NCL โอกาสทองงานกองทัพ ประกาศชัดพลิกกำไรปีหน้า
#NCL #ทันหุ้น – NCL เดินเกมรุกมุ่งงานกองทัพเรือและกองทัพบก เชื่อสถานการณ์ความขัดแย้งจบ กองทัพจะยกเครื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ทั้งหมด มองเป็นโอกาสคว้าออเดอร์เพิ่มขึ้น ส่งซิกปีหน้าผลงานพลิกกลับมามีกำไรฉลุย
นายพงษ์เทพ วิชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NCL เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า บริษัทพุ่งเน้นการเข้าไปรับงานกองทัพ ซึ่งจากสถานการณ์สู้รบกันในปัจจุบัน น่าจะส่งผลให้หลังจากนี้จะมียอดคำสั่งซื้อเกี่ยวกับยุทโธปกรณ์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสในการขยายตัวของธุรกิจ
ขณะที่ปัจจุบันเชื่อว่ามีคำสั่งซื้อสินค้าจำนวนมากเข้าไปแล้ว และคาดการณ์ว่าจะมีคำสั่งซื้อใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่องหลังจากนี้ แม้ว่าที่ผ่านมาการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จะทำได้ยาก เนื่องจากงบประมาณมักถูกปฏิเสธ เพราะมองว่าไม่มีความจำเป็น แต่จากสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน มองว่าเป็นโอกาสสำคัญที่กองทัพจะถือโอกาสในการยกเครื่องยุทโธปกรณ์ใหม่ทั้งหมด ซึ่งถือเป็นช่องทางทางธุรกิจที่สำคัญ เนื่องจากระบบเดิมจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงอีกมาก
** โอกาสคว้างานใหม่
สำหรับกลยุทธ์การเจาะตลาดและทีมบริหารใหม่ ในด้านการแข่งขัน และการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ทีมผู้ถือหุ้นล่าสุดที่เข้ามาจะมีส่วนช่วยอย่างมากในการทำให้บริษัทสามารถเจาะเข้าสู่ตลาดได้ง่ายขึ้น ประกอบกับการที่บริษัทเคยมีประสบการณ์และได้รับงานโครงการขนาดใหญ่มาก่อนหน้านี้ ยิ่งเป็นปัจจัยบวกที่ส่งเสริมโอกาสในการรับงานใหม่ในอนาคต
ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทยังมีมติอนุมัติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 374 ล้านหุ้น (พาร์ 0.25 บาท) เสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด จำนวน 7 ราย ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.28 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 104.72 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 35.01% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังรายการ PP เสร็จสิ้น
** กลุ่มบุญยรัตกลิน ถือ
สำหรับรายชื่อเสนอขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจงให้บุคคลในวงจำกัดหรือ PP จำนวน 7 รายประกอบด้วยนายภัทร พลกุล ได้รับสรรจำนวน 60 ล้านหุ้น, พล.ร.อ.ชัยณรงค์ บุณยรัตกลิน จำนวน 60 ล้านหุ้น, นายชยันต์ เล้ายอดตระกูล จำนวน 54 ล้านหุ้น และจัดสรรให้ นายนิธิ บุญยรัตกลิน, นายนิรินทร์ บุญยรัตกลิน, นางลภัสรดา ปักกังเวสัง และ นางอนันต์ เรืองเศรษฐา รายละ 50 ล้านหุ้น
“การที่มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่เข้ามาถือครอง เพื่อผนึกกำลังในการขยายฐานธุรกิจเข้าสู่กลุ่มงานกองทัพ หรือ Defense อย่างจริงจัง โดยกลุ่มพันธมิตรที่เข้ามาถือจะช่วยสนับสนุนงานที่เกี่ยวกับกองทัพ” นายพงษ์เทพ กล่าว
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายพงษ์เทพ กล่าวว่า ในส่วนของธุรกิจโลจิสติกส์ที่ยังไม่ทำกำไร บริษัทจะมีการลดส่วนที่ไม่ดีลง แต่ยังคงรักษาธุรกิจที่พอใช้ได้และลูกค้าเดิมไว้ โดยพยายามทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์ขาดทุนน้อยลง
ขณะที่ในปี 2569 คาดว่าจะมีงานที่ดี และมีอะไรใหม่ๆ เข้ามามากขึ้น โดยมั่นใจว่าบริษัทจะสามารถทำกำไรได้อย่างแน่นอนในปีหน้า