โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ข่าวดี! พบการกลับมาของ “แมวป่าหัวแบน” ในรอบ 30 ปี ที่ป่าพรุโต๊ะแดง นราธิวาส

Manager Online

เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • MGR Online

กรมอุทยานฯ และองค์การแพนเทอรา ยืนยันการกลับมาของ “แมวป่าหัวแบน” ในป่าพรุโต๊ะแดง หลังหายไปนานเกือบ 30 ปี หลังพบหลักฐานสำคัญ “การสืบพันธุ์ในธรรมชาติ” นับเป็นข่าวดีแห่งวงการอนุรักษ์

เฟซบุ๊กเพจกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้โพสต์ข่าวน่ายินดีเนื่องในโอกาสวันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ หลังมีการพบการปรากฏตัวของ "แมวป่าหัวแบน" สัตว์ตระกูลแมวที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ที่สุดในโลก ในเขตป่าพรุโต๊ะแดง จ.นราธิวาส โดยให้ข้อมูลว่า

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับองค์การแพนเทอรา (Panthera) ประเทศไทย ได้ประกาศข่าวดีครั้งสำคัญถึงการยืนยันการปรากฏตัวของ "แมวป่าหัวแบน" (Flat-headed Cat) ซึ่งเป็นหนึ่งในสัตว์ตระกูลแมวที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ที่สุดในโลก ภายในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี หรือป่าพรุโต๊ะแดง จังหวัดนราธิวาส การค้นพบครั้งนี้นับเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง เนื่องจากไม่มีรายงานการพบเห็นสัตว์ชนิดนี้อย่างเป็นทางการในประเทศไทยมานานเกือบ 30 ปี และยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศป่าพรุที่ยังคงหลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่ง

ข้อมูลจากการสำรวจด้วยกล้องดักถ่ายภาพอัตโนมัติแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จที่น่าอัศจรรย์ โดยพบการปรากฏตัวของแมวป่าหัวแบนรวม 13 ครั้งในปี พ.ศ. 2567 และเพิ่มขึ้นเป็น 16 ครั้งในปี พ.ศ. 2568 ซึ่งถือเป็นความถี่ในการพบเห็นที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่นๆ ทั่วโลกที่มีรายงานการกระจายพันธุ์ของแมวชนิดนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ทีมสำรวจยังสามารถบันทึกภาพแมวป่าหัวแบนที่เดินทางมาพร้อมกับลูก ซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่ช่วยยืนยันว่า แมวป่าหัวแบนมีการสืบพันธุ์และอาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าพรุโต๊ะแดงได้อย่างปลอดภัยตามธรรมชาติ แม้ว่าสถานะภาพรวมทั่วโลกในบัญชีแดงขององค์การระหว่างประเทศเพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) จะยังคงจัดให้อยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์ โดยคาดว่ามีประชากรเหลืออยู่เพียง 2,500 ตัวทั่วโลก และสำหรับประเทศไทย IUCN เคยระบุสถานะของแมวป่าหัวแบนว่า “อาจสูญพันธุ์แล้ว” (possibly extinct) การค้นพบครั้งนี้จึงเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ทรงพลังถึงความสำเร็จของการอนุรักษ์และคุ้มครองพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

8203;นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เปิดเผยว่า “หลังจากการคุ้มครองพื้นที่อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี และดำเนินการสำรวจพื้นที่ที่คาดว่าเป็นแหล่งอาศัย ซึ่งไม่สามารถบันทึกภาพได้นานถึงเกือบ 30 ปี การพบแมวป่าหัวแบนในภาคใต้ของประเทศไทยอีกครั้งถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของงานอนุรักษ์ในประเทศและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การค้นพบสัตว์ที่เคยถูกมองว่าสูญหายไปจากภูมิภาค แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในการปกป้องป่าพรุธรรมชาติที่เหลืออยู่ไม่กี่แห่งแล้วในประเทศไทย”

8203;ด้านนางสาวกฤษณา แก้วปลั่ง ผู้อำนวยการองค์การแพนเทอรา ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “หลังจากหายไปเกือบสามทศวรรษ การค้นพบครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า การผสานระหว่างวิทยาศาสตร์และการคุ้มครองที่เข้มแข็งสามารถทำให้สิ่งที่เคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้เกิดขึ้นได้ ความสำเร็จนี้มาจากความทุ่มเทของกรมอุทยานฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปกป้องพื้นที่ชุ่มน้ำและวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยที่อุดมสมบูรณ์แต่กำลังถูกคุกคามมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ เราตั้งใจจะขยายงานวิจัยและเสริมมาตรการอนุรักษ์ในพื้นที่สำคัญเหล่านี้ต่อไป แมวป่าหัวแบนเป็นแมวป่าขนาดเล็กที่สุดชนิดหนึ่งในเอเชีย มีลักษณะพิเศษคือตีนเป็นพังผืดสำหรับจับสัตว์น้ำ ซึ่งเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อย่างมากจากการสูญเสียถิ่นอาศัย การพบตัวในครั้งนี้จะนำไปสู่การขยายงานวิจัยเพื่อวางแผนอนุรักษ์ ทั้งเรื่องพื้นที่หากินและประชากรอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป”

"แมวป่าหัวแบน" มีชื่อเรียกตามลักษณะเด่นคือ ศีรษะและกะโหลกที่แบนยาว เป็นแมวป่าที่มีขนาดเล็กที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพฤติกรรมหากินเวลากลางคืน และมีปลายเท้าเป็นพังผืดช่วยให้สามารถใช้ชีวิตในพื้นที่ลุ่มน้ำ ป่าพรุ และพื้นที่ชุ่มน้ำได้ดี ซึ่งเป็นถิ่นหากินที่เต็มไปด้วยสัตว์น้ำ ภัยคุกคามสำคัญของแมวป่าหัวแบนมาจากการสูญเสียถิ่นอาศัย เนื่องจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การเปลี่ยนพื้นที่เพื่อเป็นพื้นที่เกษตรกรรม การล่าสัตว์ และมลพิษในแหล่งน้ำ การค้นพบครั้งนี้จะเป็นข้อมูลสำคัญให้กรมอุทยานฯ และแพนเทอรา วางแผนอนุรักษ์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยความร่วมมือจะมุ่งเสริมศักยภาพการลาดตระเวนในป่าพรุโต๊ะแดง ผ่านการฝึกอบรมยุทธวิธี การใช้ระบบ SMART Patrol และการจัดหาอุปกรณ์ภาคสนามและกล้องดักถ่ายเพื่อเฝ้าระวังผู้ลักลอบเข้ามากระทำผิดในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังจะมีการพัฒนาเครือข่ายข่าวกรองในชุมชนเพื่อทำความเข้าใจภัยคุกคามจากมนุษย์และปัจจัยอื่นๆ

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...