โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

นักรบมนตรา : ตำนานแปดดวงจันทร์ มหากาพย์ 'แอนิเมชันไทย' แอ็กชันไซไฟฟอร์มยักษ์

VoiceTV

อัพเดต 16 ต.ค. 2566 เวลา 05.13 น. • เผยแพร่ 16 ต.ค. 2566 เวลา 05.10 น. • กองบรรณาธิการวอยซ์ออนไลน์

วิทยาลัยครีเอทีฟดีไซน์ แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์เทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (ANT-DPU) เชิญ Riff Studio มาแชร์ประสบการณ์สุดเอ็กซ์คูลซีฟการทำแอนิเมชันแก่นักศึกษา เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมไสว สุทธิพิทักษ์ อาคาร 6 ชั้น 7 เพื่อให้นักศึกษาได้มีโอกาสพูดคุยกับบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมด้านสื่อดิจิทัล แอนิเมชันและวิชวลเอฟเฟ็กต์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและเกิดการเรียนรู้จากผู้ที่มีประสบการณ์จริง

โดยในโอกาสนี้ได้รับเกียรติจาก “ตุลย์-วีรภัทร ชินะนาวิน” CEO RiFF Studio และ “โจ้-เอกสิทธิ์ เตรียมตั้ง” Animation Supervisor ให้เกียรติมาอธิบายขั้นตอนต่างๆ จากจุดเริ่มต้นของ Studio ที่ก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงปี 2010 ของหนุ่มไฟแรง 3 คนอย่าง ตุลย์-วีรภัทร ชินะนาวิน, พีท-สรพีเรศ ทรัพย์เสริมศรี และสรร-สรรเพชญ์ สาตราวาหะ ที่มีจุดประสงค์เพื่อสร้างงานแอนิเมชันคุณภาพดีและยกระดับงานแอนิเมชันของศิลปินไทย

ประสบการณ์ 'สำคัญ'

ไม่ต่างไปจากเรื่องราวความสำเร็จทั่ว ๆ ไป ที่คำว่า “ประสบความสำเร็จ” จะมาทายทักเคาะประตูหน้าบ้าน ล้วนแต่ต้องเริ่มต้นจากก้าวเล็ก ๆ 'Riff Animation Studio' ก็เช่นเดียวกันที่เริ่มรับงานชิ้นแรกๆ ด้วยการเป็น 'Outsource' รับจ้างทำแอนิเมชันจากหลายต่อหลายแห่งทั้งในและต่างประเทศ เช่น เบิร์ดแลนด์ แดนมหัศจรรย์, Lego Commercial Mini Movie, Bloody Bunn และ The Force of Will 1 ตอน จาก 5 ตอน ขณะที่อีกภาคหนึ่งก็ยังเป็นผู้รับผิดชอบ เป็นที่ปรึกษางานแอนิเมชันของภาพยนตร์ไทยในเรื่อง กระดึ๊บ (2010), SuckSeed ห่วยขั้นเทพ (2011) จนมาถึง เมย์ไหน ไฟแรงเฟร่อ (2015)

ตุลย์-วีรภัทร ชินะนาวิน กล่าวว่า “จุดเริ่มต้นมาจากการที่เขาเห็นผมทำแอนิเมชันได้และมีประสบการณ์มาจากต่างประเทศ10 กว่าปี จึงดึงผมไปที่ปรึกษาในเรื่องกระดึ๊บในฐานะ Supervisor ก็จุดประกายจากตรงนั้น และมาต่อด้วยเรื่อง suck seed ทาง Riff ก็ได้มาดูแลในส่วนของงานเล่าเรื่องใน Part ของแอนิเมชัน โดยทำแนวเขียนบนปากกากับกระดาษสมุดให้มันเคลื่อนไหวได้ ทีนี้ก็ GTHเริ่มมีความอยากรู้จักเรามาขึ้นและเชื่อว่าบริษัทตัวเล็กๆ 7-8 คนทำได้ ก็ก้าวไปรับงานโดยดูแลเกี่ยวกับแอนิเมชันเต็มๆ และทำให้หลายๆ คนรู้จักเราใน เมย์ไหน ไฟแรงเฟร่อ”

การเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหญ่น้อยค่อย ๆ หล่อหลอมการสร้างสรรค์ผลงานของตัวเอง จากการที่เข้าใจดีว่าการจะทำ 'แอนิเมชัน' ที่เป็น IP : Intellectual Properties ของตัวเองซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ทางปัญญาสเกลระดับภาพยนตร์ฉายในโรงได้ ความยากนั้นระดับมหาเทพ แถมยังต้องใช้ทั้งเวลาและใช้เงินจำนวนมาก (จนมี Animation หลายเรื่องที่ไปต่อไม่ได้ ทำไม่จบ ต้องหยุดกลางทาง) บทพิสูจน์หนทางเดียวคือ 'ต้องมีพันธมิตรแนวร่วม' และในเวลานั้นก็คือ GTH (ปัจจุบันใช้ชื่อ GDH)

“เราทำเองเราทำได้แค่ระดับหนึ่ง แต่การที่มี partner เราจะเริ่มหลุดจากสิ่งที่เราคิดและงม เราไปหาผู้เชี่ยวชาญดีกว่า เราก็เลยพอคิดจะทำแอนิเมชัน เราต้องหาบริษัทหนังที่ประสบความสำเร็จมาช่วยเรา ผมก็เลยเอาหนังไปเสนอ คุณวิสูตร พูลวรลักษณ์ ซึ่งเป็นผู้บริหารในเวลานั้น”

แต่อย่างไรก็ตาม ตุลย์-วีรภัทร บอกต่อว่า 'เราก็ต้องรู้เรา' และรับมือกับการที่จะก่อให้เกิดวงจร 'ไฟของความเป็นศิลปินก็มีมอดลง' จนเราท้อ เพราะงานครีเอต IP Intellectual Properties ของตัวเอง ในประเทศไทยเขาบอกตามตรงนั้น 'แย่มาก' ตั้งแต่ผ่านมาหนังแอนิเมชันไทยไม่เคยมีหนังเรื่องไหนประสบความสำเร็จในเรื่องของรายได้เลยในวันแรกที่ฉาย

“นี่คือครั้งแรกที่ปกติรับจ้างทำโน้นนี้ไม่ได้เป็นเจ้าของหนัง โชคดีที่เมื่อวาน นักรบมนตรา : ตำนานแปดดวงจันทร์ มีรายได้จากการฉายใน Box office เป็นที่ 2 ของวัน เป็นรองเพียงเรื่องสัปเหร่อ จากตอนแรกก็หวั่นใจคนไทยจะดูหนังหรือเปล่า เราก็ทำได้อันดับ 2 จริงๆ มันก็ดี หนังที่วันแรกฉายขึ้นล้านในช่วงหนึ่งวันหาไม่ได้มากตอนนี้หนังฝรั่งยัง 5 แสน” เขากล่าว

ทำ 'ดีที่สุด' ในสิ่งที่เราถนัด+ความเป็นไทยในปัจจุบัน

ก่อนการสร้างมหากาพย์แอนิเมชันเรื่องนี้ ตุลย์-วีรภัทร บอกว่า ได้รับคำชี้แนะจากโปรดิวเซอร์ของสตูดิโอจิบลิ Studio Ghibli Inc. สตูดิโอภาพยนตร์อนิเมะของประเทศญี่ปุ่น ผู้ให้กำเนิดภาพยนตร์แอนิเมชันที่มีชื่อเสียงมากมาย “ซูซูกิ โทชิโอะ” และ “ทาคาฮาตะ อิซาโอะ” ร่วมด้วยกับ “มิยาซากิ ฮายาโอะ” และได้รับคำแนะนำว่า…คุณอยู่ที่ไหนก็ทำตัวให้เป็นของคุณมากที่สุด ทำอะไรที่คุณเข้าใจมากที่สุดและเป็นคุณมากที่สุด ถ้าคุณจะเอาประเทศคุณเป็นเหมือนแบรนด์การค้า คุณก็ต้องเอาเอกลักษณ์ของคุณ ที่ชาวต่างชาติเขาเปิดรับ…

นักรบมนตราเป็นหนึ่งในหลายๆ เรื่องที่ใช้เนื้อเรื่องวรรณกรรมรามเกียรติ์ ซึ่งเป็นวรรณกรรมร่วมของกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ไม่ใช่แค่ประเทศไทยและที่สำคัญวรรณกรรมเรื่องนี้เป็น Public domain หรือ สาธารณสมบัติ ที่ทุกคนสามารถนำมาใช้ในการสร้างสรรค์ชิ้นงานได้

“เราไม่ได้หยิบมาแบบดื้อๆ เพราะจะเกิดดรามาและคำถามที่ว่า 'ยัดเยียดใส่ความเป็นไทยลงไปอีกแล้วหรือ' ซึ่งได้ยินมาเป็นระยะ ทำให้เราพบความจริงว่าบางครั้งคนไทยอาจจะผิดหวังกับชิ้นงานในอดีตที่มีการยัดเยียดความเป็นไทยลงไป แต่ดูแล้วไม่ได้น่าชื่นชมขนาดนั้น”

“เราพยายามตีความรามเกียรติ์ให้เข้ากับยุคสมัย ในมุมมองที่แตกต่าง ดังนั้นไม่ว่าจะผู้ชมจะเป็นแฟนวรรณคดี หรือคนที่อาจจะไม่เคยอ่านรามเกียรติ์มาก่อนดูแล้วสนุกแน่นอน”

และการตีความ Soft-Power ของประเทศไทยที่นำมาใส่ในแอนิเมชันนั้นคือ “ความเป็นไทยในปัจจุบัน” คือสิ่งที่เราและต่างชาติโหยหาและสัมผัสได้ดีที่สุดซึ่งจะเห็นได้ในภาพยนตร์อาทิ เมนูข้าวกะเพราหมูกรอบไข่ดาว ส้มตำ ไก่ย่าง ยาดอง รถไฟ รถสองแถว ฯลฯ เพราะอยากให้แอนิเมชันเรื่องนี้ เป็นตัวแทนในการนำเสนอ Soft-Powerของไทยไปยังผู้ชมทั่วโลก

“ชีวิตประจำวันของพวกเรา มันคือความเรียล เราไม่บอกนี่ไทยแต่พอคนดูเห็น…เฮ้ยใช่จริงๆ เมืองไทยต่างชาติเขาดูแล้วบอกนี้บ้านเรา” เขากล่าว พร้อมยกตัวอย่างมองย้อนกลับไปถึงประเทศเกาหลีใต้ที่ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา เวลานี้ติดท็อปชาร์ตด้านวัฒนธรรมและเป็นผู้นำของโลกด้วยการใช้หลักนี้ เมื่อควบคู่ความเป็น 'ไซไฟ' ซึ่งในรอบ 30 ปี มีเพียง 15 เรื่องเท่านั้น ส่งให้ 80% เวลานี้มีคนให้ความชื่นชอบและสนใจใน “รามเกียรติ์” เวอร์ชัน 2566 จาก RiFF Studio กันอย่างมากมาย”

“เรากับเกาหลีใต้ไม่ต่างกันมากนัก วัฒนธรรมเราฝรั่งสนใจมากๆ อย่าง RAYA ที่ Disneyเอาไปใช้ ทำไมเราไม่มีโอกาสพัฒนา Soft-Power ตรงนี้ เราก็ต้องพยายามสร้าง IP ขึ้นมา เพราะการลงทุนด้านนี้มันยังมีการทำ Merchandising ของตัวละครต่างๆ เป็นของที่ระลึกจากหนังด้วยเป็นการต่อยอดกับ IP เพื่อสร้างความผูกพันกับกลุ่มแฟนคลับด้วย”

Motion Capture “การจับความเคลื่อนไหว”

ในส่วนของโปรดักชั่น โจ้-เอกสิทธิ์ บอกว่า นอกเหนือจากกระบวนการขั้นตอนต่างๆ พื้นฐาน 'นักรบมนตรา' ได้ใช้เทคโนโลยีที่นำมาใช้โดยให้นักแสดงใส่ชุดที่ประกอบด้วยเซ็นเซอร์ตามจุดต่างๆ เพื่ออ่านและแปลงค่าท่าทางสู่โปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ ทำให้ตัวละครมีท่าทางดูละมุนสมจริงมากกว่าการจัดท่าทางเองไปถึงการแอ็คชัน 'ศิลปะ' ต่อสู้

และการใช้ 'Motion Capture' เป็นวิธีที่จะทำให้ผู้กำกับเห็นแอนิเมชันทั้งเรื่องได้ง่ายขึ้น ช่วยให้ผู้สร้างสามารถเล่าเรื่องของเขาง่ายขึ้นเพื่อให้ภาพรวมและความรู้สึกและอารมณ์ของแอนิเมชันสม่ำเสมอกัน และเพื่อเป็นการประหยัดเวลาขึ้น “ไม่ใช่เพิ่มภาระงาน” ซึ่งเป็นวิธีลดระยะเวลาและค่าใช้จ่าย ให้คุมงบได้ในงบ 200 ล้านบาท ประหยัดได้หลายเท่า

“Pixar ใช้งบประมาณเรื่องละกว่าพันล้านดอลล่าร์ ซึ่งเมื่อเทียบฝั่งฮอลลีวูด คือ ตัวแปรมี 2 อย่าง คือ ถ้าเวลาน้อย-คนเยอะ และเวลาเยอะ-คนน้อย แต่เราสามารถใส่คุณภาพเกินงบ ทีนี้เราสามารถขอจากภาครัฐ จากกระทรวงวัฒนธรรม นักรบมนตราของเราก็ได้รับการสนับสนุนจำนวนหนึ่งตอนที่เราทำเสร็จไปยื่นแบบฟอร์มก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง เพราะเราเข้าใจว่ามันก็ไม่ใช่ทำกันง่ายๆ ถ้ายังไม่เสร็จไปขอการสนับสนุน” โจ้-เอกสิทธิ์ กล่าว

นอกจากนั้น “นักรบมนตรา” มีการสร้างสินค้าที่พัฒนาตัวจากตัวละครเอกด้วย โดยร่วมงานกับบริษัท 2SPOT Communications โดยสินค้ามีทั้ง เสื้อยืด กระเป๋า ตุ๊กตา การ์ดเกม และยังมีความร่วมมือกับยาดมหงส์ไทยในการใช้ภาพตัวละครมาออกแบบแพ็กเกจของยาดมหงส์ไทยรุ่นพิเศษอีก รวมถึงอนุญาตให้หน่วยงานกระทรวงต่างๆ ในประเทศไทยใช้ตัวละครของนักรบมนตราไปใช้งานได้ เป็นการต่อยอดให้คนรู้จักตัวละครมากขึ้นและสามารถต่อยอดสร้างรายได้จากสร้าง IP ตรงนี้ให้เกิดคุณค่าในกลุ่มลูกค้า สร้างเป็น Community คนรักนักรบมนตรา ในอนาคตอาจมีการพัฒนากาชาปองสุ่มเพื่อเพิ่มความน่าสนใจในสินค้าอีกด้วย

ตุลย์-วีรภัทร กล่าวเสริมว่า “เรามีแผนจะพัฒนางานต่อไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กลุ่มผู้ชมรู้สึกผูกพันกับตัวละคร เหมือนกับเรื่อง 'Harry Potter' ที่ผู้ชมเติบโตไปพร้อมกับตัวละคร แอนิเมชันไทยที่ผ่านมามันทำแล้วจบไป แต่เรามองว่าเราต้องทำแล้วไม่จบ ต้องมีความต่อเนื่องเพื่อให้ชนะใจผู้ชมได้ในระยะยาว”

ทั้งนี้นักรบมนตรา : ตำนานแปดดวงจันทร์ แอนิเมชันที่สร้างจาก Passion และความตั้งใจของผู้สร้างที่อยากจะพัฒนาแอนิเมชันไทยให้ไปไกลในระดับสากลและนำเสนอ Soft-Power แบบไทยๆ ที่ไม่น่าเบื่อไปสู่สายตาชาวโลก

“ขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมสนับสนุนแอนิเมชันฝีมือคนไทยได้ตั้งแต่วันนี้ และไปพิสูจน์กันว่าแอนิเมชันฝีมือคนไทยก็ 'มีดีไม่แพ้ใคร' ได้ทุกโรงภาพยนตร์”

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...