เมื่อเด็กเอกจีนได้ทุน HES ไปเรียนภาษาฟรีๆ 6 เดือนที่ 'ไต้หวัน' (จูนสมองกับอักษรจีนตัวเต็ม!)
你好!ถ้าใครอยากไปฝึกภาษาในสังคมของคนที่ใช้ภาษาจีนเป็นหลัก’ไต้หวัน’ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจเหมือนกัน และตอนนี้ทุนเรียนภาษาระยะสั้น ‘Huayu Enrichment Scholarship' (HES)ก็เพิ่งเริ่มเปิดรับสมัครสดๆ ร้อนๆ (หมดเขต 31 มีนาคม 2022) ทั้งเรียนฟรีและมีเงินให้ใช้จ่ายรายเดือนให้ โดยปีนี้มีโควตารวม 132 เดือน โดยกรรมการจะพิจารณาอนุมัติทุนและจัดสรรว่าแต่ละคนจะได้ไปเรียน 3, 6, 9 หรือ 12 เดือน
และวันนี้เราก็มีรีวิวจาก‘แคท’เจ้าของแอคเคานต์ทวิตเตอร์ @mmeiennnเด็กอักษรฯเอกจีน ม.ศิลปากร ที่ได้ทุน HESไปเรียนภาษาจีนระยะสั้นที่‘เจิ้งต้า’ หรือมหาวิทยาลัยแห่งชาติเจิ้งจื้อ (國立政治大學; National Chengchi University, NCCU) บอกเลยว่าตั้งใจเตรียมตัวอย่างดีตั้งแต่ปี 2019 จนได้ยื่นและคว้าทุนในปี 2021 และสมัครด้วยตัวเองโดยไม่ผ่านเอเยนซีใดๆ ใครกำลังเก็บข้อมูลทุนและตัดสินใจว่าจะสมัครเรียนมหาวิทยาลัยไหนดี ตามมาอ่านกันเลยค่ะ~
เล่าเหตุผลที่เด็กเอกจีน
อยากไปเรียนภาษาที่ไต้หวัน
สวัสดีค่ะ~ แคทเรียนจบ ป.ตรี สาขาวิชาภาษาจีน คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ทุน HESไปเรียนภาษาจีน 6 เดือนที่ NCCU หรือบางคนจะรู้จักกันในชื่อ “เจิ้งต้า” นั่นเองค่ะ
ด้วยความที่เรียนจีนแบบตัวย่อมาตลอด ตอนแรกเลยตั้งใจจะไปเรียนภาษาที่จีนแผ่นดินใหญ่ (ไต้หวันจะใช้อักษรจีนตัวเต็ม) แต่ช่วงโควิดคนไทยจะยังเข้าประเทศจีนไปเรียนภาษาหรือปริญญาไม่ได้ เราเลยมูฟมาไต้หวันแทน นอกจากนี้คือเราเป็นแฟนคลับ ‘มาร์ค ต้วน'(Mark Tuan) เมมเบอร์ GOT7 ซึ่งเป็นคนสัญชาติอเมริกัน-ไต้หวัน ถึงเขาจะพูดภาษาจีนไม่บ่อย แต่เราก็อยากฟังและแปลออกให้ได้ค่ะ ^^
ส่วนตัวรู้จักและหาข้อมูลทุน HESมาตั้งแต่ปี 2019 จนมาเจอกรุ๊ป TSAT : Thai Students Association in Taiwanของกลุ่มนักเรียนไทยในไต้หวัน ทำให้รู้จักเพื่อนคนนึงที่เค้าได้ทุนเมื่อปี 2019 แล้วไปเรียนที่เจิ้งต้า เราลองถามข้อมูลกับเค้าจนสนิทเลย 555 จากประสบการณ์เราเองเจอเจ้าหน้าที่ศูนย์ภาษาใจดีและเอาใจใส่มาก ประทับใจจนตัดสินใจสมัคร NCCU ที่เดียวเลยค่ะ
รีวิวสมัครเรียน NCCU & สมัครทุน
**ต้องบอกก่อนว่าแต่ละมหาวิทยาลัยและในแต่ละปี อาจจะมีกระบวนการสมัครต่างกันค่ะอันนี้จะแชร์ประสบการณ์ส่วนตัว เราสมัครกับมหาวิทยาลัย NCCU โดยตรง ไม่ผ่านเอเยนซี และยื่นช่วงเรียนปี 4 เทอมสุดท้าย
สรุปขั้นตอนคร่าวๆ
- สมัครเรียนคอร์สภาษาบนเว็บไซต์ ศูนย์ภาษาของมหาวิทยาลัย NCCUซึ่งปกติแล้วจะกำหนดให้มีจำนวนเงินใน Bank Statement ค่อนข้างสูง (US$3500) แต่ถ้าใครขอทุน HES สามารถแนบแบบฟอร์มที่เรากรอกสมัครทุนแทนได้และตอนกรอกฟอร์มจะมีช่องให้ติ๊กว่าเราจะนำไปสมัครทุนด้วย ไม่ใช่นักเรียนที่จะชำระค่าเรียนเอง
- รอใบตอบรับจากมหาวิทยาลัย แล้วนำใบนี้ไปยื่นสมัครทุน
- หลังจากเราได้ทุน เราจะได้หลักฐานเป็นใบรับรองทั้งทางอีเมล ให้เรานำไปยื่นกับมหาวิทยาลัยอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าเราได้ทุนนี้และจะเข้าเรียนภาษา (ส่วนใบรับรองฉบับจริงจะได้รับตอนไปทำวีซ่าค่ะ)
ไปสอบ TOCFL ครั้งแรกในชีวิต!
ทุนจะกำหนดให้เราส่งคะแนนวัดระดับภาษาตามเกณฑ์ที่กำหนด (ไม่รับคะแนน HSK)
- ถ้าขอทุนเรียนภาษาระยะเวลา 3-6 เดือน ต้องยื่นคะแนนภาษาจีน TOCFLระดับ A2 (Level 2) ขึ้นไป หรือคะแนนภาษาอังกฤษ TOEIC 550 ขึ้นไป หรือผลสอบอื่นๆ ที่เทียบเท่า
- ถ้าขอทุนเรียนภาษาระยะเวลา 9-12 เดือน ต้องยื่นคะแนนภาษาจีน TOCFLระดับ B1 (Level 3) ขึ้นไป
TOCFLหรือที่ย่อมากจาก Test of Chinese as a Foreign Language เป็นการทดสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีนที่ออกแบบสำหรับชาวต่างชาติที่ไม่ได้ใช้ภาษาจีนเป็นหลัก ส่วนมากผู้สอบมักมีจุดประสงค์เพื่อนำคะแนน TOCFLไปยื่นเรียนต่อหรือทำงานที่ประเทศไต้หวัน
ระดับการทดสอบ ระดับคะแนน CEFR ชั่วโมงเรียน ฐานคำศัพท์
ระดับต้น
(Band A)
Level 1 A1 240 - 480 ชั่วโมง 500 Level 2 A2 480 - 720 ชั่วโมง 1000
ระดับกลาง
(Band B)
Level 3 B1 720 - 960 ชั่วโมง 2500 Level 4 B2 960 - 1920 ชั่วโมง 5000
ระดับสูง
(Band C)
Level 5 C1 1920 - 3840 ชั่วโมง 8000 Level 6 C2 มากกว่า 3840 ชั่วโมง 8000
อ่านต่อ:มารู้จัก “TOCFL” การสอบวัดระดับภาษาจีน เพื่อใช้ในการเรียนต่อไต้หวัน
แล้วเพิ่งเริ่มเรียนภาษาจีนจริงจังตอนเรียนเอกภาษาจีนที่มหาวิทยาลัย มีประสบการณ์สอบวัดระดับ HSK 2, 3, 4 แต่พอจะสมัครทุนนี้ ทำให้เราต้องเจอการสอบ TOCFL ครั้งแรกในชีวิต// จากที่เคยอ่านรีวิวคือยากมาก Band B อาจเทียบเท่ากับ HSK 6 ได้เลย
เราใช้ TOCFL Band B Level 3 ยื่น สมัครสอบไปตั้งแต่เดือนตุลาคม และต้องรอคะแนนจากไต้หวันอีก 1 เดือนกว่าจะถึงไทย แต่สถานการณ์โควิดทำให้ได้ล่าช้ากว่าเดิม สุดท้ายได้รับผลคะแนนช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ผ่านเฉียดฉิวเลยยย (ตอนนั้นกลัวสอบรอบนี้ไม่ผ่าน เลยสมัครเผื่ออีกรอบไปด้วยค่ะ 555)
รีวิวคร่าวๆ คือข้อสอบจะมี 2 ส่วน
(ต้องผ่านทั้งคู่ถึงจะถือว่าผ่านระดับนั้น)
- การฟังบทสนทนาจะยาวและเยอะกว่า HSK ที่เคยเจอเยอะมาก แล้วไม่ใช่ว่าจะฟังเสร็จรู้คำตอบเลย แต่ต้องประมวลต่ออีกชั้น
- การอ่านการอ่านมีให้เลือกคำมาเติมให้ประโยคสมบูรณ์ กับการอ่าน passage ที่ค่อนข้างยาวพอสมควร ต้องคิดวิเคราะห์ก่อนเลือกช้อยส์ตอบ และไม่มีข้อเขียน
เราสามารถเลือกสอบเป็นจีนตัวย่อได้นะคะ แต่บอกเลยว่าพาร์ตฟังแคทผ่านแบบคาบเส้น น่าจะเพราะไม่ชินสำเนียงไต้หวันด้วย แล้วก็พลาดที่ไม่ได้ใส่นาฬิกาไป ทำให้วางแผนเวลายาก (สอบห้องโถงใหญ่ ไม่มีนาฬิกา) จำได้ว่าช่วง 10 นาทีสุดท้ายก่อนหมดเวลาจะมีสั่นกระดิ่ง แคทต้องทิ้งดิ่งพาร์ตการอ่านไป 20 ข้อเลย
ตอนเตรียมตัวแคทก็นั่งฝึกทำข้อสอบ แต่ข้อสอบเป็นแบบจีนตัวเต็ม ทำให้ต้องนั่งเปิดพจนานุกรมเทียบ คิดว่าที่ช่วยให้เราผ่านได้เพราะเพิ่มคลังศัพท์ให้ตัวเองเยอะ และรู้จักไวยากรณ์บางอย่างเพิ่มเติม บวกกับสะสมมาจากการเรียนเอกภาษาจีนมา 4 ปีด้วยค่ะ
Recommendation Letters
ทั้งการสมัครทุนและมหาวิทยาลัย ต้องใช้ Study Plan กับ Recommendation Letter เหมือนกันเราติดต่อให้อาจารย์ 2 คน ช่วยเขียนคนละ 2 ฉบับสำหรับยื่นทุนและมหาวิทยาลัย ฉบับนึงจ่าหน้าซองถึงศูนย์ภาษา NCCU อีกฉบับถึงกรรมการพิจารณาทุน ส่วนเนื้อหาให้อาจารย์พิจารณาว่าจะปรับให้ต่างกันมั้ย
**แนะนำให้ติดต่อไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ นะคะเราอยากแชร์ประสบการณ์วุ่นๆ ของเราให้ฟัง 555 ตอนนั้นตั้งใจจะยื่นทุนตั้งแต่กุมภาพันธ์ ก็เลยรีบ walk-in เข้าไปติดต่ออาจารย์ที่ห้องทำงานตั้งแต่ธันวาคมเลยค่ะ แต่ปัญหาคือผ่านไปแค่ 2 สัปดาห์โควิดก็กลับมาระบาด มหาวิทยาลัยเลยปรับมาเป็นเรียนออนไลน์ และต้องมาส่งเอกสารทางไปรษณีย์แทน แถมยังมีเหตุให้ต้องติดต่ออาจารย์คนอื่นเขียนให้แทนด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นคือตอนสมัครทุน เราต้องใส่จดหมายแนะนำลงในซอง ปิดผนึก และให้อาจารย์เซ็นบนซองจดหมาย จากนั้นปั๊มตราสาขาที่เรียนทับตรงที่ปิดซองพอดีตอนนั้นอาจารย์ 2 คนอยู่คนละจังหวัด และตราประทับอยู่กับอาจารย์หนึ่งในนั้น ก็เลยต้องรบกวนให้อาจารย์ส่งไปมาหลายรอบ ยุ่งยากพอสมควรเลยค่ะ แต่สุดท้ายก็ผ่านไปด้วยดี TT (ปีที่เราสมัครยังไม่มีให้เซ็นออนไลน์ เลยต้องใช้วิธีเซ็นสดอยู่ค่ะ)
Study Plan
ใน Study Plan เราต้องเขียนเล่าเขียนเหตุผลว่าทำไมถึงสนใจอยากเรียนภาษาจีนที่ไต้หวันอย่างเราเองก็เป็นเด็กสายวิทย์-คณิตที่มีแพสชันกับภาษาจีน เลยตัดสินใจเลือกเรียนเอกภาษาจีนของมหาวิทยาลัย และแม้ว่าจะชินกับจีนตัวย่อมาตลอด แต่เรามองว่าจีนตัวเต็มทั้งยากและน่าสนใจ เลยตั้งเป้าหมายท้าทายตัวเองว่าต้องเรียนได้เหมือนกัน
ตอนนั้นแคทเลือกเขียนภาษาจีน และเป็นตัวย่อ (ถามทาง NCCU เค้าบอกว่าเขียนตัวย่อได้) แต่แนะนำว่าสามารถเขียนเป็นตัวย่อแล้วเข้า Google Translate เป็นตัวเต็มได้นะคะ
Interview
หลังจากสมัครทุนแล้วเขาจะไม่ได้ประกาศผู้เข้ารอบผ่านหน้าเว็บ แต่จะอีเมลมาบอกว่าเรามีสิทธิ์สัมภาษณ์มั้ยเราได้สัมภาษณ์ออนไลน์กับเจ้าหน้าที่ 1 คนค่ะ (แต่ไม่ได้สัมภาษณ์กับ NCCU) บรรยากาศคือไม่กดดันเลยยย เค้าใจดี เหมือนชวนคุยมากกว่า
หลังจากเราได้ทุนแล้ว เขาจะส่งหลักฐานเป็นใบรับรองมาให้ทางอีเมล เราก็นำไปส่งให้มหาวิทยาลัยเพื่อยืนยันอีกครั้งว่าเราได้ทุน และจะเรียนกับเขา (ถ้าใครไม่ได้ทุน จริงๆ ก็ควรจะอีเมลไปแจ้งว่าไม่ได้ทุน และตัดสินใจว่าจะไม่เรียน)
. . . . . . .
เริ่มชีวิตที่ไต้หวัน
ด้วยการกักตัว 21 วัน!
ปกติจะรัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายช่วงกักตัวค่ะ แต่กรณีมาเรียนภาษาระยะสั้นจะยังขอบัตร ARC (Alien Resident Certificate, 居留證) ไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถขอเงินช่วยเหลือส่วนนี้ ตอนนั้นแคทจ่ายไปประมาณ 33,000 TWD กักตัวทั้งหมด 21 วันโชคดีที่มหาวิทยาลัยช่วยทำเรื่องให้เรากักตัวกับรัฐบาลได้ 14 วัน ส่วนอีก 7 วันที่ต้องกักโรงแรมข้างนอก กรณีหลังค่าใช้จ่ายจะสูงกว่า ถ้าเกิดใครต้องกักตัวกับโรงแรมข้างนอกเต็มๆ ก็อาจเจอรวมๆ 40,000-50,000 TWD เลยค่ะ
Note:สำหรับทุน HES อาจจะต้องรอเงินเข้าหน่อย อย่างแคทมาถึงต้องกักตัว 21 วัน เริ่มเรียน 4 ธันวาคม แต่เงินเข้าปลายเดือนธันวาคมเลย ระหว่างนั้นต้องสำรองจ่ายสำหรับใช้ซื้ออาหารและของใช้ (ออกทุกสิ้นเดือน ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัย)
. . . . . . .
เริ่มเรียนภาษาจีนที่ NCCU
รีวิวให้ฟังแบบจัดเต็ม
รูปแบบการเรียน & การสอบวัดระดับ
เราได้อยู่หอในที่ใกล้ศูนย์ภาษามากกก เดิน 5 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ และด้วยสถานการณ์โควิดก็เลยทำให้ยังไม่กล้าออกไปไหน แต่ก็ยังไม่เจอการเรียนออนไลน์เลยเพราะมาตรการที่ไต้หวันเข้มงวดมาก และเราอยู่ห่างไกลจากจุดที่ระบาดหนัก เพียงแค่ไปถึงแล้วยังต้องกักตัวและได้สอบวัดระดับทางออนไลน์
ข้อสอบวัดระดับจะเป็นแกรมมาร์ง่ายๆ มีหลายรูปแบบผสมกัน ทั้งแต่งประโยค, เลือกคำไปเติมในช่องว่างเพื่อให้ประโยคสมบูรณ์, เขียนจดหมายตามจำนวนตัวอักษรที่กำหนด และจะมีอาจารย์มาคุยกับเราผ่าน Zoom เป็นคำถามทั่วไป เขาแค่ต้องการชวนคุยดูเพื่อประเมินระดับภาษาของเรา
NCCU จะมีแบ่งออกเป็น 12 ระดับ
- Basic (1-3)
- Intermediate (1-3) *เราได้มาเริ่มที่ Intermediate 2 ค่ะ
- High Intermediate (1-3)
- Advance (1-3)
ระยะเวลาเรียนคือ 1 ระดับ = 1 เทอม = 3 เดือน แปลว่าที่เราได้ทุนเรียนภาษา 6 เดือน ก็จะเรียนได้มากที่สุดถึง 2 ระดับ ซึ่งการจะ pass ชั้นได้ต้องทำคะแนนรวมได้ 70+ แต่ทุน HES จะกำหนด 80+ ไม่งั้นจะโดนตัดทุน 1 เดือน
บรรยากาศในคลาส
(เพื่อน, อาจารย์, วิธีสอน)
ตอนนี้เรากำลังเรียน Intermediate 2 ยังไม่จบเทอมแรก เราจะได้เรียนวันจันทร์-ศุกร์ วันละ 3 ชั่วโมง อิงเนื้อหาในหนังสือเป็นหลัก เริ่มจากคำศัพท์ > บทความ > แกรมมาร์(ต่างจากที่เคยเจอในมหาวิทยาลัย ตอนนั้นคือถ้าเป็นคาบแกรมมาร์ ก็จะได้เรียนแกรมมาร์ทั้งเล่มเลยค่ะ)
ถ้าเป็นที่ NCCU เขาจะให้โอกาสเราลองเรียนแล้วขอเปลี่ยนคลาสได้ภายในสัปดาห์แรก ตอนแรกเราเปิดหนังสือมาเจอบทการเมืองพอดี กลัวยากแล้วเรียนไม่ไหว เกือบขอเปลี่ยนไป Intermediate 1 แต่พอมาเจอบรรยากาศของคลาสนี้แล้วเปลี่ยนใจเลยค่ะ อาจารย์สอนดีมากก เพื่อนที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ชั้นก่อนก็ไม่ได้จับกลุ่มกันเองด้วย // พอเรียนเรื่อยๆ ก็รู้ว่าเนื้อหาบทต่อไปไม่ยากขนาดนั้น แต่จะเป็นเรื่องใกล้ตัวขึ้น พวกเทศกาลกับกิจกรรมยามว่างต่างๆ
ในคลาสมีนักเรียน 8 คน เราเป็นคนไทยหนึ่งเดียว มีทั้งเพื่อนญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ โปแลนด์ ฮังการี ไอร์แลนด์ อังกฤษ ฯลฯ หลากหลายมากกก เราไม่เคยเรียนกับเพื่อนต่างชาติมาก่อน พอได้มาฟังหลายสำเนียงเลยรู้สึกยากและไม่ชินเท่าไหร่แต่ถ้าเรื่องการออกเสียงภาษาจีนเราว่าไม่ค่อยยาก เพราะภาษาไทยก็มีวรรณยุกต์ ในขณะที่เพื่อนบางชาติจะต้องปรับตัวเยอะเพราะภาษาที่เขาใช้ปกติไม่ได้มีวรรณยุกต์ค่ะ
แล้วที่น่าสนใจคือวิธีสอนของอาจารย์ เขาจะชอบคิดกิจกรรมมาให้เล่นในคาบ เช่น แบ่งนักเรียนเป็น 2 กลุ่ม อาจารย์จะพูดขึ้นมาประโยคนึง ให้เราทายว่าเป็นศัพท์คำไหน แล้วแข่งกันชิงหยิบการ์ดศัพท์ขึ้นมา แล้วพูดคำศัพท์นั้น หรือตอนเรียนหัวข้องานอดิเรก เขาให้อ่านคำถามในบทแล้วคิดคำตอบไว้ ให้เราจับคู่มาถามตอบกัน แล้วสลับคู่สนทนาเวียนกันไปเรื่อยๆ ช่วยให้สนิทกับเพื่อนมากขึ้น
นอกจากนี้ที่ NCCU แต่ละเทอมจะมีคลาสวัฒนธรรมให้ลงเรียนด้วยนะคะ อย่างเช่น เทอมนี้มีให้เลือก 7 คลาส หนึ่งคนลงได้ไม่เกิน 2 คลาส เราเลยลงเรียนคลาสพู่กันจีนไป อันนี้ฟรี แต่อีกคลาสคือวัฒนธรรมการแต่งงาน เสียเงินค่าเอกสารแค่ 10 หยวน คือดีและคุ้มมากกก
รีวิวสอบกลางภาค
ปกติจะมีการสอบกลางภาคและปลายภาคค่ะ รีวิวกลางภาคที่เจอ เป็นโจทย์ที่อาจารย์กำหนดมาให้ 8 แกรมมาร์ ให้เราเขียนจดหมายถึงใครก็ได้ โดยเนื้อความในจดหมายต้องมีแกรมมาร์ที่กำหนดให้ครบ ถึงเราจะรู้ว่าใช้ยังไง แต่ยากตรงที่ต้องดูว่าจะจับแกรมมาร์มาใส่ตรงไหนดี สุดท้ายก็เป็นจดหมายที่อ่านแล้วดูมีหลักการสุดๆ เลยค่ะ~
การปรับตัวเรื่องภาษาจีนตัวเต็ม
และการอ่านออกเสียงบางคำที่ต่างกัน
บางครั้งเวลาเขียนการบ้าน เราจะชินกับตัวย่อจนไม่ทันสังเกตว่าเผลอเขียนผิดไปตอนไหน แล้วส่งการบ้านไปแบบนั้น อาจารย์เลยช่วยแก้กลับมาให้ค่ะ 555จริงๆ แล้วเราว่าจีนตัวเต็มยากพอสมควร แต่ในบทเรียนก็จะมีบางคำที่เขียนเหมือนกันทั้ง 2 เวอร์ชัน แล้วอาจารย์ก็จะให้เราเขียนตามคำบอกทุกครั้งที่ขึ้นบทใหม่ ทำให้ได้คัดได้จำตลอด // สู้ๆ ไม่มีวิธีไหนช่วยได้นอกจากการท่องจำแล้ว~
นอกจากนี้ยังมีบางคำที่ออกเสียงแบบจีนกับไต้หวันต่างกันด้วย เช่น คำว่า 和 ที่แปลว่า “และ” เขียนเหมือนกันทั้งตัวเต็มและตัวย่อเลยค่ะ แต่จีนจะออกเสียง “เหอ” ส่วนไต้หวันจะออกเสียง “ฮั่น” ซึ่งแคทชินกับเหอมานานมาก ช่วงแรกเลยต้องตั้งสติดีๆ เลยค่ะ
Before & After
หลังจากเรียนมาได้เกือบเทอมนึงแล้วค่ะ ความแตกต่างที่รู้สึกได้คือ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาจะพูดภาษาจีน เราต้องคิดภาษาไทยในหัวก่อนแล้วค่อยแปลเป็นจีน แต่พอมาเรียน อาจารย์พยายามให้พูดเยอะ พอได้ใช้บ่อยก็เริ่มคิดเป็นภาษาจีนแล้วพูดออกมาได้ทันที
ที่ผ่านมาเราเริ่มไปสั่งข้าวข้างนอก คุยกับป้าร้านข้าว สั่งข้าวเป็นภาษาจีน แต่ยังหาเพื่อนไต้หวันไม่ค่อยได้ เพราะคนที่มาเรียนภาษาก็เป็นต่างชาติ แต่เราสามารถไปเข้าชมรมได้ค่ะ
. . . . . . .
สรุปชีวิตที่ไต้หวันใน 3 ข้อ
1. สวนสาธารณะของไต้หวันคือดีมาก!หลังมหาวิทยาลัยจะมีอยู่ที่นึงให้ไปนั่งเล่นตอนว่างๆ ดูคนไต้หวันพาลูก พาสุนัขมาเดินเล่น บางทีคนสูงอายุก็มาจับกลุ่มคุยกัน เป็นบรรยากาศที่เห็นแล้วผ่อนคลายสุดๆ
2. ประทับใจสุดคือการเดินทางสะดวกมากในเมืองมีรถบัส และยังอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟใต้ดินด้วย (จากมหาวิทยาลัยไป Taipei 101 นั่งรถเมล์ 15-20 นาทีต่อเดียวถึง) แถมค่าเดินทางยังถูกและรถมาตรงเวลา เขาจะมีแอปให้เช็กได้ว่าตอนนี้รถบัสหมายเลขนี้อยู่สถานีไหน และเช็กได้ว่าอีกกี่สถานีเราจะต้องลง หรือถ้าเราพลาดคันนี้ คันต่อไปจะมาถึงในอีกกี่นาทีข้างหน้า
หรือถ้าวันไหนอยากเดินก็สะดวกอีกเหมือนกัน เพราะเขามีสัญญาณไฟสำหรับคนที่จะข้ามถนน ซึ่งรถก็จะหยุดให้นะคะ
3. ประกันมหาวิทยาลัยจะบังคับให้ทำ Student Group Accident Insurance ราคา 325 TWD/เทอม ส่วน Medical Insurance ถ้าใครมี Overseas Medical Insurance ก็ใช้อันนั้นได้ ไม่จำเป็นต้องทำเพิ่ม แต่เราไม่มีก็เลยทำกับมหาวิทยาลัย ราคาตก 1,500-1,800 TWD/เทอม
แชร์ประสบการณ์เบิกเงินประกัน
อยู่วันนึงเราก็ไมเกรนขึ้นแบบหนักมากจนต้องไปหาหมอ ตอนนั้นเรียนภาษาจนพอคุยได้แล้วค่ะ เขาก็จัดยามาให้ เสียค่ายาทั้งหมด 815 TWD ซึ่งประกันเคลมเร็วมากค่ะ
- เราต้องสำรองจ่ายก่อน
- ขอใบวินิจฉัย+ใบเสร็จ
- นำไปเป็นหลักฐานยื่นให้ศูนย์ภาษา พร้อมกับให้เลขบัญชีไต้หวัน
- เจ้าหน้าที่จะกรอกข้อมูลเข้าระบบ เอาเอกสารเคลมประกันใส่ในซองจดหมาย จ่าหน้าซองให้พร้อม
- เรานำเอกสารไปส่งไปรษณีย์
- รอ 4-5 วันก็ได้เงินคืนเข้าบัญชีแล้วค่ะ
ทิ้งท้ายถึงรุ่นน้อง
รีวิวเอกภาษาจีน ม.ศิลปากร
อาจารย์คอยช่วยเหลือและให้คำแนะนำเราตลอดเลย อย่างตอนสมัครทุน HES ก็ไปขอคำปรึกษาและให้ช่วยตรวจสอบไวยากรณ์ การใช้คำ ระดับภาษา ฯลฯ เพื่อให้ Study Plan ของเราน่าอ่านขึ้น แล้วเรายังเคยเรียนวิชาการเขียน ซึ่งเขามีพูดถึงเรื่อง Study Plan ด้วยค่ะ เราเลยได้รู้จักคร่าวๆ แล้วมาปรับใช้กับการขอทุนครั้งนี้
เราคิดว่าถึงใครจะมาเริ่มนับหนึ่งภาษาจีนก็เรียนไหวอาจารย์จะเริ่มสอนตั้งแต่ pinyin คอยเช็กตลอด ค่อยๆ ไปพร้อมกัน ส่วนใหญ่จะเน้นวัฒนธรรมและวรรณกรรม โดยจะได้เรียนการฟังกับการพูดเทอมละ 1 รายวิชา และได้เรียนกับอาจารย์ชาวจีนด้วย // แรกๆ เราฟังไม่ออกเลย แต่ได้ความช่วยเหลือเพื่อน แล้วสภาพแวดล้อมก็ค่อยๆ ซึมซับจนเริ่มฟังออกและสื่อสารได้ เป็นหลักสูตรที่เรียนแล้วชอบค่ะ ^^
. . . . . .
สำหรับใครที่มองหาโอกาสโกอินเตอร์ ตอนนี้มีหลายทุนกำลังเปิดรับสมัคร
ตามไปเช็กกันต่อได้เลยที่ "โปรแกรมค้นหาทุนเรียนต่อนอก by Dek-D"