โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

ดันไทย-ญี่ปุ่นปักธงอุตสาหกรรม

ไทยโพสต์

อัพเดต 21 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 23 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ในภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว และเป้าหมายด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ความสามารถของประเทศในการปรับตัวและสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ประเทศไทยในฐานะฐานการผลิตหลักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยกระดับโครงสร้างอุตสาหกรรมไปสู่ยุคใหม่ที่เน้นมูลค่าสูงและมาตรฐานที่เข้มงวด

การเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างประเทศญี่ปุ่น จึงเป็นยุทธศาสตร์ที่ไม่อาจมองข้าม ซึ่งความร่วมมือนี้ไม่ได้มุ่งเพียงการขยายการค้าแบบดั้งเดิม แต่เป็นการร่วมกันวางรากฐานสำหรับอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์แห่งอนาคต โดยมีนวัตกรรม พลังงานสะอาด และเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นหัวใจสำคัญ ภายใต้บริบทนี้ จึงได้เกิดการหารือระดับสูงที่สะท้อนวิสัยทัศน์ร่วมกันของทั้งสองชาติ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2568 โดย ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมคณะผู้บริหาร

ได้ให้การต้อนรับ โอตากะ มาซาโตะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เพื่อยกระดับความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมในเชิงลึก ซึ่งนับเป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนถึงการเดินหน้าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศจากระดับพันธมิตรไปสู่การเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ประเด็นหลักของการหารือในครั้งนี้คือ การสร้างความแข็งแกร่งร่วมกันในอุตสาหกรรมสำคัญ อาทิ ยานยนต์สมัยใหม่ เซมิคอนดักเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง และพลังงานสะอาด รวมถึงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการรายย่อย

และการวางรากฐานเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของไทยในเวทีโลก โดยที่ผ่านมาญี่ปุ่นถือเป็นนักลงทุนและคู่ค้าทางเทคโนโลยีที่สำคัญยิ่งของไทย การยกระดับความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นการต่อยอดจากความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นในอุตสาหกรรมเดิมไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมยุคใหม่ที่เน้นเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมเป็นแกนหลัก

ผลจากการหารือได้ข้อสรุปที่ทั้งสองฝ่ายพร้อมเดินหน้าทันทีใน 3 มิติหลัก ได้แก่ 1) เชื่อมโยงห่วงโซ่อุตสาหกรรมยุคใหม่ ร่วมขยายความร่วมมือในอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ เซมิคอนดักเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง และพลังงานสะอาด เพื่อสร้างห่วงโซ่การผลิตที่แข็งแรงร่วมกัน ไทยพร้อมผลักดัน SMEs เข้าสู่เครือข่ายญี่ปุ่น รวมถึงอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนและสิทธิประโยชน์เต็มที่

2) พัฒนาศักยภาพ SMEs และ Startups ทั้งสองประเทศจะเร่งแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ มาตรฐาน และเทคโนโลยี เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยเชื่อมต่อกับเครือข่ายธุรกิจญี่ปุ่นมากขึ้น ควบคู่กับการยกระดับบุคลากรและระบบนวัตกรรม เพื่อให้ SMEs และ Startups เป็นกำลังหลักของเศรษฐกิจใหม่

และ 3) วางระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนและรีไซเคิล โดยร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและมาตรฐานสำหรับอุตสาหกรรมรีไซเคิล และการจัดการซากรถและแบตเตอรี่อย่างเป็นระบบ ซึ่งไทยต้องการเรียนรู้ประสบการณ์จากญี่ปุ่นเพื่อนำมาต่อยอด ลดการพึ่งพาทรัพยากร และก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างจริงจัง

ซึ่งล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์ในการยกระดับโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากความร่วมมือเชิงรุกนี้มีหลายมิติ ทั้งในด้านการดึงดูดการลงทุนที่เน้นเทคโนโลยีขั้นสูง การถ่ายทอดองค์ความรู้และมาตรฐานระดับโลกมาสู่บุคลากรและผู้ประกอบการไทย การสร้างงานที่มีมูลค่าเพิ่มสูง และที่สำคัญที่สุดคือการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมสมัยใหม่ร่วมกับญี่ปุ่น และก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมมาตรฐานสูงของเอเชียอย่างยั่งยืน ด้วยการนำเอากรอบการเติบโตที่ยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน

ความร่วมมือครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนทางการค้า แต่เป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อคน ชุมชน และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน ดังนั้น การที่ทั้งสองฝ่ายยืนยันที่จะเร่งจัดทำ Roadmap ความร่วมมือภายใต้กลไกหารือพลังงานและอุตสาหกรรมไทย–ญี่ปุ่น (EID) เพื่อให้เกิดความชัดเจนเชิงเวลาและผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด

จึงเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า ความร่วมมือนี้คือการเริ่มต้นอย่างจริงจังเพื่อปักธงอุตสาหกรรมอนาคตของไทยอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในสายตานักลงทุนและเตรียมพร้อมประเทศไทยสำหรับเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์.

ณัฐวัฒน์ หาญกล้า

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...