โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

รถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี คืบเกือบ 100% เตรียมเปิดใช้ในปี 2566

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 23 ม.ค. 2566 เวลา 10.14 น. • เผยแพร่ 23 ม.ค. 2566 เวลา 07.17 น.
ภาพจาก Facebook โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี

รองโฆษกรัฐบาลเผย โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี คืบหน้าเกือบ 100% แล้ว เตรียมใช้งานปีนี้ สถานีส่วนต่อขยาย ศรีรัช-เมืองทองธานี คืบหน้ารวมกว่า 10% คาดเปิดใช้งานปี 2568

วันที่ 23 มกราคม 2566 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงของการบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานสร้างเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนและพัฒนาเศรษฐกิจ

โดยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 เห็นชอบให้ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินงานรถไฟฟ้าสายสีชมพูในรูปแบบ PPP Net Cost โดยภาครัฐจะเป็นผู้ลงทุนค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและภาคเอกชนลงทุนค่างานโยธา ค่างานระบบรถไฟฟ้า ขบวนรถไฟฟ้า และค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการ รวมทั้งบริหารเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการ วงเงินลงทุน 53,490.00 ล้านบาท

น.ส.ทิพานันกล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ถือเป็นรถไฟฟ้าสายสำคัญ โดยเป็นโครงการหนึ่งในแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (Mass Rapid Transit Master Plan in Bangkok Metropolitan Region : M-MAP)

เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในพื้นที่ด้านเหนือของกรุงเทพมหานคร ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร เป็นระบบขนส่งมวลชนสายรองประเภทรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Straddle Monorail) มีลักษณะเป็นโครงสร้างยกระดับตลอดแนวเส้นทาง มีจุดประสงค์เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างเขตมีนบุรีและจังหวัดนนทบุรี มีทั้งหมด 30 สถานี ประกอบด้วย

  • สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี
  • สถานีแคราย
  • สถานีสนามบินน้ำ
  • สถานีสามัคคี
  • สถานีกรมชลประทาน
  • สถานีแยกปากเกร็ด
  • สถานีเลี่ยงเมืองปากเกร็ด
  • สถานีแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 28
  • สถานีเมืองทองธานี
  • สถานีศรีรัช
  • สถานีแจ้งวัฒนะ 14
  • สถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ
  • สถานีทีโอที
  • สถานีหลักสี่
  • สถานีราชภัฏพระนคร
  • สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ
  • สถานีรามอินทรา 3
  • สถานีลาดปลาเค้า
  • สถานีรามอินทรา กม.4
  • สถานีมัยลาภ
  • สถานีวัชรพล
  • สถานีรามอินทรา กม.6
  • สถานีคู้บอน
  • สถานีรามอินทรา 83
  • สถานีปัญญาอินทรา
  • สถานีนพรัตน์
  • สถานีบางชัน
  • สถานีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ
  • สถานีตลาดมีนบุรี
  • สถานีมีนบุรี

ทั้งนี้ รถไฟฟ้าสายสีชมพูยังมีจุดเชื่อมต่อกับโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีอื่น ๆ ถึง 6 สาย ไม่ว่าจะเป็น

  • รถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม หรือรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ ที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี
  • รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี
  • รถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ที่สถานีหลักสี่
  • รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่สถานวัดพระศรีมหาธาตุ
  • รถไฟฟ้าสายสีเทา ที่สถานีวัชรพล
  • รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่สถานีปลายทาง (สถานีมีนบุรี)

นอกจากนี้ มีการเชื่อมต่อเส้นทางสายแยก (อิมแพ็คลิงก์) ที่มีจุดบริการอีก 3 สถานี ดังนี้

  • สถานีศรีรัช
  • สถานีอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์
  • สถานีทะเลสาบ เมืองทองธานี

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการหลักคือ รถไฟฟ้า สายสีชมพู มีนบุรี – แคราย ในเดือนธันวาคม 2565 งานโยธา อยู่ที่ 94.43% งานระบบรถไฟฟ้า อยู่ที่ 94.49% ความก้าวหน้ารวมอยู่ที่ 94.48% โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566

สำหรับส่วนต่อขยายช่วงสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี ปัจจุบันความคืบหน้าของงานโยธา อยู่ที่ 13.45% งานระบบรถไฟฟ้า อยู่ที่ 4.59% ความก้าวหน้ารวม อยู่ที่ 10.48% โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2568

“การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานนับเป็นผลงานที่โดดเด่นของ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งนี้ต้องใช้ระยะเวลาจึงจะเห็นผล ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้เร่งรัดและติดตามความก้าวหน้าของโครงการอย่างต่อเนื่อง และต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมมือกันผลักดันและที่สำคัญคือความร่วมมือและเข้าใจของพี่น้องประชาชน

เมื่อโครงการนี้แล้วเสร็จ จะเป็นทางเลือกให้กับประชาชน แบ่งเบาภาระในการเดินทาง ประหยัดเวลา แก้ไขปัญหาการจราจรหนาแน่น และกระจายความเจริญไปในพื้นที่ตลอดแนวเส้นทางของรถไฟฟ้า ลดมลพิษเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

และนอกจากจะเร่งโครงการรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯและปริมณฑลแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ยังเดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พัฒนาประเทศให้เติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างยั่งยืน” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...