โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

กทม.เปิดเกมยื้อหนี้ BTS ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้า แบกภาระดอกเบี้ยวันละ 7 ล้าน

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 29 ส.ค. 2567 เวลา 19.00 น. • เผยแพร่ 29 ส.ค. 2567 เวลา 23.19 น.

การแก้ปัญหนี้ที่เกิดขึ้นจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เป็นหนึ่งในนโยบายที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประกาศที่จะเร่งแก้ไขนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2565 และจะหาข้อสรุปการแก้ปัญหาภายใน 1 เดือน นับจากเข้ารับตำแหน่ง

ทั้งนี้ เพื่อแก้ปัญหานี้ระหว่างกรุงเทพมหานคร บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด กับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า BTS

นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมามีการเจรจาชำระหนี้ และมีการจ่ายหนี้ค่าจ้างวางระบบรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเมื่อวันที่ 2 เม.ย.2567 เพื่อชำระหนี้ค่าติดตั้งระบบรถไฟฟ้า ส่วนต่อขยายที่ 1 อ่อนนุช-แบริ่ง , สะพานตากสิน-บางหว้า และส่วนต่อขยายที่ 2 แบริ่ง-สมุทรปราการ , หมอชิต-คูคต วงเงิน 23,091 ล้านบาท

ในขณะที่หนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ยังไม่มีการชำระถึงแม้ว่าศาลปกครองสูงสุด จะมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ก.ค.2567 ให้กรุงเทพมหานคร และบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด ชำระหนี้ค่าจ้างงานเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุง ส่วนต่อขยายให้ BTS

สำหรับหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงที่กรุงเทพมหานครและบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ต้องชำระแบ่งเป็น 4 ส่วน รวมหนี้ถึงวันที่ 25 ก.ค.2567 มีวงเงินถึง 39,402 ล้านบาท ประกอบด้วย

1.)หนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงส่วนต่อขยายที่ 1 ตั้งแต่เดือน พ.ค.2562 ถึง พ.ค.2564 และส่วนต่อขยายที่ 2 ตั้งแต่เดือน เม.ย.2560 ถึง พ.ค.2564 ซึ่งคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้ชำระ 11,755 ล้านบาท ภายใน 180 วัน พร้อมดอกเบี้ยสําหรับลูกค้า รายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) บวก 1% ต่อปี รวมแล้วประมาณ 14,000 ล้านบาท

2.)หนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ตั้งแต่เดือน มิ.ย.2564 ถึง ต.ค.2565 วงเงิน 11,811 ล้านบาท โดย BTS ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางวันที่ 22 พ.ย.2565 และอยู่ขั้นตอนพิจารณาของศาลปกครองกลาง โดยถ้ามีคำพิพากษาในทิศทางเดียวกับคดีแรกจะทำให้กรุงเทพมหานคร และบริษัทกรุงเทพธนาคาร จำกัด ต้องชำระอัตราดอกเบี้ยอัตราเดียวกัน

3.)หนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ตั้งแต่เดือน พ.ย.2565 ถึง มิ.ย.2567 วงเงิน 13,513 ล้านบาท ไม่รวมดอกเบี้ย ซึ่งผู้รับจ้างเดินรถไฟฟ้ายังไม่ได้ยื่นฟ้องตอศาลปกครองกลาง

4.)หนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ตั้งแต่เดือน มิ.ย.2567 ถึงปัจจุบัน โดยสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงส่วนต่อขยายจะสิ้นสุดปี 2585

ศาลชี้สัญญาจ้างชอบด้วยกฎหมาย

รายงานข่าวระบุว่า ขณะนี้นายชัชชาติ ยังไม่ได้นัด BTS เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด วงเงินพร้อมดอกเบี้ย 14,000 ล้านบาท รวมถึงยังไม่มีการเจรจาถึงการชำระหนี้แต่ละก้อนทั้งหนี้ที่มีคำพาพากษาศาลปกครองสูงสุดและหนี้ที่กำลังฟ้องร้อง รวมถึงหนี้ใหม่ที่เกิดขึ้นทุกวัน ถึงแม้ว่าจะมีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดเป็นแนวปฏิบัติให้กับกรุงเทพมหานคร และบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด

นอกจากนี้ กรุงเทพมหานคร ได้สอบถามคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดดังกล่าว โดยได้อ้างถึงเหตุผลกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดเมื่อวันที่ 10 ม.ค.2566 แจ้งข้อกล่าวหา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ขณะดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และพวกรวม 13 คน

กรณีว่าจ้าง BTS เพื่อเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 3 เส้นทาง ถึงปี 2585 โดยหลีกเลี่ยงและไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542

ในขณะที่คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดได้ระบุถึงสัญญาจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงเป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ถึงแม้ว่ากรุงเทพมหานครจะมีการอ้างถึงสัญญาส่วนต่อขยายที่ 2 ที่ยังไม่เสนอสภากรุงเทพมหานครให้ความเห็นชอบ ซึ่งทำให้ต้องชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถดังกล่าว เพราะการที่ ป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหาในประเด็นดังกล่าว ไม่มีผลต่อสัญญา

ส่วนกรณีที่กรุงเทพมหานคร ระบุถึงการชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช.เป็นการทำสัญญาส่วนต่อขยายที่ 1 แต่ปัจจุบันกรุงเทพมหานครและบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ได้มีการจ่ายเงินส่วนที่ขาดของค่าโดยสารให้ BTS

ต้องจ่ายดอกเบี้ยวันละ 7 ล้านบาท

ทั้งนี้ การที่กรุงเทพมหานคร และบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด ยังไม่ชำระหนี้ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดถึงแม้จะยังไม่ครบ 180 วัน แต่มีผลทำให้กรุงเทพมหานครจะต้องจ่ายอัตราดอกเบี้ย ซึ่งมีการคำนวณเบื้องต้นอยู่ที่วันละ 7 ล้านบาท นับตั้งแต่มีการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเมื่อปี 2565

ขณะที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 2 ต.ค.2561 เกี่ยวกับข้อพิพาทของหน่วยงานรัฐ โดยเห็นว่าเพื่อบรรเทาความสูญเสียและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่รัฐ และเพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์สูงสุดของทางราชการกรณีหน่วยงานของรัฐมีข้อพิพาทตามสัญญาอนุญาโตตุลาการหรือถูกฟ้องคดีต่อศาลปกครองเป็นคดีเดียวหรือหลายคดีในประเด็นเดียวกันหรือเกี่ยวเนื่องกัน

โดยกรณีมีคำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการที่นำไปสู่การฟ้องคดีในศาลปกครองสูงสุด โดยผลของคำวินิจฉัยชี้ขาดให้หน่วยงานรัฐต้องชดใช้ค่าเสียหายหรืออื่นใด จึงมีมติให้หน่วยงานของรัฐอาจเจรจาต่อรองกับคู่พิพาทเพื่อบรรเทาความเสียหายของรัฐและให้เกิดความเป็นธรรมแก่ราษฎรได้ โดยให้ดำเนินการอย่างโปร่งใสชอบด้วยกฎหมายและคำนึงถึงผลประโยชน์ชาติเป็นสำคัญ

"กทม.-กรุงเทพธนาคม”ส่งตีความปม ปปช.

นายธงทอง จันทรางศุ ประธานกรรมการ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า การชำระค่าจ้างงานเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีเขียว วงเงิน 11,755 ล้านบาท ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2567

ขณะนี้บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด อยู่ระหว่างหารือร่วมกับกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับประเด็นข้อกล่าวหาที่เกี่ยวเนื่องต่อการทำสัญญาจ้างงาน O&M เพื่อทำให้เรื่องนี้มีความละเอียดรอบคอบก่อนการชำระค่าจ้างงานดังกล่าว

อย่างไรก็ดี ประเด็นข้อกล่าวหาที่บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด และกรุงเทพมหานคร อยู่ระหว่างการตีความ คือ กรณีที่ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดผู้เกี่ยวข้อง ทำสัญญาจ้าง BTS เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 3 เส้นทาง ไปจนถึงปี 2585 ซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวเนื่องหรือไม่กับการทำสัญญาจ้างงานดังกล่าว ทำให้บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด และกรุงเทพมหานคร อยู่ระหว่างตรวจสอบประเด็นนี้อย่างละเอียด

“กรุงเทพธนาคม” หวังยื่นฟื้นคดีใหม่

ทั้งนี้ หากท้ายที่สุดมีการชี้มูลว่าสัญญาจ้างผิดจริงนั้น บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด และกรุงเทพมหานคร อาจต้องยื่นขอรื้อฟื้นคดีข้อพิพาทเกี่ยวกับการจ้างงานเดินรถ O&M เพื่อให้เข้าสู่กระบวการศาลปกครองพิจารณา

แต่หากสัญญาจ้างงานดังกล่าวไม่ขัดต่อกฎหมาย ทั้งบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด และกรุงเทพมหานครก็พร้อมที่จะดำเนินการชำระค่าจ้างงาน O&M ตามที่ศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินไว้ โดยขณะนี้ขอให้รอการตีความเกี่ยวกับข้อมูลจาก ป.ป.ช.ให้แล้วเสร็จก่อน ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนออกมาก่อนครบกำหนดศาลให้ชำระค่าจ้างแต่เอกชนภายใน 180 วันนับจากวันที่ศาลมีคำตัดสิน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...