โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ไอบ่อย ไอเรื้อรัง เสี่ยงหลายโรค

LINE TODAY

เผยแพร่ 18 ก.ย 2562 เวลา 07.09 น.

เคยคันคอ ไอค่อก ๆ แค่ก ๆ กันใช่ไหม

จริง ๆ แล้วคนเราไอเพื่อทำให้ลำคอและทางเดินหายใจโล่งขึ้น หรือบางทีก็กระแอมเพื่อเคลียร์สิ่งแปลกปลอมบางอย่างที่ติดอยู่ในลำคอ หรืออาจเกิดจากการไอชั่วคราวที่มีที่มาจากการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจส่วนบน เช่น หวัด หรือส่วนล่าง เช่น ปอดอักเสบ การเกิดภูมิแพ้ และโรคทางเดินหายใจบางชนิด เช่น หอบหืด

สำหรับวิธีแก้ไอชั่วคราว บางกรณีไม่มีความจำเป็นต้องรักษาอาการไอที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว เนื่องจากการไอเหล่านี้มักจะหายได้เองภายใน 3 สัปดาห์ แต่ควรสังเกตตัวเองว่าเมื่อไอแล้ว กินระยะเวลานานแค่ไหน เพราะส่วนใหญ่ไม่ค่อยมั่นใจว่าเกิน 3 สัปดาห์ไปแล้วหรือไม่ ซึ่งหากไอเป็นระยะเวลานานกว่านั้นก็ควรรีบพบแพทย์ทันที

นอกจากการไอชั่วคราวแล้ว ยังมีการไอที่ผิดปกติอีกหลายรูปแบบ เช่น ไอแห้งบ่อย ๆ ไอแบบมีเสมะ ไอหนัก ๆ ซึ่งเป็นการไอแบบเรื้อรังและเป็นสัญญาณบอกโรคหรือภาวะรุนแรงของโรคอันตรายต่าง ๆ ด้วย

ไอเรื้อรัง คือการไอติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 8 สัปดาห์ การไอเรื้อรังมีสาเหตุหลากหลาย อาจติดเชื้อหรือไม่ได้ติดเชื้อก็ไอได้ เช่น ภูมิแพ้ หลอดลมอักเสบ หอบหืด บางกรณีภาวะไอเรื้อรังอาจเกิดจากโรคอื่น ๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจ เช่น กรดไหลย้อน ภาวะหัวใจวาย ดังนั้นถ้าเริ่มไอจนผิดปกติควรรีบพบแพทย์ทันที เนื่องจากการหาสาเหตุของไอเรื้อรังมักต้องอาศัยเวลา และการวินิจฉัยจากแพทย์อย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ไอบ่อย ๆ จึงต้องทำความเข้าใจและให้ความร่วมมือในการรักษาให้มากขึ้น

ไอเรื้อรัง เสี่ยงโรคอะไรบ้าง

การไอเป็นสัญญาณของโรคบางอย่าง โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับปอด เช่น วัณโรคปอด ซึ่งจะไม่มีอาการในระยะแรก แต่เมื่อโรคลุกลามมากขึ้นจะมีอาการไอเรื้อรัง มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด บางรายอาจไอเป็นเลือด เจ็บหน้าอก หอบเหนื่อย

นอกจากนี้ยังเสี่ยงเป็นโรคหืด โรคภูมิแพ้อากาศ กรดไหลย้อน ไซนัสอักเสบ ที่สำคัญต้องระวังให้ดีหากไอเรื้อรังและออกมาเป็นเลือดสด มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งปอด และหากสูบบุหรี่จัดมานานก็อาจเป็นโรคถุงลมโป่งพองด้วย

อย่างไรก็ตาม การไอเรื้อรังในระยะเริ่มต้นสามารถรักษาให้หายขาดได้ ซึ่งการรักษาที่ดีที่สุดก็คือการหาสาเหตุของอาการไอและรักษาตามสาเหตุ เช่น ไอจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบนหรือเป็นหวัด ก็ควรรีบรับประทานยาแก้ไอ ยาละลายเสมหะ และหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์อีกครั้ง

ดังนั้นเมื่อรู้ตัวว่าไอไม่หายซักที จึงควรรีบไปแพทย์โดยไม่ต้องรอให้ถึง 8 สัปดาห์ หากมีอาการไอรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มีเลือดปนเสมหะ น้ำหนักลด เบื่ออาหาร หอบเหนื่อย อ่อนเพลีย เจ็บหน้าอก หรือมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไต หัวใจ และอย่านิ่งนอนใจเด็ดขาด เพราะแค่ไอ..อาจอันตรายถึงชีวิตได้

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...