โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

คลิกที่นี่ ท้องเสียแบบไหนควรทานยาฆ่าเชื้อ

อาวุโส โซไซตี้

อัพเดต 29 ส.ค. 2564 เวลา 03.01 น. • เผยแพร่ 29 ส.ค. 2564 เวลา 01.00 น. • อาวุโสโซไซตี้
คลิกที่นี่ ท้องเสียแบบไหนควรทานยาฆ่าเชื้อ

อากาศที่ร้อนขึ้นทุกวัน อาการท้องเสียก็เกิดขึ้นได้ง่าย โดยเฉพาะในวัยรุ่น(ใหญ่) อย่างเรา สาเหตุมักเกิดจากอาหารที่ไม่สะอาด มีรสจัดและปรุงไม่สุก จึงส่งผลให้เกิดโรคนี้ได้ง่าย โดยในวัยอย่างเราเมื่อเป็นแล้วต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะมีความเสี่ยงสูงกว่าวัยอื่นๆ

เพราะฉะนั้น วันนี้เรามารู้จักโรคท้องเสียเพื่อเตรียมรับมือและป้องกัน กันดีกว่าค่ะ

คนส่วนใหญ่ที่มีอาการท้องเสียหรือรู้สึกว่า นี่แหละคืออาการท้องเสียก็มักจะเลือกทานยาฆ่าเชื้อ เพื่อช่วยลดอาการถ่ายหนัก แต่วิธีนี้ก็ไม่ใช่ทางออกแรกเสมอไป เพราะอาการท้องเสียไม่จำเป็นต้องทานยาฆ่าเชื้อทุกครั้ง

อาการท้องเสียสามารถหายเองได้ เพียงดื่มน้ำเกลือแร่ (ORS) เพื่อทดแทนน้ำและเกลือแร่ที่สูญเสียไป

อาการท้องเสียเป็นอย่างไร

ถ่ายเหลว

ปวดเกร็งบริเวณท้อง

ต้องการถ่ายอย่างเร็วด่วน

คลื่นไส้อาเจียน

มีไข้

ไม่อยากอาหาร

ขาดน้ำ

โดยคุณอาจจะมีอาการเพียงอย่างเดียวหรือเป็นมากกว่า 1 อาการ โดยอาการสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด
1.อาการท้องเสีย ชนิดเฉียบ

อาการมักเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันและสามารถหายได้ไหน 3 สัปดาห์ เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อ อาหารเป็นพิษ ทานอาหารที่มีไขมันสูง มีรสจัด อาหารที่มีกากหรือเมล็ดมากๆ และเป็นผลข้างเคียงมาจากการทานยาบางชนิด ซึ่งในผู้ใหญ่มักมีสาเหตุมาจากแบคทีเรีย ส่วนในเด็กมักเกิดจากเชื้อไวรัส

2.อาการท้องเสีย ชนิดเรื้อรัง

มักมีอาการมากกว่า 3 สัปดาห์ เกิดได้จากหลายสาเหตุและยากต่อการวินิจฉัย หากพบว่าเป็นบ่อยติดต่อกันเป็นเวลานานควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับการรักษา

ท้องเสียแบบไหน ควรทานยาฆ่าเชื้อ

ถ่ายเหลวผิดปกติมากกว่า 3 ครั้ง ใน 24 ชั่วโมง

พบว่าถ่ายเป็นเลือด มูกเลือด หรือน้ำซาวข้าว

ถ่ายเหลวและมีไข้สูง

เมื่อมีอาการดังกล่าวควรทานยาฆ่าเชื้อเพื่อบรรเทาอาการและดื่มน้ำเกลือแร่ทดแทนน้ำในร่างกาย

สำหรับกรณีที่มีอาการท้องเสียแบบรุนแรง เช่น อุจจาระมีมูกปน มีกลิ่นเหม็นคล้ายหัวกุ้งเน่า คลื่นไส้อาเจียนรุนแรง มีไข้สูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียส มีโรคประจำตัว มีอาการท้องเสียนานกว่า 48 ชั่วโมง ผู้ป่วยเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปีหรือผู้สูงวัย ควรรีบพบแพทย์ทันที

วิธีการป้องกันมี 3 ส่วน

1.ป้องกันอาการท้องเสียด้วยการรักษาสุขอนามัย

  • ล้างมือให้สะอาดเสมอ

ควรล้างให้สะอาดทุกครั้งก่อนการหยิบจับอาหาร เพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรีย

  • ล้างผักและผลไม้ก่อนรับประทาน

ในผักและผลไม้อาจจะมีเชื้อแบคทีเรียติดมาด้วย เพราะฉะนั้นการล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานจึงเป็นสิ่งที่สามารถช่วยป้องกันได้

  • ดื่มน้ำสะอาด

ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำก๊อกหรือน้ำที่ไม่มีคุณภาพ เพื่อป้องกันสารปนเปื้อนที่มากับน้ำดื่ม

2.ป้องกันการท้องเสียด้วยการเปลี่ยนการทานอาหาร

  • อาหารที่เน่าเสียได้ง่าย เมื่อนำมาปรุงควรทำให้สุก​

การปรุงอาหารให้สุกช่วยลดการเน่าเสียของอาหารได้

  • หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นให้ท้องเสีย

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงคือ อาหารทอดน้ำมันเยิ้ม ซอลเผ็ดที่มีพริกคาเยนและขนมหวาน

3.ป้องกันท้องเสียด้วยการใช้ยา

  • พบแพทย์เมื่อมีอาการท้องเสียบ่อยๆ​

ถ้าพบอาการท้องเสียเป็นประจำควรปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง

  • สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับยาฆ่าเชื้อตัวที่รับประทาน

ยาฆ่าเชื้อบางชนิดหากทานในปริมาณที่มากเกินไปอาจจะไปฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ใหญ่และส่งผลให้เกิดท้องเสียขึ้นได้

  • เลือกใช้สมุนไพรในการรักษา

ยาจากพืชตามธรรมชาติเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีในการป้องกันและบรรเทาอาการท้องเสีย

ไม่ควรซื้อยาหยุดถ่ายทานเอง

อาการท้องเสียเป็นการติดเชื้อและอาจมีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ร่วมด้วย จึงไม่ควรทานยาหยุดถ่ายเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์

เมื่อรู้ข้อมูลการเกิดโรคนี้แล้ว วัยรุ่น(ใหญ่) อย่างเรา ควรเลือกทานอาหารปรุงสุก งดรสจัด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคท้องเสีย ที่อาจจะมีโรคอื่นๆ ตามมาในภายภาคหน้านะคะ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...