คุณหรือเปล่า? ขี้งกผิดที่ 3 สิ่ง "ยิ่งประหยัด ยิ่งจน" ทำทรัพย์ถึงทางตัน แต่หลายคนนึกว่าดี!
ยิ่งประหยัด ยิ่งจน! 3 กับดัก "ขี้งกผิดที่" ที่ทำให้ชีวิตการเงินทางตัน เลิกได้เลิกด่วน
"การออม" คือรากฐานของความรวย แต่ทำไมบางคนยิ่งประหยัดกลับยิ่งรู้สึกขัดสน? หรือคุณกำลังติดอยู่ใน "กับดักความตระหนี่" ที่ดูเหมือนดี แต่จริงๆ แล้วกำลังกัดกินอนาคตทางการเงินของคุณโดยไม่รู้ตัว?
การรู้จักประหยัดเป็นเรื่องดี แต่ถ้าประหยัดแบบผิดวิธี แทนที่จะรวยขึ้น กลับกลายเป็นการปิดตายโอกาสของตัวเอง ฟังดูย้อนแย้งแต่มันคือเรื่องจริง! และนี่คือ 3 ประเภทของคน "ประหยัดจนจน" ที่กำลังพาตัวเองลงเหวโดยไม่รู้ตัว
1. ประหยัดทุกเรื่อง แม้แต่เรื่อง "อัปเกรดสมอง"
นี่คือประเภทที่พบบ่อยที่สุด คือกลุ่มที่ยอมตัดรายจ่ายทุกอย่างขอให้เงินไม่ออกจากกระเป๋า คิดเยอะกับข้าวมื้อละไม่กี่บาท ซึ่งดูเหมือนจะเป็นคนมัธยัสถ์ที่ดี
แต่ปัญหาคือ… "พวกเขางกแม้กระทั่งเงินที่จะลงทุนกับตัวเอง"
การซื้อหนังสือดีๆ สักเล่ม การลงคอร์สเรียนทักษะใหม่ๆ หรือการออกไปสังสรรค์เพื่อสร้างคอนเนกชัน ถูกมองว่าเป็นเรื่อง "สิ้นเปลือง" ผลลัพธ์คือ เงินเก็บอาจจะยังอยู่ แต่ "มูลค่าในตัวคุณ" เท่าเดิมตลอดกาล
จุดตาย: เมื่อความรู้ไม่เพิ่ม รายได้ก็ไม่เพิ่ม ตามเงินเฟ้อไม่ทัน สุดท้ายประหยัดแทบตาย แต่ฐานะก็ย่ำอยู่กับที่
2. ประหยัดเพราะ "กลัว" ไม่กล้าให้เงินทำงาน
คนกลุ่มนี้ไม่ได้ประหยัดเพราะมีวินัย แต่ประหยัดเพราะ "ความกลัว" กลัวขาดทุน กลัวความเสี่ยง กลัวการตัดสินใจพลาด จึงเลือกที่จะกอดเงินสดไว้แน่นๆ ในบัญชีออมทรัพย์ที่ดอกเบี้ยต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
พวกเขาปฏิเสธการลงทุนทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะหุ้น กองทุน หรืออสังหาฯ เพราะมองว่าเสี่ยงเกินไป หารู้ไม่ว่าความเสี่ยงที่น่ากลัวที่สุดคือ "เงินเฟ้อ" ที่กัดกินมูลค่าเงินอย่างเงียบๆ
จุดตาย: เงินที่ไม่ถูกนำไปหมุนเวียนหรือต่อยอด คือ "เงินตาย" การประหยัดแบบนี้คือการปล่อยให้เงินด้อยค่าลงทุกวัน ยิ่งนานวัน อำนาจการซื้อยิ่งลดลง กลายเป็นคนจนลงโดยไม่รู้ตัว
3. ประหยัดแค่เปลือก แต่ "ตบะแตก" เรื่องไร้สาระ
ภายนอกดูเป็นคนเป๊ะมาก จดรับจ่ายทุกบาท ตามล่าป้ายเหลือง เปรียบเทียบราคาสินค้าเป็นชั่วโมงเพื่อส่วนลดไม่กี่บาท ดูเหมือนเป็น "เซียนประหยัด"
แต่ลึกๆ แล้วพฤติกรรมการใช้เงินกลับใช้อารมณ์นำทาง ยอมประหยัดเรื่องกินเรื่องอยู่ แต่พอเจอคำว่า "ลดราคา" หรือ "ของมันต้องมี" กลับควักเงินจ่ายง่ายๆ เพียงเพราะรู้สึกว่ามัน "คุ้ม" (ทั้งที่ไม่ได้จำเป็น) หรือซื้อของถูกคุณภาพแย่มาใช้แล้วพัง ต้องซื้อใหม่ซ้ำซาก
จุดตาย: นี่คือการประหยัดแบบ "เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย" ชีวิตวนลูปอยู่กับความเครียดในการคำนวณเศษเงิน แต่ภาพรวมการเงินกลับรั่วไหลเพราะการตัดสินใจที่ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล
สรุป: ประหยัดให้ถูกทาง คือการวางแผน ไม่ใช่การ "อด"
จุดร่วมของทั้ง 3 ข้อนี้คือการ "ขาดกลยุทธ์" การออมเงินที่ดีไม่ใช่แค่การกอดเงินไว้เฉยๆ แต่คือการรู้ว่า:
- เงินก้อนไหนควรเก็บ
- เงินก้อนไหนควรจ่ายเพื่อ "ซื้ออนาคต"
- เงินก้อนไหนควรนำไปลงทุนให้งอกเงย
จำไว้ว่าคนที่รวยจริง ไม่ใช่คนที่ "ไม่กล้าใช้เงิน" แต่คือคนที่ "ฉลาดใช้เงิน" เพื่อสร้างกระแสเงินสดกลับมาหาตัวเองต่างหาก!