“ไชน่า เรลเวย์ กรุ๊ป” และบริษัทลูก 730 แห่ง เคยถูก World Bank ขึ้น “บัญชีดำ”
SUMMARY : ปี 2019 “ไชน่า เรลเวย์ กรุ๊ป” และบริษัทลูก 730 แห่ง เคยถูก World Bank ขึ้น “บัญชีดำ” ห้ามประมูลโครงการที่ได้เงินจากธนาคาร เพราะพบแจ้งข้อมูลบุคลากร เครื่องมือ เอกสารประมูลงานเป็นเท็จ แอบอ้างผลงานบริษัทอื่นมาเป็นของตน ติดสินบนคนของรัฐ ก่อสร้างพังถล่มในหลายประเทศ
ยิ่งขุดลึกลงไปมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งพบ “วีรกรรม” ของกลุ่มบริษัท ไชน่า เรลเวย์ (CREC) รัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่ของจีนเพิ่มมากขึ้น ยิ่งผลงานที่เคยทำไว้ในต่างประเทศหลายโครงการล้วนมีปัญหาในหลายๆ มิติ ทั้งคุณภาพบุคลากร เครื่องมือการก่อสร้าง การดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมทั้งการลดสเปกของวัสดุก่อสร้างที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมมาแล้วหลายครั้ง
ผลของการดำเนินธุรกิจอย่างไม่ตรงไปตรงมาจนเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงทำให้ธนาคารโลก (World Bank) ประกาศขึ้น “บัญชีดำ” “China Railway Group” (CREC) และบริษัทลูก 730 แห่ง รวมทั้ง China Railway Construction Corporation, China Railway 23rd Bureau Group (CR23) และ China Railway Construction Corporation (International) หรือ (CRCC International) เป็นเวลา 9 เดือน จากกรณีการกระทําผิดภายใต้โครงการปรับปรุงทางเดินทางหลวงตะวันออก-ตะวันตกในจอร์เจีย
โดยเกี่ยวข้องกับการกระทําผิดในระหว่างกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างสําหรับสัญญาก่อสร้างทางหลวง โดยตรวจสอบพบว่า ในระหว่างกระบวนการคัดเลือกผู้รับเหมาเบื้องต้น บริษัทในเครือของ CRCC ได้ส่งข้อมูลอันเป็นเท็จเกี่ยวกับบุคลากรและเครื่องมือการก่อสร้างของ CR23 และการแจ้งรายงานประสบการณ์การทำงานของหน่วยงานอื่น ๆ ในกลุ่มธุรกิจของ CRCC ว่าเป็นผลงานของบริษัทที่จะเข้าร่วมประมูล ซึ่งนับว่าเป้นการแจ้งข้อมูลผลงานอันเป็นเท็จ การกระทําเหล่านี้ถือเป็นการปฏิบัติที่ฉ้อโกงตามที่กําหนดโดยแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างของธนาคารโลก
หลังจากการถูกแบน 9 เดือน CRCC, CR23, CRCC International และบริษัทในเครือที่ควบคุม 730 แห่งจะไม่ถูกปลดการแบนต่อตามเงื่อนไขเป็นเวลาอีก 24 เดือน
โครงการหลายประเทศมีปัญหาพังถล่ม
ไม่เพียงจากเท่านั้น จากการสืบค้นข้อมูลต่อยังพบว่า China Railway No.10 Engineering Group ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ CRCC ที่มีการจับร่วมลงทุนในกิจการร่วมค้ากับบริษัทก่อสร้างในไทยและเป็นผู้ก่อสร้างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่พังถล่มลงมา เคยรับงานก่อสร้างสะพาน Sigiri หรือเรียกอีกชื่อคือสะพานมิตรภาพ จีน - เคนย่า ความยาว 25 เมตร มูลค่า 1,200 ล้านชิลลิงเคนยา (ราว 11.6 ล้านดอลลาร์) ข้ามแม่น้ำ Nzioa ทางตะวันตกของประเทศเคนยา ซึ่งผลปรากฎว่าสะพานดังกล่าวได้พังถล่มลงมาระหว่างการก่อสร้างเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2017 เพียง 1 เดือนก่อนหน้าสะพานจะแล้วเสร็จ และเป็นเวลาคล้อยหลังจากที่ประธานาธิบดี Uhuru Kenyatta แห่งเคนยาตรวจสอบโครงการเพียง 12 วัน
มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการสะพานพังถล่ม 9 ราย และบาดเจ็บอีก 24 ราย โดยทางด้าน Jerome Azhuha ผู้จัดการโครงการ China Railway No.10 Engineering Group ก็ยังคงอ้างว่าการดำเนินการเป็นไปตามมาตรฐานและข้อกําหนดทั้งหมด เฉกเช่นกับที่มีการอ้างในทุกๆ โครงการที่พังถล่มลงมา
แต่จากการสืบสวนจนได้ข้อสรุปในภายหลังพบว่า เกิดจากการก่อสร้างไม่สมดุลของโหลดบนสะพาน การเทคอนกรีตที่ไม่ถูกต้อง และไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดการออกแบบ นอกจากนี้ยังมีข้อกล่าวหาเรื่องการใช้งบประมาณที่สูงเกินจริงและใช้วัสดุต่ำกว่ามาตรฐานอีกด้วย
อีกเหตุการณ์ที่นับว่าเป็นอุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่นำไปสู่การยกระดับทางสังคมจนกดดันให้รัฐบาลต้องลาออกคือ การพังถล่มของโครงสร้างหลังคาบริเวณทางเข้าสถานีรถไฟในเมืองโนวิซาด ประเทศเซอร์เบีย ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดใช้งานแล้ว ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 16 คนโดยทั้งหมดเป็นผู้โดยสาร ผู้ที่สัญจรไปมาและนั่งพักที่ม้านั่งหน้าสถานี เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2024 โดยการปรับปรุงสถานีรถไฟแห่งนี้ดำเนินการโดย China Railway International Co.(CRIC) และ China Communications Construction Co. (CCCC) ซึ่ง CRIC ก็เป็นหนึ่งในบริษัทลูกของ China Railway Group เช่นกัน
หลังเกิดเหตุสลดบริษัทก่อสร้างของจีนก็ยังคงอ้างเช่นเดิมว่าดำเนินการเป็นไปตามมารตฐาน และโยนความผิดพลาดไปที่โครงสร้างของอาคารสถานีดั้งเดิมไม่แข็งแรงอยู่ก่อนหน้าแล้ว
อย่างไรก็ตามผลจากโศกนาฏกรรมในครั้งนั้นทำให้ประชาชนกว่า 3 แสนคน รวมตัวกันที่เมืองหลวงของเซอร์เบีย เพื่อประท้วงกรณีสถานีรถไฟถล่ม ความโกรธแค้นของประชาชนต่อรัฐบาลและประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ วูซิช ผู้ประท้วงกล่าวโทษว่าการทุจริตและการทำงานแบบมักง่ายเพื่อประหยัดงบประมาณ เป็นสาเหตุของการสูญเสียชีวิต จนกระทั้งนำไปสู่เหตุรุนแรงต่อผู้ชุมนุม แต่สุดท้ายประธานาธิบดีแห่งเซอร์เบียและนายกเทศมนตรีเมืองโนวิซาดต้องลาออกในที่สุด
ไม่เพียงแค่ 2 เหตุการณ์นี้เท่านั้น ยังมีเหตุการที่บริษัทในเครือ China Railway Group ได้ไปดำเนินการก่อสร้างโครงการในประเทศต่างๆ แล้วเกิดปัญหาตามมา รวมทั้งยังมีการฮั้วประมูลในประเทศเปรู ประวัติจ่ายสินบนให้เจ้าหน้าที่เพื่อคว้าสัญญางานของรัฐ จนทำให้ถูกกองทุนน้ำมันของนอร์เวย์ขึ้นบัญชีดำไปก่อนหน้านี้ และอีกมากมายที่โลกกำลังขุดขุ้ยวีรกรรมของรัฐวิสาหกิจจีนแห่งนี้ออกมาให้สาธารณะได้เห