โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

หยุดเดี๋ยวนี้!หมอเตือน”เบ่งอุจจาระ” คือนาทีวิกฤตที่อาจคร่าชีวิตได้ ต้องรีบแก้ก่อนเกิดเหตุแบบไม่รู้ตัว!

เดลินิวส์

อัพเดต 9 ธันวาคม 2568 เวลา 6.21 น. • เผยแพร่ 55 นาทีที่แล้ว • เดลินิวส์
เมื่อวันที […]

เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.นายแพทย์เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการ รพ.มหาราช นครราชสีมา ได้โพสต์ข้อความลงในเพจหมอเจด แนะนำเรื่องสุขภาพ โดยระบุว่า

หลายคนชอบคิดว่า “ก็แค่ท้องผูก เบ่งหนักหน่อยเดี๋ยวก็ออก” แต่ความจริงการเบ่งนาน ๆ หรือเบ่งแรงจนหน้าดำ ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลยครับ เพราะมันเป็นสัญญาณว่าลำไส้ทำงานผิดปกติ และยังเพิ่มความเสี่ยงโรคหลายอย่างแบบเงียบ ๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว วันนี้ผมเลยรวบรวมอันตรายที่ซ่อนอยู่ พร้อมแนวทางแก้แบบเข้าใจง่ายครับ

1) เสี่ยงริดสีดวงกำเริบ–เลือดออก

เบ่งแรงทำให้ความดันในเส้นเลือดรอบทวารสูงขึ้น เส้นเลือดโป่งพองและอักเสบง่าย คนที่เป็นริดสีดวงอยู่แล้วจะเจ็บ แสบร้อน หรือมีเลือดสดติดกระดาษทิชชู่ทันที ส่วนคนที่ยังไม่เป็น การเบ่งนาน ๆ ทุกวันคือสาเหตุอันดับต้น ๆ ทำให้เกิดริดสีดวงใหม่แบบเงียบ ๆ ซึ่งเมื่ออักเสบมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจต้องผ่าตัดได้ครับ

2) เพิ่มโอกาส “ไส้เลื่อน” โดยไม่รู้ตัว

เวลาที่ใช้แรงเบ่งมาก ๆ หน้าท้องจะดันความดันภายในช่องท้องสูงขึ้นแบบพุ่งขึ้นทันที จนทำให้ผนังหน้าท้องหรือบริเวณขาหนีบอ่อนแรงและโป่งได้ง่าย คนที่ยกของหนักบ่อยอยู่แล้ว + ท้องผูกเรื้อรัง เสี่ยงไส้เลื่อนมากเป็นพิเศษ และถ้าเกิดไส้เลื่อนติดคา อาจต้องผ่าตัดฉุกเฉินครับ

3) หลอดเลือดสมอง–หัวใจภาวะวิกฤต (Straining Effect)

หลายคนไม่รู้ว่า “การเบ่งแรง ๆ เหมือนตอนยกของหนักสุดชีวิต” สามารถทำให้ความดันพุ่งสูงเฉียบพลัน หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือมีอาการหน้ามืดได้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ คนที่เป็นโรคหัวใจล้มเหลว หรือมีความดันสูงชนิดที่ควบคุมไม่ได้ มีบางเคสที่หัวใจวาย–เส้นเลือดสมองแตกในห้องน้ำเพราะพยายามใช้แรงเบ่งมาก ๆ นี่แหละ และเคสเหล่านี้เจอบ่อยกว่าที่คิดด้วยนะครับ

4) ลำไส้อักเสบ–แผลทวารจากการเบ่งซ้ำ ๆ

แรงเสียดสีจากอุจจาระแข็ง และการเบ่งนานเกินไปจะทำให้ผิวหนังช่องทวารเกิดแผลเล็ก ๆ (Anal fissure) ที่คนไข้จะรู้สึก “แสบ–คมเหมือนโดนบาด” ทุกครั้งที่ถ่าย และบางคนถึงขั้นมีเลือดสดไหล หายยาก เพราะวนกลับมาท้องผูก–แผลซ้ำอีกครั้งเป็นวงจรเรื้อรังครับ

5) สัญญาณว่าลำไส้กำลังทำงานผิดปกติ

ท้องผูกประจำอาจเกิดได้จาก กินไฟเบอร์น้อย ดื่มน้ำน้อย เครียดมาก กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานทำงานผิด ลำไส้แปรปรวน (IBS-C) หรือแม้แต่เตือนโรคร้าย เช่น มะเร็งลำไส้ ซึ่งถ้าหากมีอาการท้องผูกสลับท้องเสีย น้ำหนักลด หรือถ่ายมีเลือดปน ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองครับ

แก้ท้องผูกง่าย ๆ ทำตามนี้!!

ท้องผูกไม่จำเป็นต้องพึ่งยาถ่ายเสมอไปนะครับ จุดสำคัญคือ “ทำให้ลำไส้กลับมาขยับเป็นจังหวะ” และ “เพิ่มจุลินทรีย์ดี” ให้พอครับ

• เริ่มจากกินผัก–ผลไม้วันละ 2–3 กำมือ

• ดื่มน้ำ 6–8 แก้วต่อวัน

• และเดินหลังอาหาร 10 นาทีเพื่อลดของค้างในลำไส้

• จากนั้นเสริมโพรไบโอติก เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว กิมจิ เทมเป้

• และเติม พรีไบโอติก หรืออาหารของจุลินทรีย์ดี เช่น กล้วยหอม ข้าวโอ๊ต เมล็ดแฟลกซ์ หัวหอมลงในมื้ออาหาร

• พร้อมตั้งเวลาเข้าห้องน้ำทุกเช้า แม้ยังไม่ปวดก็ให้ “นั่งผ่อนคลาย” ลำไส้จะเริ่มปรับตัวและถ่ายคล่องขึ้นภายในไม่กี่วันครับ

การเบ่งนาน ๆ คือสัญญาณร่างกายกำลังร้องขอให้เราปรับพฤติกรรม ไม่ว่าจะเพิ่มไฟเบอร์ ดื่มน้ำให้ถึง เคลื่อนไหวหลังอาหาร หรือฝึกถ่ายเวลาเดิมทุกวัน ท้องผูกที่ปล่อยไว้นานอาจนำไปสู่ริดสีดวงอักเสบ ไส้เลื่อน แผลทวาร หรือภาวะหัวใจ–ความดันพุ่งเฉียบพลันได้ การแก้ต้นเหตุคือดีที่สุด ไม่ใช่ปล่อยจนต้องรักษาหนักครับ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...