ยุทธการ 22 สิงหา : การมาของ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" การมา ของ แหวน "ยายเนียม"

อุบัติแห่งรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คือ จุดเริ่มต้นแห่งความขัดแย้งครั้งใหญ่อีกระลอกหนึ่งในทางความคิด และในทางการเมือง

เป็นความขัดแย้งระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย

ภายในรัฐบาลอาจได้ “กลุ่มเพื่อนเนวิน” ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็นพรรคภูมิใจไทยเป็นพันธมิตร แวดล้อมด้วยพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา

แต่ที่สำคัญเป็นอย่างมากยังเป็น “กองทัพ” ซึ่งอยู่ในความยึดกุมของ “บูรพาพยัคฆ์” ซึ่งนำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1

การคืนตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ สะท้อนให้เห็นถึงการรวบอำนาจทางด้าน “ความมั่นคง” อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

สถานการณ์อันเกิดขึ้นกับรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช สถานการณ์อันเกิดขึ้นกับการยุบพรรคพลังประชาชนและการพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อาจทำให้พรรคเพื่อไทยอยู่ในภาวะจังงังระยะเวลาหนึ่ง

บทบาทของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เงียบสงบลงไปแล้วตั้งแต่มีการยุบพรรคพลังประชาชน

แม้ นปช.จะเคยแสดงบทบาทอย่างสูงในห้วงนับแต่สถานการณ์ก่อนและหลังการยุบพรรคพลังประชาชน แต่เมื่อประสบกับการตัดสินใจแยกตัวของ “กลุ่มเพื่อนเนวิน” พร้อมกับคำว่า “มันจบแล้วนาย” ทำให้ภายใน นปช.ต้องอยู่ในระยะปรับตัว

ความขัดแย้ง “ภายใน” รัฐบาล ความขัดแย้ง “ภายใน” พรรคประชาธิปัตย์ต่างหากที่น่าสนใจ

โดยเฉพาะต่อ “ตำแหน่ง” ภายใน “คณะรัฐมนตรี”

ร่องรอยแห่งความขัดแย้งปะทุขึ้นตั้งแต่การประชุมคณะกรรมการบริหารและ ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 18 ธันวาคม เพื่อพิจารณา “บุคคล” เข้ารับตำแหน่งเป็น “รัฐมนตรี”

มี ส.ส.บางคนไม่เข้าร่วมประชุมเพราะไม่พอใจกับโผรัฐมนตรีบางตำแหน่ง

โดยเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เชื่อกันว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคสอดไส้ชื่อ นายวีระชัย วีระเมธีกุล เข้าดำรงตำแหน่ง

1 วันหลังจากนั้น นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง ซึ่งได้รับการวางตัวให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่ก่อนแล้วได้ออกมาตั้งคำถามถึงการแต่งตั้ง นายวีระชัย วีระเมธีกุล

ว่าอาจสัมพันธ์กับข่าวการบริจาคเงินให้กับพรรคประชาธิปัตย์เป็นจำนวน 80 ล้านบาท

ปฏิกิริยาไม่พอใจกระทบถึงการประชุมสัมมนาที่เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี

วันที่ 20 ธันวาคม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นกลุ่ม “อกหัก” อีกรายหนึ่งทางการเมืองออกมาระบุว่าได้เกิด “แก๊ง ออฟ โฟร์” ในพรรค

ประกอบด้วย นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู รองเลขาธิการพรรค นางอัญชลี วานิช เทพบุตร เหรัญญิกพรรค นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรค นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์รับผิดชอบภาคใต้

เนื่องจากมีการล็อบบี้กรรมการบริหารพรรค 19 เสียงให้สนับสนุนบุคคลที่จะขึ้นมาเป็น “รัฐมนตรี”

ด้านหนึ่ง นายวีระชัย วีระเมธากุล ออกมาปฏิเสธว่าไม่เคยบริจาคเงินให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นจำนวน 80 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ด้านหนึ่ง กลุ่มผู้อาวุโสในพรรคพยายามประสานรอยร้าวและทำความเข้าใจกับกลุ่มที่ไม่พอใจ

ผลก็คือ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง ออกมายืนยันว่าไม่มีปัญหาค้างคาใจแล้ว

เมื่อทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคในฐานะ “ผู้จัดการรัฐบาล” ก็ออกมาชี้แจงว่า ปัญหาในพรรคได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว

ขณะเดียวกัน ก็ได้แต่งตั้ง นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช ให้รับผิดชอบในตำแหน่ง “ประธานวิปรัฐบาล”

ถือว่าตำแหน่ง “ประธานวิปรัฐบาล” เป็นตำแหน่งปลอบใจที่ไม่ได้เป็น “รัฐมนตรี”

การประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกสำหรับรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในวันที่ 23 ธันวาคม 2551 จึงเป็นการประชุมเพื่ออนุมัติเห็นชอบร่างนโยบายที่จะนำไปแถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 29-30 ธันวาคม

โดยนโยบายรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กำหนดว่า จะบริหารราชการแผ่นดินให้บรรลุภารกิจภายใต้แนวทางพื้นฐานหลัก 4 ประการ กล่าวคือ

1 ปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์

2 สร้างความปรองดอง สมานฉันท์

3 ฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน และบรรเทาผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจที่ประชาชนจะประสบ

4 พัฒนาประชาธิปไตยและระบบการเมืองให้มีความมั่นคง

นโยบายเร่งด่วนที่จะเริ่มดำเนินการในปีแรก อาทิ ให้มีสำนักงานบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นองค์การถาวร จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาแนวทางการดำเนินการปฏิรูปการเมืองโดยให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วม

จัดทำแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะสั้นที่ครอบคลุมภาคเกษตรและเกษตรกร ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการและการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ภาคอสังหาริมทรัพย์ การสร้างงานและสร้างรายได้ในชนบท การพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติและฟื้นฟูทรัพยากรให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2552

จัดโครงการฝึกอบรมแรงงานที่ว่างงานประมาณ 500,000 คน ในระยะเวลา 1 ปี

ขยายเพดานให้กู้ยืมจากกองทุนผู้สูงอายุเป็น 30,000 บาทต่อราย

จัดตั้งกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง จัดตั้งสภาเกษตรกรแห่งชาติ จัดตั้งคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ

มอบหมาย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รับผิดชอบด้าน “ความมั่นคง”

มอบหมาย นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รับผิดชอบด้าน “เศรษฐกิจ”

ความน่าสนใจอยางเป็นพิเศษอยู่ที่บทบาทและกระบวนท่าของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในทางการเมือง

เริ่มจากการระบุชื่อ นางเนียม พันธุ์มณี ขึ้นระหว่างการแถลงข่าว

เป็นการระบุชื่อ นางเนียม พันธุ์มณี วัย 84 ปี ชาวโนนค้อ หมู่ 3 ต.ม่วง อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี ที่เคยมอบแหวนทองเหลืองให้เป็นการหมั้นหมายให้กับชาวอีสานเมื่อครั้งไปช่วยลูกพรรคหาเสียงที่บ้านโนนค้อเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2550

วันที่ 25 ธันวาคม 2551 นายวิฑูรย์ นามบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้รับมอบหมายจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้นำของขวัญปีใหม่และจดหมายพิเศษไปมอบให้กับ นางเนียม พันธุ์มณี ซึ่งพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอำเภอม่วงสามสิบ

นางเนียม พันธุ์มณี เขียนจดหมายตอบกลับทันที บอกดีใจที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี

ดีใจมากจนหายจากอาการไข้

เป็นบรรยากาศในห้วงแห่งการเข้ารับตำแหน่งเป็น “นายกรัฐมนตรี” เป็นบรรยากาศแห่งการส่งท้าย “ปีเก่า” และต้อนรับ “ปีใหม่”

ท่ามกลางความคึกคักของ “รัฐบาล” ท่ามกลางความเงียบของ “ฝ่ายค้าน”

หารู้ไม่ว่าตลอดปี 2552 กระทั่งต่อเนื่องไปยังปี 2553 มรสุมอันคลุ้มคลั่งในทางการเมืองจะฟาดกระหน่ำเข้ามาอย่างรุนแรง

เป็นการเผชิญหน้าระหว่าง “รัฐบาล” กับการมาของ “คนเสื้อแดง”

https://twitter.com/matichonweekly/status/1552197630306177024

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ยุทธการ 22 สิงหา : การมาของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” การมา ของ แหวน “ยายเนียม”

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichonweekly.com