21/5) ที่ระดับ 144.00/01 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยวันนี้ (22/5) ว่ายอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานเดือน มี.ค.ของญี่ปุ่น พุ่งขึ้นถึง 13.0% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
ซึ่งสวนทางอย่างชัดเจนกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะลดลง 1.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐาน ซึ่งมีความผันผวนสูงและถือเป็นตัวบ่งชี้การใช้จ่ายในการลงทุนในอีก 6-9 เดือนข้างหน้าขยายตัวถึง 8.4% ซึ่งก็สวนทางกับที่ผลสำรวจคาดว่าจะหดตัว 2.2% เช่นกัน
นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการญี่ปุ่นเปิดเผยข้อูลในวันนี้ (22/5) ว่า ค่าจ้างที่แท้จริงเฉลี่ยต่อเดือนหลังหักผลกระทบเงินเฟ้อ ลดลง 0.5% ในปีงบประมาณ 2567 สิ้นสุดเดือน มี.ค. 2568 นับเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ซึ่งตอกย้ำว่าแม้เงินเดือนปรับขึ้น แต่ก็ยังไล่ไม่ทันอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นไม่หยุด การหดตัว 0.5% ของค่าจ้างที่แท้จริงในปีงบประมาณ 2567 ถือว่าน้อยกว่าการติดลบ 2.2% ในปีงบประมาณ 2566 ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2557
โดยการหดตัวที่น้อยลงนี้เป็นผลมาจากการปรับขึ้นของค่าจ้างในรูปตัวเงินที่สูงขึ้นในปีที่ผ่านมา แม้รัฐบาลพยายามผลักดันให้การเติบโตของค่าจ้างสูงกว่าเงินเฟ้ออย่างยั่งยืน แต่ค่าจ้างที่แท้จริงในกลุ่มธุรกิจที่มีลูกจ้าง 5 คนขึ้นไป กลับขยับขึ้นเมื่อเทียบรายปีเฉพาะในช่วงเดือนที่มีการจ่ายโบนัสเป็นปกติเท่านั้น คือ มิ.ย., ก.ค., พ.ย. และ ธ.ค. ทั้งนี้ ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 142.78-144.40 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 143.42/43 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ ในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐ (22/5), ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือน พ.ค. จาก S&P Global สหรัฐ (22/5), ยอดขายบ้านมือสองเดือน เม.ย. สหรัฐ (22/5), อัตราเงินเฟ้อเดือน เม.ย. ญี่ปุ่น (23/5), ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2568 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) เยอรมนี (23/5), ยอดขายบ้านใหม่เดือน เม.ย. สหรัฐ (23/5)
สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -7.8/-7.6 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -9.4/-8.4 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ดอลลาร์ผันผวน จับตาร่าง กม. ปรับลดอัตราภาษีบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลสหรัฐ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net