เกาะประเด็นการเมืองวันนี้ จับตา ‘เสี่ยหนู’ ลั่น ‘ยุบสภาตามคำขอ’
เกิดความขัดแย้งในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระสอง ที่พรรคประชาชน (ปชน.) ยืนยันในมาตรา 28 ให้ใช้เสียงโหวตผ่านรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จากเสียงข้างมากในสภา แต่ กมธ.เสียงข้างน้อยต้องการให้คงเสียง สว. 1 ใน 3 เพื่อผ่านการไขรัฐธรรมนูญไว้ จากการถกเถียงอย่างรุนแรงในสภา สุดท้าย เสียงโหวตผ่านตาม กมธ.เสียงข้างน้อย ทำให้พรรค ปชน. เห็นว่า พรรคภูมิใจไทยฉีก MOA จึงประกาศจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยลงมติ ตามมาตรา 151 ทำให้ “นายกฯ หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ยุบสภาทันที ตามที่เคยมีท่าทีก่อนหน้านี้ว่า “ไม่ต้องการเป็นนายกฯ ที่ถูกโหวตไม่ไว้วางใจ” เพราะการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยอย่างไรก็แพ้โหวต
เมื่อช่วงหัวรุ่งวันที่ 12 ธ.ค. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกายุบสภา พ.ศ. 2568 เหตุผลหนึ่งคือ รัฐบาลเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศที่มีปัญหารุมเร้าในหลาย ๆ ด้าน ส่งผลให้รัฐบาลไม่อาจบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และมีเสถียรภาพหากปล่อยให้สภาวการณ์เป็นอยู่เช่นนี้ ย่อมจะเกิดความไม่มั่นคงทางการเมืองและกระทบต่อความเชื่อมั่นของนานาประเทศ
ทางออกที่เหมาะสมคือการยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้ง สส.ใหม่ เป็นการเลือกตั้งทั่วไป อันเป็นการคืนอำนาจการตัดสินใจทางการเมืองให้แก่ประชาชนเจ้าของอำนาจสูงสุดโดยเร็ว จึงตรา พ.ร.ฎ.ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ให้ยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้ง สส.ใหม่ การเลือกตั้งเป็นการทั่วไปในวันที่ กกต. ประกาศกำหนดซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน นับแต่ พ.ร.ฎ.บังคับใช้
ซึ่งถ้านับเวลากันเอง โดยยังไม่อ้าง กกต. การเลือกตั้งน่าจะเกิดขึ้นราววันที่ 8 ก.พ. 69 แต่ “อ.จ๊ะ” ธนพร ศรียางกูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์นโยบายและการเมือง กล่าวในรายการเจาะลึกทั่วไทย อสมท ตอนหนึ่งว่า เมื่อยุบสภา สีน้ำเงินอยู่ในสภาพได้เปรียบ สถานการณ์กัมพูชายังไม่จบ มั่นใจหรือไม่ว่าจะได้เลือกตั้งภายใน 60 วัน ขอให้ไปอ่าน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. ที่กำหนดว่า การเลือกตั้งทั่วไปต้องทำพร้อมกันทั่วราชอาณาจักร
“นั่นแปลว่า ถ้าพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งยังจัดการเลือกตั้งไม่ได้ ก็เท่ากับยังจัดเลือกตั้งทั่วไปไม่ได้ ถ้าแม้แต่เขตเดียวไม่พร้อมเลือกตั้ง ก็จัดเลือกตั้งไม่ได้ กกต. มีอำนาจขยายการเลือกตั้งให้มากกว่าหกสิบวันได้ งานนี้ เครือข่ายอนุรักษนิยม ขั้วอำนาจเดิม สีน้ำเงิน หวานเจี๊ยบ อยู่ยาว ใครจะกล้าการันตีว่าจะขยายไปกี่วัน ยังรบราคาราคาซังกันอยู่ การขยายเวลาอยู่ที่เหตุการณ์ ไม่มีเพดานว่าขยายมากที่สุดได้กี่วัน คนที่บอกว่า อำนาจรัฐบาลไม่เต็มต้องขออนุญาต กกต. ต้องถามว่า แล้ว กกต. มาจากไหน ก็มาจาก สว. และ สว. สีไหนล่ะ”
นายณรงค์ กลั่นวารินทร์ ประธาน กกต. กล่าวว่า เราเตรียมความพร้อมวันเลือกตั้งไว้แล้ว เพราะเราคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าอาจมีการยุบสภาขึ้น จึงได้มีการแบ่งเขตไว้ตามจำนวนประชากรที่เพิ่มลดในบางจังหวัดแล้ว ขณะนี้สำนักงาน กกต. ได้จัดทำไทม์ไลน์การเลือกตั้งไว้แล้ว เรามีความพร้อมในการจัดการเลือกตั้ง วันเลือกตั้งอาจเป็น 8 ก.พ. ตามที่คาดการณ์กันไว้ การเลือกตั้งต้องพร้อมกันทั่วประเทศ เราติดตามสถานการณ์ชายแดนตลอดเวลา
ที่ทำเนียบรัฐบาล “นายกฯ หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ให้สัมภาษณ์ถึงการตัดสินใจยุบสภาว่า เมื่อตนเองและพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาลได้ เพราะพรรคประชาชน (ปชน.) ให้มาเป็น แต่เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256/28 เกี่ยวกับอำนาจของ สว. ในการโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่เคยมีการพูดกันในเอ็มโอเอมาก่อน เมื่อหัวหน้าพรรค ปชน. แถลงในรัฐสภา ว่าถ้าพรรคภูมิใจไทยไม่โหวตตามที่ต้องการ พรรค ปชน. ก็จะไม่สนับสนุน และขอให้นายกฯ ยุบสภา ก็ทำตามที่เขาขอ เป็นไปตามมารยาท และขั้นตอนที่ควรจะเป็น
“เราทำทุกอย่างแล้วในเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่การโหวตในวาระ 1 แต่วาระ 2 มาติดที่มาตรา 256/28 ซึ่งพรรคภูมิใจไทยไม่สามารถกดดันหรือบังคับโน้มน้าว สว. ตามที่พรรค ปชน. ต้องการได้ เราไม่มีการหักหลังใดๆ ให้ไปดูเอ็มโอเอว่าเขียนว่าอย่างไร มันไม่มีเรื่องเกี่ยวกับ สว. เมื่อขอให้มีมติเกี่ยวกับคำถามแก้รัฐธรรมนูญ หากส่งมาให้ ครม. ก็จะทำให้”
นายกฯ หนู บอกว่า ได้เตรียม พ.ร.ฎ.ยุบสภา ตั้งแต่วันแรกที่เป็นนายกฯ ต้องยอมรับสภาพว่าเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เข้ามาเพื่อจัดการปัญหาบ้านเมืองที่ติดขัดค้างคาให้ผ่านพ้นไปได้ ขอย้ำว่า แม้จากนี้จะเป็นรัฐบาลรักษาการ ก็ยังมีอำนาจเต็ม ทำหน้าที่ต่อไปตามปกติ และเราตั้งใจว่าจะไปจัดการประชุม ครม.สัญจร ที่สงขลา ในวันที่ 23 ธ.ค. นี้
นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกฯ และ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ดูแลพื้นที่เลือกตั้งภาคอีสาน ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดการเลือกตั้ง สส. ซึ่งกฎหมายกำหนดให้จัดขึ้นพร้อมกันทั้งหมด 400 เขต แต่ยังมีสถานการณ์ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา จะมีปัญหาหรือไม่ ว่า ถ้ามันไม่สงบ ก็เป็นเรื่องของ กกต. แต่ถ้าคนยังอพยพอยู่อย่างนี้ จะจัดการเลือกตั้งอย่างไร ซึ่งตนคิดว่าไม่น่าจะได้ เพราะต้องจัดการเลือกตั้งพร้อมกันทั่วประเทศ
อำนายหน้าที่ของ ครม.รักษาการ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี อธิบายว่า “ครม. มีอำนาจเหมือนเดิมทุกอย่าง ทั้งเรื่องความมั่นคง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่มีสิ่งต้องห้ามทำ 2 ข้อคือ ห้ามทำโครงการใหม่ที่ผูกพัน ครม.ชุดใหม่ และห้ามนำทรัพยากรของรัฐ ทั้งบุคคลและยานพาหนะไปใช้เพื่อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้ง ส่วนบางเรื่องที่ ครม. พูดไว้ก่อนที่จะยุบสภา เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2 ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องหารือกับ กกต. ว่าจะอนุมัติให้ทำได้หรือไม่
มี 2 เรื่องที่ต้องขอ กกต. คือ การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการและการใช้งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น นอกนั้นมีอำนาจเหมือนเดิมทุกประการ วันนี้ยังประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้ เช่นเดียวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยังมีเหมือนเดิม รัฐบาลจะประชุม กกต. วันที่ 15 ธ.ค. หารือเรื่องจัดเลือกตั้ง
ที่พรรคเพื่อไทย “หัวหน้าหนิม” จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เรียกประชุมพรรค ที่ประชุมขอให้ผู้สมัครต้องลดกิจกรรมทุกอย่างที่ขัดกับกฎหมายการเลือกตั้ง แม้จะมีผู้ประสบภัยสถานการณ์ชายแดน ก็ไม่สามารถช่วยได้แล้ว เพราะ พ.ร.ฎ. มีผลวันที่ 12 ธ.ค. นี้แล้ว และให้เลือกผู้สมัคร สส. ให้ครบให้เสร็จไม่เกิน 15 ธ.ค.
“MOA ภูมิใจไทย และพรรคประชาชน ( ปชน.) เป็นดีลการเมืองที่พังพินาศที่สุดเท่าที่เคยมีมา สิ่งที่เกิดขึ้นต้องใช้คำว่า ปล่อยหนูเข้าป่า เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้กับรัฐบาลยุบสภาได้ทัน รัฐบาลไม่ต้องโดนตรวจสอบโดยการอภิปราย พรรคภูมิใจไทยที่ได้สะสมกำลัง เสริมความแข็งแกร่งของกลุ่มอนุรักษนิยม และได้โยกย้ายข้าราชการเตรียมไว้สำหรับการเลือกตั้ง คนไทยกลับต้องมาเผชิญกับรัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ที่บริหารงานน้ำท่วมล้มเหลว งานชายแดนจนกระทั่งลุกลาม ทั้งพรรค ปชน. และพรรคภูมิใจไทย ที่อยู่ใน MOA ต้องรับผิดชอบทั้งคู่” นายจุลพันธ์ กล่าว
“หัวหน้าเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หน้าพรรค ปชน. แถลงขอโทษประชาชนร่วมกับแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคอีกสองคน คือ “รองไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล และ “รองต้น” วีระยุทธ กาญจนชูฉัตร นายณัฐพงษ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า เมื่อยุบสภาก่อนแก้รัฐธรรมนูญเสร็จ ก็รู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่เราเองยังผลักดันไม่สำเร็จ และขอโทษประชาชนที่ภารกิจในครั้งนี้ ภารกิจในครั้งหน้า ขอเอาหลังพิงประชาชนมากที่สุดทำให้ประชาชนมอบความไว้วางใจให้พวกเรามากที่สุด เข้มแข็งมาก เพียงพอที่จะกำกับทิศทางรัฐบาลชุดหน้า เพื่อทำให้ประเทศไทยเดินหน้า ไปได้ไกลกว่านี้
เมื่อถามถึงกรณีนายกฯ หนู ยืนยันว่า ไม่ได้ทำผิด MOA ว่า หัวหน้าเท้งกล่าวว่า ในทางปฏิบัติ เรื่องอำนาจ สว. โหวตผ่านรัฐธรรมนูญ ทางปฏิบัติคือพรรคภูมิใจไทยต้องเห็นด้วยกับ กมธ.ข้างมาก ที่ให้ใช้เสียงข้างมากในสภาโหวตผ่าน ไม่ใช่ต้องมีเสียง สว. 1 ใน 3 ไม่ใช่แค่ลายลักษณ์อักษร เหตุใดภูมิใจไทยโหวตสวนมติวิปรัฐบาลตัวเอง
“แต่เราได้ประเมินไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าอาจเกิดสถานการณ์นี้ขึ้น ไม่เสียใจใดๆ ที่เซ็น MOA เพราะได้ผ่านกระบวนการโหวต รับฟังความเห็นจากสมาชิกพรรค ผู้เป็นเจ้าของพรรคตัวจริงเรียบร้อยแล้ว ถ้าเรื่องนี้จะส่งผลต่อคะแนนนิยมพรรค ก็ขอใช้การทำงานของพวกเราพิสูจน์ตัว การดำเนินงานทางการเมืองที่ผ่านมา ตนและพรรค ปชน. ไม่คิดว่าตัวเองเป็นเด็กไร้เดียงสา เราพยายามให้ประชาชนตัดสินกับสิ่งที่เกิดขึ้น”
เมื่อถามว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะไม่ร่วมมือกับภูมิใจไทยแล้วใช่หรือไม่ ณัฐพงษ์ กล่าวว่า จุดยืนของพรรคคือ มีเรา ไม่มีเทา การร่วมรัฐบาลครั้งหน้า ถ้าจำเป็นต้องเป็นพรรคร่วม แล้วมีรัฐมนตรีคนหนึ่งคนใดที่เราเห็นแล้วว่า เกี่ยวข้องกับเครือข่ายสีเทาจริง ๆ เรารับไม่ได้
"ทีมข่าวการเมือง"