โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที

Robotaxi ทางเลือกการเดินทางแห่งอนาคตหรือภัยต่อมนุษย์

BT Beartai

อัพเดต 23 ส.ค. 2566 เวลา 14.02 น. • เผยแพร่ 23 ส.ค. 2566 เวลา 12.37 น.
Robotaxi ทางเลือกการเดินทางแห่งอนาคตหรือภัยต่อมนุษย์

ค่ำคืนในวันเหนื่อย ๆ การจะนั่งแท็กซี่กลับบ้านคงไม่อยากเจอคำถามกวนใจหรือถูกรบกวนจากเสียงวิทยุที่ดังสนั่นแบบไม่สนใจผู้โดยสาร หรือที่แย่ที่สุดคือถูกพาไปไหนก็ไม่รู้

คงจะดีไม่น้อยหากมีรถโดยสารในแบบที่ทั้งเป็นส่วนตัวและขับเคลื่อนตัวมันเองได้แบบในภาพยนตร์ไซไฟอย่าง ‘Fifth Element’ หรือเกมอย่าง ‘Cyberpunk 2077’

เพียงแต่ที่จริงแล้วแท็กซี่แบบไร้คนขับไม่ได้มีอยู่ในแค่นิยายวิทยาศาสตร์อีกต่อไป

Robotaxi แพร่หลายแค่ไหน

แท็กซี่ขับเคลื่อนตัวเองกลายเป็นสิ่งที่บริษัทเทคโนโลยีพยายามก่อร่างขึ้นให้กลายทางเลือกใหม่ในการเดินทางในเมือง ในหลายประเทศเริ่มนำมาใช้

Robotaxi มีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการควบคุมรถ มีกล้อง ระบบเรดาร์ และลิดาร์ (LiDAR) หรือระบบวัดระยะและตรวจจับแสง ทั้งหมดนี้เพื่อให้ Robotaxi สามารถสำรวจรอบรถ 360 องศาประกอบการตัดสินใจ

Zoox บริษัทลูกของ Amazon ถือเป็นเจ้าแรกที่นำรถยนต์ขับเคลื่อนตนเองไฟฟ้ามาให้บริการเชิงพาณิชย์ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 2020

เจ้าอื่นก็ไม่น้อยหน้า General Motors ก็เปิดตัว Cruise ขณะที่ Alphabet (บริษัทแม่ Google) ก็เข็น Waymo ออกมาแข่ง ซึ่งได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลของเมืองให้ออกวิ่งแต่จำกัดช่วงเวลา

ไม่จำกัดอยู่ในสหรัฐฯ เท่านั้น ธุรกิจ Robotaxi ในหลายประเทศทั้ง Didi จากจีน EasyMile จากฝรั่งเศส และ Robot Taxi จากญี่ปุ่น ก็ทยอยเข้าร่วมตลาดแห่งอนาคตนี้ ถึงขั้นว่ามีความร่วมมือข้ามชาติกันแล้ว

หน้าตา Robotaxi ของ Zoox (ที่มา Zoox)
หน้าตา Robotaxi ของ Zoox (ที่มา Zoox)

การออกแบบ Robotaxi ของแต่ละเจ้ามีหน้าตาแตกต่างกันออกไป บางแบบจะเป็นรถยนต์ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดีที่ใส่เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ แต่บางรายอย่าง Zoox ที่ออกรถหน้าตาเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมติดล้อที่ไม่มีพวงมาลัยหรือที่นั่งคนขับ

ตลาด Robotaxi ยังค่อนข้างใหม่ที่ยังมีอนาคตอีกยาวไกล นักวิเคราะห์การตลาดชี้ว่าว่าอัตราการเติบโตรายปีแบบทบต้นของมูลค่าตลาด Robotaxi ทั่วโลกจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ อาจแตะถึง 20,000 – 40,000 ล้านเหรียญ (ราว 700,000 ล้าน – ราว 1,400,000 บาท) ภายในสิ้นปี 2028

ทางเลือกแห่งอนาคต

ข้อดีหลักของ Robotaxi นอกจากจะเป็นทางเลือกการเดินทางที่เป็นส่วนตัวแล้ว ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะส่วนใหญ่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100%

Robotaxi ยังเป็นทางเลือกให้กับผู้พิการจำนวนมากที่หลายคนรู้สึกว่าระบบการขนส่งสาธารณะในปัจจุบันมันไม่สะดวกเอาซะเลย

ถึงขั้นว่าผู้พิการทางสายตาเคยถูกคนขับ Uber ปฏิเสธไม่ให้สุนัขบริการที่ช่วยนำทางขึ้นรถ จนมีการเรียกร้องให้นำ Robotaxi มาใช้ คิวรอที่จะใช้บริการแห่งอนาคตเหล่านี้ยาวเหยียด

ยิ่งไปกว่านั้น หากระบบทุกอย่างของ Robotaxi ทำหน้าที่เต็มประสิทธิภาพ จะยังเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง ไม่ต้องกลัวรถหมด และไม่ต้องกลัวคนขับที่เป็นมนุษย์พาหลงอีกต่อไป

ที่สำคัญคือช่วยลดการจราจรที่ติดขัด เพราะจะลดเหตุการณ์ที่แท็กซี่ไปรอรับผู้โดยสารจนแถวยาวเหยียด

ยังต้องใช้เวลาปรับปรุง

การให้บริการ Robotaxi ต้องใช้และเก็บข้อมูลมหาศาล ซึ่ง NVIDIA ชี้ว่าข้อมูลที่เซนเซอร์ของ Robotaxi ใช้นั้นมากกว่ารถยนต์ที่ก้าวหน้าที่สุดในปัจจุบันถึง 100 เท่า นั่นเพราะว่าต้องใช้ข้อมูลเหล่านี้ทดแทนการตัดสินใจของมนุษย์

และด้วยความที่เป็น AI นี่แหละ จึงมีโอกาสทำงานผิดพลาดเวลาเกิดเหตุการณ์ที่มันไม่คาดฝัน จนก่อให้เกิดอันตรายต่อการจราจรหรือสังคมโดยรอบ

สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาคือการที่ Robotaxi มักจะหยุดอยู่กับที่ หรือขับตัวมันเองเข้าไปในสถานที่ต่าง ๆ

ประชาชนจำนวนหนึ่งบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า Robotaxi ชอบเข้าไปออกันอยู่หน้าบ้านคน จนทำให้การจราจรในชุมชนติดขัด

การหยุดชะงักของ Robotaxi ทำให้กีดขวางการจราจร บางกรณีก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรง และขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ในเหตุวิกฤต

ในเดือนกรกฎาคม 2023 มีเหตุรถดับเพลิงที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ชนเข้ากับ Robotaxi ของ Cruise กลางสี่แยกในซานฟรานซิสโกเมื่อเดือนสิงหาคม 2023 บริษัทยอมรับว่าระบบ AI ของรถตรวจเจอความเสี่ยงของรถที่จะชนท้าย จึงตัดสินใจเบรกตามระบบที่ตั้งไว้

Cruise ยังเคยก่อวีรกรรมที่ Robotaxi 8 คันไปหยุดชะงักกลางถนนในช่วงที่มีงาน Outside Lands Music Festival เหตุเพราะการที่มีคนเข้างานจำนวนมาก ทำให้ระบบเครือข่ายขัดข้อง Robotaxi ไม่สามารถรับข้อมูลอย่างถูกต้องได้

นี่ยังไม่ต้องนึกถึงว่าหากเกิดเหตุวิกฤต เช่นเหตุไฟป่าที่เกาะเมาวี ของรัฐฮาวาย เหตุสึนามิถล่มในญี่ปุ่น หรือแม้แต่เหตุสงครามในยูเครน การที่มีรถยนต์ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ทำงานไม่ตามสั่งพร้อม ๆ กันจำนวนมากจะส่งผลกระทบได้ถึงขนาดไหน

ทั้งหมดที่กล่าวมา ยังไม่รวมถึงภัยไซเบอร์ที่อาจทำให้การทำงานของ AI ใน Robotaxi ทำงานผิดพลาดอย่างจงใจให้ไปก่ออาชญากรรม หรือสร้างอันตรายต่อคนอื่นได้ ที่ผ่านมาเคยมีการทดลองแล้วว่าแม้แต่รถยนต์ธรรมดายังถูกแฮกได้

แย่งงาน

การมาของแท็กซี่แบบไร้คนขับแน่นอนว่าจะกลายเป็นทางเลือกแทนการนั่งแท็กซี่ที่มีคนขับ ซึ่งจะกระทบต่อผู้ขับแท็กซี่ในรูปแบบเดิม ๆ แน่นอน

อย่างไรก็ดี ผู้คนจำนวนมากยังรู้สึกสบายใจกับการโดยสารแท็กซี่ที่มีมนุษย์ขับอยู่ ทั้งจากความคุ้นเคยกับการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์ และความไม่มั่นใจว่าระบบ AI ของ Robotaxi จะทำงานได้อย่างสมบูรณ์ เพราะอย่างที่เห็นว่าระบบการทำงานยังมีข้อผิดพลาดเยอะอยู่

ทางเลือกมากกว่าทดแทน

Robotaxi จึงอาจกลายเป็นทางเลือก มากกว่าที่จะทดแทนแท็กซี่แบบเดิมไปทั้งหมด

แต่สำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในวันอันแสนเหนื่อยหน่าย Robotaxi ก็อาจกลายมาเป็นทางเลือกใหม่ที่ไม่ได้อยู่แค่ในนิยายไซไฟอีกต่อไป

เพียงแต่ยังต้องการพัฒนาอีกมาก เวลาในการพิสูจน์ตัวเองของ Robotaxi ยังอีกนานเกินกว่าที่จะบอกได้ว่าจะเป็นไปแบบไหน

ที่มา CNBC, Reuters, CNN Business, Hyundai Motor Europe, Automation Switch, Fortune Business Insights, NVIDIA, The Verge

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...